4 ต.ค. 2022 เวลา 11:58 • ประวัติศาสตร์
ปริศนา "บุรุษหน้ากากเหล็ก (Man in the Iron Mask)"
เรื่องราวของ "บุรุษหน้ากากเหล็ก (Man in the Iron Mask)" เป็นเรื่องราวในนิยายที่เขียนโดย “อาแล็กซ็องดร์ ดูว์มา (Alexandre Dumas)" นักเขียนชาวฝรั่งเศส โดยเรื่องราวในนิยายนั้นนำเค้าโครงมาจากเหตุการณ์จริง นั่นคือเรื่องราวของนักโทษคนหนึ่งที่ถูกคุมขังเป็นเวลาเกือบ 34 ปี หากแต่ที่ใบหน้าของนักโทษรายนี้ จะมีหน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่เสมอ
คำถามก็คือ "ใครคือนักโทษผู้นี้?"
เรื่องราวนี้เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ.1669 (พ.ศ.2212) เมื่อมีการนำตัวนักโทษรายหนึ่งมาส่งยังเรือนจำ Pignerol ซึ่งปัจจุบันคือทางเหนือของอิตาลี แต่ในเวลานั้นยังอยู่ใต้อำนาจของฝรั่งเศส
อาแล็กซ็องดร์ ดูว์มา (Alexandre Dumas)
ผู้ที่นำตัวนักโทษรายนี้มา คือรัฐมนตรีของ "พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส (Louis XIV)" หากแต่ที่น่าแปลกก็คือรายละเอียดที่อยู่ในเอกสาร ซึ่งได้กำชับไว้ว่า
"นักโทษจะต้องได้รับการคุ้มกันอย่างใกล้ชิด และห้ามให้นักโทษสื่อสารทางจดหมายหรือด้วยวิธีใดก็ตาม นักโทษจะต้องถูกแยกตัวเพื่อไม่ให้ทหารยามได้ยินเสียงของเขา และท่านห้ามฟังในสิ่งที่เขาอาจจะต้องการพูดกับท่าน หากว่าเขาพยายามจะพูดกับท่าน ก็ขู่ว่าจะฆ่าเขาซะหากเขาจะพูดอะไรก็ตามยกเว้นเพียงแค่สิ่งที่เขาต้องการ"
ในเวลาต่อมา ก็มีการย้ายนักโทษไปยังเรือนจำอื่น โดยนักโทษนั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ และใบหน้าก็ปกปิดด้วยหน้ากากผ้าสีดำ
1
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส (Louis XIV)
ในปีค.ศ.1698 (พ.ศ.2241) นักโทษรายนี้ได้ถูกย้ายตัวไปกักขังยังเรือนจำ Bastille ในปารีส โดยมีการกำชับว่าห้ามให้ใครเห็นนักโทษรายนี้เด็ดขาด แม้แต่ผู้คุมใหญ่ในเรือนจำก็ไม่ทราบมาก่อนว่านักโทษรายนี้จะมา และผู้คุมก็ได้บันทึกว่าที่ใบหน้าของนักโทษรายนี้มีหน้ากากใส่อยู่ตลอดเวลา
1
มีการบันทึกว่านักโทษรายนี้เสียชีวิตในปีค.ศ.1703 (พ.ศ.2246) และนักโทษรายนี้จะใส่หน้ากากผ้าสีดำตลอดเวลา และไม่เคยได้รับอนุญาตให้ถอด แม้แต่เวลาทานอาหารหรือนอนหลับ ก็ถอดไม่ได้
สำหรับสาเหตุที่ภายหลังมีการเขียนว่าหน้ากากเป็นหน้ากากเหล็ก ไม่ใช่หน้ากากผ้า ก็มาจากนักเขียนชาวฝรั่งเศสที่ชื่อ "วอลแตร์ (Voltaire)" ซึ่งได้ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำ Bastille เมื่อปีค.ศ.1717 (พ.ศ.2260) และได้ยินเรื่องราวของนักโทษปริศนารายนี้จากผู้คุม
1
วอลแตร์ (Voltaire)
ดูว์มาได้เขียนนิยายเรื่องนี้ในปีค.ศ.1850 (พ.ศ.2393) และแน่นอนว่ามีการนำโครงเรื่องมาจากเรื่องราวของนักโทษรายนี้ และผูกเค้าโครงว่านักโทษรายนี้คือพระอนุชาฝาแฝดของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14
มีการผูกเรื่องว่าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 มีพระอนุชาฝาแฝด หากแต่พระราชบิดาของพระองค์ นั่นคือ "พระเจ้าหลุยส์ที่ 13 แห่งฝรั่งเศส (Louis XIII)" ทรงเป็นกังวลว่าพระราชโอรสทั้งสองอาจต่อสู้กันเพื่อชิงบัลลังก์ พระองค์จึงทรงขับพระราชโอรสแฝดองค์รองออกจากราชวงศ์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ และให้ขุนนางฝรั่งเศสรายหนึ่งเป็นผู้เลี้ยงดู
หากแต่เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ขึ้นครองราชย์ พระอนุชารายนี้อาจจะเห็นพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และตระหนักว่าแท้จริงแล้วพระองค์เป็นใคร
พระเจ้าหลุยส์ที่ 13 แห่งฝรั่งเศส (Louis XIII)
เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงทราบ ก็ได้มีรับสั่งให้นำพระอนุชาไปจองจำดังที่เล่าไว้ข้างต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ก็มาจากจินตนาการของดูว์มา
คำถามต่อมาคือ เรื่องราวนี้จะมีโอกาสเป็นจริงได้หรือไม่?
หากพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงมีพระอนุชาจริงๆ พระองค์จะทรงทำเช่นนี้จริงหรือ? และพระองค์จะเห็นพระอนุชาของพระองค์เป็นภัยจริงหรือ? ทั้งๆ ที่ในเวลานั้นพระองค์ก็ทรงเป็นหนึ่งในพระประมุขที่ทรงอำนาจที่สุดพระองค์หนึ่งในยุโรป
คำถามตามมาก็คือ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงทราบหรือไม่ว่าพระองค์มีฝาแฝด หากรู้ พระองค์ทรงรู้เมื่อไร?
หากข้อสันนิษฐานของดูว์มานั้นถูกต้อง สิ่งที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงทำก็นับว่าสมเหตุสมผล การกำจัดคู่แข่งราชบัลลังก์ก็เป็นเรื่งปกติธรรมดาในสมัยนั้น แม้จะเป็นพี่น้องก็ตาม
และในเมื่อเป็นอย่างนั้น การที่นักโทษรายนี้ต้องปกปิดใบหน้าของตนตลอดเวลาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก และยังห้ามไม่ให้นักโทษรายนี้ติดต่อสื่อสารกับใคร ก็เพื่อที่จะไม่ให้ใครรู้ว่านี่คือพระอนุชาของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14
2
แต่ข้อขัดแย้งก็ยังมีอยู่ นั่นก็คือ ไม่เคยมีหลักฐานที่แน่ชัดว่าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงมีพระอนุชาฝาแฝด
การประสูติของพระราชวงศ์นั้นเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องที่พูดกันไปทั่ว ดังนั้นหากพระองค์มีพระอนุชาฝาแฝดจริงๆ การเก็บเป็นความลับย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย
อีกอย่าง หากพระอนุชาฝาแฝดได้รับการเลี้ยงดูในครอบครัวขุนนาง ก็น่าจะมีคนจำนวนมากที่เคยเห็นพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และก็น่าจะต้องสังเกตความคล้ายคลึงกันของทั้งสองพระองค์
1
ด้วยความไม่สมเหตุสมผลนี้ ทำให้ทฤษฎีของดูว์มาไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไรนัก
มีทฤษฎีมากมายเกี่ยวกับว่าใครคือบุรุษหน้ากากเหล็กปริศนาผู้นี้ หากแต่ก็ไม่มีคำตอบหรือข้อพิสูจน์ที่แน่ชัด
1
แต่สิ่งที่ดูจะเป็นไปได้มากที่สุด หากแต่ก็ดูแล้วสมเหตุสมผลที่สุด ก็คือความเป็นไปได้ที่ว่าสาเหตุที่นักโทษรายนี้ต้องใส่หน้ากากไว้ตลอดเวลานานถึง 34 ปี ก็เนื่องจากใบหน้าของนักโทษนั้นเสียโฉม
โรคบางอย่างเช่น โรคเรื้อน อาจจะทำให้ใบหน้านั้นเสียโฉม และการแพทย์ในสมัยนั้นก็ยังไม่ก้าวหน้า ทำให้ผู้คนในสมัยนั้นหวาดกลัวและคิดว่าอาจจะติดโรคได้ จึงทำให้ต้องแยกตัวนักโทษผู้นี้ออกจากคนอื่นๆ
1
และก็เป็นไปได้ที่นักโทษผู้นี้อาจจะเกิดมาในตระกูลที่สูง เช่น อาจจะเป็นพระราชบุตรนอกสมรสขององค์กษัตริย์
จากบันทึกของวอลแตร์ ซึ่งได้อ่านเรื่องราวของนักโทษรายนี้ ได้กล่าวว่านักโทษผู้นี้แต่งกายอย่างปราณีต มีความสามารถในการดนตรี แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่ชาวบ้านทั่วๆ ไป หากแต่เป็นผู้ที่มาจากตระกูลที่ดีและมีการศึกษา
1
แต่จนถึงตอนนี้ ตัวตนที่แท้จริงของนักโทษปริศนารายนี้เป็นใคร ก็ยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัด และยังคงเป็นปริศนาสำคัญในประวัติศาสตร์ต่อไป
โฆษณา