5 ต.ค. 2022 เวลา 06:13 • ความคิดเห็น
ในการดำเนินชีวิตแต่ละวัน เราก็ไม่สามารถกำหนดได้ว่า จะเจอะเจอผู้คน คนใกล้ชิด คนที่เราทำงาน คนที่เราผ่านไปเจอะเจอ เรื่องนั่นเรื่องนี้ ที่ตาเราเห็นหูเราได้ยิน พอมันตาเห็นหูได้ยิน มันก็เกิดมีอารมณ์ชอบใจ ก็สนุก ร่าเริง เมื่อเกิดอารมณ์ไม่ชอบใจ หงุดหงิด โมโห ลุกลี้ลุกลน ไม่นิ่งเฉย มีเรื่องราวอารมณ์ต่างๆ เกิดขึ้น ทิฐิไม่ยอมบ้าง แค้นเคืองบ้าง เมื่อมีอารมณ์เกิดขึ้น มันก็เหมือนเราไปยึดถือ เรื่องคนนั้นคนนี้ เอามายึด เค้ามีกรรมอยู่ จิตของเราก็ไปหาเรื่องมาใส่ตัว เอากรรมเค้ามายึด ให้ทับถมจิตของตัวเอง
1
เรื่องราวในพวกนี้ เรื่องที่เราไปยึดเรื่องนั้นเรื่องนี้ เราก็คิดว่าเราเป็นผู้มีสติปัญญาดีแล้ว แต่เมื่อเรากลับมาถึงบ้าน เราก็นำกายสังขารที่พ่อแม่ให้มา ไปกราบพระ ทำกายให้นิ่ง จิตนิ่ง..เมื่อเรารักษากายนิ่งจิตให้นิ่งได้ อารมณ์ต่างๆ เรื่องนั้นเรื่องนี้ ที่เกาะเรือนกายเรามา ก็จะค่อยๆ ไหลออกๆ ..เหมือนเสื้อผ้าที่เราใส่ มันสกปรกเลอะเทอะ เมื่อเรานำมาซักล้าง สิ่งสกปรกนั้นก็ ค่อยๆสลัดออกไป เรื่อนกายเราก็เเหมือนเสื้อผ้านั้นเอง
1
เราไปเจอะเจอเรื่องนั้นเรื่องนี้ ก็ล้วนเป็นอารมณ์ เป็นฝุ่นละอองติดกับเรือนกาย เมื่อกายมาสวดมนต์ กราบพระ ทำสมาธิ กายนิ่ง จิตเฉยได้ สิ่งสกปรกเลอะเทอะก็หลุดล่วงออกไป กายก็เบา จิตก็เบา จิตก็มีกำลัง ..ที่จะใช้ชีวิตฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ให้คลี่คลายออกไป ด้วยจิตที่มีสติ พิจารณาเหตุผล ต่างๆ สติปัญญาในการแก้ไขปัญหา ..ต่างทั้งการงาน ทั้งอารมณ์นึกคิด เรื่องที่ไม่สมควรคิด ก็ไม่คิด จิตก็มีสติสัมปชัญญะ ไม่วุ่นวาย เพราะอารมณ์ตน
1
โฆษณา