16 ต.ค. 2022 เวลา 04:13 • ประวัติศาสตร์
นักฟุตบอลที่ถูกแก๊งอาชญากรรมสังหารเพราะ "ยิงเข้าประตูทีมตนเอง"
"ฟุตบอล" คือหนึ่งในกีฬาที่เป็นที่นิยมของผู้คนทั่วโลก
กีฬาชนิดนี้มีความเป็นมายาวนาน และที่ผ่านมา ก็ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญต่างๆ มากมาย ในวงการฟุตบอล
แต่มีเหตุการณ์หนึ่งที่น่าตกตะลึง หากแต่เมื่อดูสถานที่เกิดเหตุ นั่นคือ "โคลัมเบีย" ก็อาจจะไม่น่าแปลกใจนัก
เรื่องราวนี้เป็นอย่างไร ลองมาดูกันครับ
ในช่วงที่ฟุตบอลโลกปีค.ศ.1994 (พ.ศ.2537) กำลังจะจบลง ประเทศที่กำลังมีคะแนนนำคือโรมาเนีย ซึ่งทีมต่อไปในลิสต์การลงแข่งขัน ก็คือโคลัมเบีย ซึ่งทำคะแนนได้ไม่ดีนัก
ทั้งสองทีมต่างมีผู้เล่นฝีมือเยี่ยม และต่างก็ต้องการจะเป็นผู้ชนะ
หนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลแห่งยุคซึ่งชื่นชอบกีฬาฟุตบอลเป็นอย่างมาก ก็คือ "พาโบล เอสโคบาร์ (Pablo Escobar)"
พาโบล เอสโคบาร์ (Pablo Escobar)
เอสโคบาร์คือเจ้าพ่อยาเสพติดแห่งยุค 80 (พ.ศ.2523-2532) และอาจจะเรียกได้ว่าเป็นผู้ที่ทรงอำนาจที่สุดในโคลัมเบียในเวลานั้นก็ว่าได้ โดยเอสโคบาร์นั้นร่ำรวยจากการค้ายา มีเงินมหาศาลชนิดติดอันดับเศรษฐีโลก และเป็นที่หวาดกลัวของผู้คน แม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังหนักใจ
ด้วยความรักในกีฬาฟุตบอล เอสโคบาร์ได้ร่วมลงเงินสร้างสนามฟุตบอลหลายแห่งในโคลัมเบีย และยังสนับสนุนเงินทุนแก่ทีมฟุตบอลในโคลัมเบีย
เอสโคบาร์นั้นเสียชีวิตในปีค.ศ.1993 (พ.ศ.2536) หากแต่ชื่อเสียงและเรื่องราวการสนับสนุนฟุตบอลของเอสโคบาร์ยังเป็นที่ร่ำลือจนถึงทุกวันนี้
1
ในเวลานั้น โคลัมเบียไม่ค่อยชอบสหรัฐอเมริกานัก และการแข่งขันกับทีมอเมริกันก็คือแมทช์สำคัญซึ่งโคลัมเบียคิดว่าจะต้องชนะให้ได้
1
แต่ในระหว่างการแข่งขันกับทีมโรมาเนีย ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผน
ในเวลานั้น ทีมโรมาเนียเป็นหนึ่งในทีมที่ดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ในขณะที่นักเตะฝีมือเยี่ยมของทีมโคลัมเบีย ก็คือ "อันเดรส เอสโคบาร์ (Andres Escobar)" นักฟุตบอลฝีมือเยี่ยมซึ่งไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับพาโบล เอสโคบาร์ แค่บังเอิญมีนามสกุลเดียวกัน
อันเดรส เอสโคบาร์ (Andres Escobar)
ผลการแข่งขันนั้น โรมาเนียชนะไปด้วยคะแนน 3-1 ซึ่งทำให้โคลัมเบียต้องลงแข่งกับทีมอเมริกัน และหากแพ้ ทีมโคลัมเบียก็จะตกรอบ
ทีมชาติโคลัมเบียได้รับคำขู่ฆ่าจากแก๊งอาชญากรรมหลายครั้ง ขู่ว่าหากไม่ชนะ ครอบครัวของผู้เล่นในทีมและคนที่เกี่ยวข้องจะถูกฆ่า ทำให้ทีมชาติโคลัมเบียยิ่งกดดัน ต้องหาทางชนะให้ได้เพื่อรักษาชีวิตครอบครัวของตน
1
นักเตะทั้งทีมต่างคิดว่าควรจะถอนตัว หากแต่เอสโคบาร์นั้นรั้งไว้ และยืนกรานให้ลงแข่งกับทีมอเมริกัน
การแข่งขันรอบที่สองนี้ก็ไม่ได้เริ่มด้วยดีเท่าไรนัก โดยทีมฝ่ายอเมริกันนั้นนำไปก่อน 1-0 แต่สิ่งที่ตามมามันกลับแย่กว่านั้นซะอีก และเรียกได้ว่าเป็นความผิดพลาดครั้งหายนะของทีมชาติโคลัมเบีย เนื่องจากเอสโคบาร์ดันยิงเข้าประตูทีมตนเอง
นั่นทำให้ฝ่ายอเมริกันนำไป 2-0 และในที่สุด การแข่งขันครั้งนี้ก็จบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายอเมริกันด้วยคะแนน 2-1
เอสโคบาร์นั้นรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก แต่เมื่อกลับถึงบ้านที่เมืองเมเดลลิน ประเทศโคลัมเบีย เอสโคบาร์ก็เลือกที่จะไม่เก็บตัว ยังคงไปไหนมาไหนตามต้องการ
1
เพื่อนร่วมทีมต่างแนะนำให้เอสโคบาร์เก็บตัวเงียบซักพัก อย่าเพิ่งออกไปไหน เนื่องจากแก๊งอาชญากรรมคงกำลังหมายหัวเขาอยู่แน่ๆ หากแต่เอสโคบาร์ก็ไม่สนใจ และกล่าวว่าตนจะไม่ยอมเป็นคนขี้ขลาดเด็ดขาด
2 กรกฎาคม ค.ศ.1994 (พ.ศ.2537) เอสโคบาร์ได้ออกไปนั่งดื่มที่บาร์กับเพื่อนๆ ซึ่งคนในบาร์ต่างก็ล้อ พูดแดกดันถึงความผิดพลาดของเอสโคบาร์ หากแต่เอสโคบาร์ก็ยังคงเก็บอารมณ์ ไม่โต้ตอบ
1
ราวๆ 3:00 น. เอสโคบาร์ได้ออกมาที่ลานจอดรถตามลำพัง ก่อนที่จะมีชายสามคนเข้ามารุมทำร้ายเขา และยิงเอสโคบาร์จนเสียชีวิต
ว่ากันว่ากลุ่มคนที่ต้องการสังหารเอสโคบาร์นั้น ไม่พอใจที่เอสโคบาร์ทำให้ทีมโคลัมเบียพ่ายแพ้ เนื่องจากได้มีการวางเดิมพันจำนวนมหาศาลไว้ ซึ่งก็ต้องเสียพนันเป็นเงินก้อนโต
2
ในไม่กี่วันต่อมา ก็สามารถจับตัวฆาตกรได้ โดยฆาตกรคือบอดี้การ์ดของหัวหน้าแก๊งอาชญากรรมรายหนึ่ง ชื่อว่า "ฮัมเบอร์โต คาสโตร มูนอซ (Humberto Castro Muñoz)" ซึ่งรับสารภาพว่าตนนั้นสังหารเอสโคบาร์จริงๆ
ฮัมเบอร์โต คาสโตร มูนอซ (Humberto Castro Muñoz)
มูนอซถูกตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 43 ปี หากแต่ด้วยความที่มีความประพฤติดี จึงได้รับการลดโทษ และติดคุกจริงเพียงแค่ 11 ปีเท่านั้น
1
ขณะที่เสียชีวิต เอสโคบาร์มีอายุเพียง 27 ปี และถึงแม้เขาจะทำให้ทีมแพ้ แต่งานศพของเขาก็มีคนไปร่วมงานกว่า 120,000 คนเลยทีเดียว
1
โฆษณา