[Podcast #W5Day] มัดธาย บทที่ 16:24 ขณะนั้นพระเยซูจึงตรัสแก่เหล่าสาวกของพระองค์ว่า ถ้าผู้ใดจะใคร่ตามเรามา ให้ผู้นั้นปฏิเสธตัวเองและแบกกางเขนของตนและติดตามเรามา.
1เธซะโลนิเก บทที่ 2 ข้อ 4 แต่ว่าพระเจ้าทรงเห็นชอบที่จะมอบกิตติคุณไว้กับเราฉันใด เราจึงกล่าวไปฉันนั้น ไม่ใช่จะให้เป็นที่ชอบใจมนุษย์ แต่จะให้เป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้าผู้ทรงชันสูตรใจเราทั้งหลาย.
ในการปรนนิบัติของคริสตจักรนั้น เราจำเป็นต้องปฏิเสธกำลังและความสามารถตามธรรมชาติของเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราได้รับมาตั้งแต่เกิดรวมถึงสิ่งที่ได้มาจากการเรียนรู้ของเรา. กำลังและความสามารถตามธรรมชาติใดๆ ก็ตามล้วนไม่มีประโยชน์ต่อการปรนนิบัติคริสตจักรในด้านของชีวิตเลย.
ในวันนี้สิ่งที่เราทำและปรนนิบัติเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้านั้นอาจเป็นไปได้ว่า บางอย่างเราก็ทำด้วยตัวของเราเองตามกำลังและความสามารถตามธรรมชาติของเรา ไม่ใช่ทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า. เพราะว่าเรามีกำลังและความสามารถ เราจึงรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องอธิษฐาน, รอคอยองค์พระผู้เป็นเจ้า, แสวงหาน้ำพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้า, หรือเสาะหาการนำพาขององค์พระผู้เป็นเจ้า.
กรณีนี้คือสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับโมเซอย่างแน่นอน. ขณะที่เขาฆ่าชาวอียิปต์เพื่อปกป้องเพื่อนร่วมชาติชาวเฮ็บรายนั้น โมเซก็ทำสิ่งนี้ด้วยตัวของเขาเองโดยไม่ได้เป็นไปตามน้ำพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้า (อซด.2:11–12).
สถานการณ์ที่น่าเศร้าในศาสนาคริสต์ทุกวันนี้ก็คือ ผู้ที่ทำงานเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าส่วนใหญ่นั้นกระทำด้วยกำลังและความสามารถตามธรรมชาติของพวกเขาเอง. พวกเขา...อธิษฐานเพียงเพื่อให้องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานการอวยพระพรให้กับสิ่งที่พวกเขากระทำเท่านั้นเอง. พวกเขาไม่ได้อธิษฐานเพื่อน้ำพระทัยของพระเจ้ามากพอ เพราะว่าพวกเขาเชื่อพึ่งในกำลังและความสามารถตามธรรมชาติของพวกเขาเอง. (บทเรียนพื้นฐานในการปรนนิบัติ, หน้า 63–64)