20 ต.ค. 2022 เวลา 17:10 • กีฬา
จากราชาสู่ตัวถ่วง : การตกจากที่สูงของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่เสียราคาเพราะปรับตัวไม่ทัน | Main Stand
1
เกมเปิดบ้านชนะ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ 2-0 ที่เพิ่งจบลงไปของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถูกยกให้เป็นเกมที่ดีและสมบูรณ์แบบที่สุดของทีมปีศาจแดงในยุคของ เอริค เทน ฮาก
ทุกอย่างในเกมนี้อยู่ในระดับที่ดีและมีบรรยากาศที่ยอดเยี่ยมตลอด 90 นาที จนกระทั่งมีการช็อตฟีลเกิดขึ้นเมื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นักเตะที่เป็นราชาแห่งถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด แสดงอาการน่าผิดหวังด้วยการเดินหนีออกจากสนามก่อนจบเกม
1
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้ แต่นี่คือครั้งแรกที่เขาได้รับความรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เป็นที่ต้องการของทีม จนกระทั่งถูกมองว่า "เสียคนตอนแก่"
1
การตกจากที่สูงครั้งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ? ติดตามได้ที่ Main Stand
2
กลับมาอย่างราชา
เชื่อว่าแฟนบอลแมนฯ ยูไนเต็ด หรือแม้กระทั่งแฟนบอลทีมอื่น ๆ ยังจำได้ดีในวันที่ปีศาจแดงคว้าตัว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในวัย 36 ปีมาจาก ยูเวนตุส ด้วยค่าตัว 20 ล้านยูโร เมื่อปี 2021 ว่า ณ ตอนนั้นเกิดกระแสฟีเวอร์มากแค่ไหน
3
ไม่ใช่แค่ความตื่นเต้นเท่านั้น แต่ยังมีการวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมากมายเกี่ยวกับตัวเขาว่าการกลับมาสู่ทีมหนที่ 2 รอบนี้ เขาจะสามารถเป็นโรนัลโด้คนเดิมได้หรือไม่ ? ร่างกายของเขาจะรับมือต่อเกมที่หนักและเร็วของพรีเมียร์ลีกได้หรือไม่ ... ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยมีใครสงสัยในตัวของเขาเลยคือเรื่องในทัศนคติ ความมุ่งมั่น และวินัยของเจ้าของบัลลงดอร์ 5 สมัย เพราะนั่นคือสิ่งที่เขายืนยันตัวตนของเขาในฐานะนักเตะอาชีพมาตลอด
1
ในช่วงที่โรนัลโด้ย้ายมา เขาแสดงให้เห็นถึงฟอร์มในสนามที่ไม่มีตก เรียกได้ว่ามีโรนัลโด้มีสกอร์ก็คงไม่ผิดนัก นอกจากนี้ทั้งกุนซือในเวลานั้นอย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และเพื่อนนักเตะอย่าง บรูโน่ แฟร์นันดส์, มาร์คัส แรชฟอร์ด และ คนอื่น ๆ ก็พูดตรงกันว่าโรนัลโด้นั้นเข้ามาเปลี่ยนทัศนคติของทีม ๆ นี้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะทางโซลชานั้นเปรียบโรนัลโด้เป็นเหมือน ไมเคิล จอร์แดน ตำนานนักบาส NBA ของทีมชิคาโก บูลส์ เลยด้วยซ้ำไป
2
"คริสเตียโน่ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ เราทุกคนมีบทบาทและความรับผิดชอบของตัวเอง และคริสเตียโน่เป็นผู้นำในกลุ่ม เขาทำประตูได้มากมาย หากจะมีใครจะรับโอกาสที่ตกมาอยู่ตรงหน้าและเป็นโอกาสที่ยากมันก็คือเขา มันน่าเหลือเชื่อมาก ๆ"
1
"ผมแน่ใจว่าชิคาโก บูลส์ ก็ไม่แคร์กับการมี ไมเคิล จอร์แดน เช่นกัน บางครั้งทีมต่างก็มีผู้เล่นที่พวกเขามี และนั่นคือสาเหตุที่พวกเขาอยู่ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือชิคาโก บูลส์ และคุณก็คงคิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้น"
คำพูดดังกล่าวออกจากปากของโซลชา และมันแสดงให้เห็นชัดว่าโรนัลโด้มีอิทธิพลในห้องแต่งตัวมากแค่ไหน แม้เขาจะเพิ่งย้ายเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ แต่ทุกอย่างที่โรนัลโด้มี ทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิ ทำให้ทุกคนต่างเลิกสงสัยในตัวเขาทันที
มีการรายงานข่าวออกมาเป็นระยะ ๆ ว่าโรนัลโด้ยังคงพัฒนาตัวเองและทุ่มเต็มที่ในสนามซ้อม เขาพยายามทำตัวเป็นตัวอย่างของนักเตะรุ่นน้องในทีมด้วยการกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ และให้คำเตือนจากประสบการณ์ที่เขาเคยผ่านมา
โรนัลโด้เป็นเช่นนั้น เขายิงไปทั้งหมด 21 ประตูเป็นดาวซัลโวของทีม เป็นนักเตะที่มีฟอร์มการเล่นสม่ำเสมอที่สุดในทีมตลอดซีซั่น เขาแทบจะแบกเกมรุกของทีมไว้คนเดียว ... ทว่าในช่วงปลายฤดูกาลเริ่มปรากฏข่าวด้านลบเกี่ยวกับความเป็นมืออาชีพของโรนัลโด้ ซึ่งข่าวดังกล่าวมักจะเกี่ยวข้องกับสถานะของเขาที่ว่ากันว่า "ใหญ่คับสโมสร"
ปัญหาที่เริ่มจากร่างกายและสังขาร
โรนัลโด้เล่นดีสุด ๆ ในช่วงที่โซลชายังกุมบังเหียนอยู่ ทุกคนรู้ว่าคาแร็กเตอร์ของโซลชาเป็นรูปแบบของพี่ใหญ่ใจดี ไม่ต่อว่านักเตะผ่านหน้าสื่อ พยายามปกป้องนักเตะของเขามาโดยตลอด และโรนัลโด้ก็ได้รับสิทธิ์นั้นเสมอมา
1
ความทุ่มเทของโรนัลโด้ทำให้เขาเป็นนักเตะที่อยากจะลงเล่นทุกเกม โดยเฉพาะเกมสำคัญนั้นไม่มีเกมไหนที่เขาพลาดเลยหากไม่เจ็บ ป่วย หรือมีเหตุสุดวิสัย เรียกได้ว่าโรนัลโด้เป็นตัวยืนสำหรับโซลชาเสมอ
ข่าวคราวลบ ๆ เริ่มเกิดขึ้นในตอนที่ฟอร์มของแมนฯ ยูไนเต็ด ยุคโซลชาตกลงไป มีหลายคนโยงไปว่าวิธีการเล่น และอิทธิพลในห้องแต่งตัวของโรนัลโด้เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่ได้แดงออกมาเด่นชัดอะไร เพราะความสัมพันธ์ของโซลชากับโรนัลโด้นั้นถือว่าซี้กันเข้าขั้น จากการที่โรนัลโด้ทันเล่นร่วมกับโซลชาสมัยเป็นนักเตะ กระทั่งปัญหาทั้งหมดมาชัดเอาในยุคของ ราล์ฟ รังนิก ที่เข้ามารับหน้าที่กุนซือชั่วคราว หลังผลงานของทีมปีศาจแดงย่ำแย่จนสโมสรต้องปลดโซลชาออกไปช่วงปลายปี 2021
1
"หากมีสโมสรไหนต้องการให้ผมทำงาน ผมจะมีคำถามที่ต้องถามพวกเขาเสมอ นั่นคือ 'ผมสามารถเป็นคนที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการโดยรวมของทีมอย่างเบ็ดเสร็จหรือไม่' เพราะถ้าผมไม่ได้รับสิทธิ์นั้น รับรองว่าคุณจะได้เห็นผลลัพธ์แค่ครึ่งเดียวที่ผมทำได้เท่านั้น" รังนิก อธิบายถึงวิธีการทำงานของเขา และยืนยันว่าทีมต้องมาก่อนเสมอ
1
"สิ่งที่ผมต้องการคือสิ่งที่สำคัญต่อพัฒนาการของทีม ผมไม่ใช่คนหัวแข็ง แต่ผมเชื่อว่าคนเราทำงานด้วยกันได้ด้วยการให้ความเชื่อถือและให้เกียรติกัน ถ้าเราตกลงและเจอกันตรงกลางได้ คุณก็มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จมากขึ้นแน่นอน"
หลังจากรังนิกเข้ามา ความต้องการของเขาคือการทำให้นักเตะพยายามเล่นด้วยวิธีที่เขาคิดค้นขึ้นมานั่นคือ "เกเกนเพรสซิ่ง" ซึ่งต้องใช้พลังงานในการเล่นเยอะมาก และต้องยอมรับว่าวิธีการเล่นแบบนี้สำหรับนักเตะอย่างโรนัลโด้ที่อยู่ในช่วงปลายของอาชีพค้าแข้งก็อาจจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากต่อการปรับตัว โรนัลโด้จึงจะไม่ได้เล่นทุกเกมแบบที่เขาต้องการ และรังนิกก็พยายามแสดงให้เห็นถึงสิ่งนี้
2
ช่วงเวลาเดียวกันก็มีข่าวเกี่ยวกับอนาคตของโรนัลโด้ว่าเมื่อแมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มเสียหลักและมีโอกาสหลุดจากท็อป 4 เขาก็เริ่มที่จะมองหาลู่ทางการย้ายออก เรื่องนี้จะจริงหรือไม่ไม่มีใครรู้นอกจากคนวงใน ทว่าสิ่งที่โรนัลโด้และรังนิกทำสามารถสะท้อนอะไรบางอย่างได้
ในเกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และแพ้ 1-4 เมื่อเดือนมีนาคม 2022 รังนิกไม่ได้ส่งโรนัลโด้ลงสนามเนื่องจากปัญหาอาการบาดเจ็บ ทว่าจากนั้นก็มีบางเกมที่เขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แม้บางเกมมีเหตุผลที่เข้าใจได้ เช่นในเกมบุกพ่าย ลิเวอร์พูล 0-4 เมื่อเดือนเมษายน ซึ่งวันนั้นโรนัลโด้ได้รับอนุญาตให้ไม่ต้องลงสนามหลังเพิ่งเสียลูกแฝดไป 1 จาก 2 คนไม่กี่วันก่อนหน้า
แต่บางเกมก็ยังคงน่าสงสัย เช่นเกมปิดฤดูกาล 2021-22 ที่แพ้ คริสตัล พาเลซ บางแหล่งข่าวบอกว่าเขากลับบ้านที่โปรตุเกสในช่วงที่ทีมต้องการตัวเขา ขณะที่การกระทำของรังนิกก็บอกว่าเรื่องนี้ "อาจจะ" เกิดขึ้นจริง และโรนัลโด้เริ่มไม่มีความสุขกับทีมที่เขาอยู่ ณ ตอนนั้น
2
"ผมไม่ได้ถามเขาว่าเขามีความสุขกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือไม่ แต่เขาคือนักเตะของเราที่ต้องจะได้ลงสนามในเกมต่อจากนี้ (กับ วูล์ฟส์)" รังนิก กล่าว
1
ช่วงท้ายซีซั่น โรนัลโด้ และแมนฯ ยูไนเต็ด ฟอร์มหลุดแบบน่าใจหาย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ที่แน่ ๆ ภาษากายของเขาเริ่มบอกว่าสโมสรแห่งนี้ไม่เหมาะกับความทะเยอทะยานของเขาอีกต่อไปแล้ว ขณะที่ข่าวอีกฝั่งก็บอกว่าโรนัลโด้เองก็เป็นปัญหาที่ทำให้นักเตะของทีมปีศาจแดงรวมกันไม่ติด นอกจากนี้ยังมีผลต่อแทคติกที่เขาเป็นนักเตะที่ไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป ด้วยร่างกาย พละกำลังที่ถดถอย และอายุที่เริ่มมากขึ้น
1
ยิ่ง แมนฯ ยูไนเต็ด จบฤดูกาลด้วยอันดับ 6 ของพรีเมียร์ลีก ทำให้ทีมหลุดจากการไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก จุดนี้แหละกลายเป็นจุดแตกหักสำคัญจริง ๆ เพราะโรนัลโด้แสดงอาการออกมาว่าเขาไม่อยากจะอยู่กับทีมอีกต่อไปแล้ว
1
รับมือกับสิ่งที่ไม่เคยเจอ
ก่อนจบฤดูกาล 2021-22 ไม่กี่เกม มีการแต่งตั้ง เอริค เทน ฮาก ให้เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ในฤดูกาลถัดไป ณ เวลานั้นเกือบจะมีจุดเปลี่ยนกับโรนัลโด้ เพราะเจ้าตัวได้ออกมาแสดงท่าทียินดีและพร้อมไปต่อกับทีมแม้จะไม่ได้ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกก็ตาม
ทว่าหลังจากนั้นไม่นานก็มีรายงานว่า เทน ฮาก ได้เริ่มงานก่อนกำหนด และมีการคุยกับโรนัลโด้เรียบร้อยแล้ว สื่ออิตาลีอย่าง la Repubblica บอกว่าโรนัลโด้รู้ตัวแล้วว่าหลายสิ่งในสโมสรกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปภายใต้การคุมทีมของ เทน ฮาก ซึ่งเนื้อหาใจความคือ โรนัลโด้ไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็กต์ ดังนั้นเขาจึงอยากจะย้ายทีมทันที
แม้ เทน ฮาก จะออกมาปฏิเสธว่าเขายังต้องการให้โรนัลโด้เป็นส่วนหนึ่งของทีม แต่ข่าวจากฝั่งโรนัลโด้ล้วนเป็นไปในแง่ลบเกือบทั้งสิ้น โรนัลโด้อยากย้ายทีมเพื่อไปเล่นฟุตบอลยุโรปถ้วยใหญ่ ยอมลดค่าเหนื่อย 30% และไม่เกี่ยงที่จะย้ายไปเล่นให้กับทีมในพรีเมียร์ลีกทีมอื่น ๆ ทั้งหมดนี้คือเนื้อหาที่ปรากฏบนสื่อ
1
จากนั้นโรนัลโด้ก็ได้ยืนยันเรื่องนี้ด้วยพฤติกรรมที่เขาไม่เคยทำมาก่อน นั่นคือการกระทำแบบไม่เป็นมืออาชีพ โรนัลโด้รับมือกับความผิดหวังได้ไม่ดีนัก เขาอยากย้ายแต่แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่อยากปล่อย และปัญหาใหม่ก็เริ่มขึ้น
วันที่ เทน ฮาก เรียกตัวนักเตะของทีมกลับมารวมตัวเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับช่วงพรีซีซั่น โรนัลโด้เป็นนักเตะเพียงคนเดียวที่ไม่มารายงานตัวโดยให้เหตุผลว่า "มีปัญหาเรื่องครอบครัว" จนแล้วจนรอดสโมสรก็ลงเล่นเกมพรีซีซั่นไปแล้วหลายเกม รวมถึงมาทัวร์ประเทศไทยและออสเตรเลียแบบที่ไม่มีนักเตะเจ้าของเสื้อหมายเลข 7 ลงสนาม จนมาถึงการเล่นเกมกระชับมิตรนัดสุดท้ายก่อนเปิดฤดูกาล 2022-23 เขาก็ยังแสดงพฤติกรรมด้านลบในเกมกับ ราโย บาเยกาโน ด้วยการหนีกลับบ้านก่อนเกมจบ หลังจากที่เขาโดนเปลี่ยนตัวออกช่วงพักครึ่ง
2
โรนัลโด้แทบไม่ได้ซ้อมร่วมกับทีมเลยจนกระทั่งฤดูกาลเริ่ม และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหลายคนจึงมองเขาเปลี่ยนไป และบอกว่าบางทีการไม่มีเขาอยู่กับทีมน่าจะดีกว่า ครั้นพอฝึกซ้อมกับทีมได้และกลับมาลงสนาม โรนัลโด้ก็ต้องรับกรรมของการไม่ได้ซ้อมร่วมกับทีมด้วยการตกเป็นตัวสำรองถาวร ซึ่งเป็นสถานะที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน
เทน ฮาก พยายามบอกกับสื่อมาตลอดว่าโรนัลโด้ยังสำคัญต่อทีม แต่ความจริงที่ปรากฏคือโรนัลโด้มีส่วนร่วมกับทีมน้อยมาก และแทบไม่ได้เล่นเกมเต็ม 90 นาทีเลย ไม่นั่งเป็นตัวสำรองก็โดนเปลี่ยนตัวออกระหว่างเกม ซึ่งภาษากายของเขาแสดงถึงความไม่พอใจอยู่บ่อยครั้ง ยิ่ง เทน ฮาก บอกว่าโรนัลโด้สำคัญกับทีมเท่าไหร่ แต่ในความจริงกลับตรงกันข้าม ซึ่งเรื่องนี้เกิดบ่อยและมันเป็นเหมือนการทำให้โรนัลโด้เริ่มเผยด้านมืดของเขาออกมาเรื่อย ๆ
1
โรนัลโด้กำลังประสบปัญหา "จมไม่ลง" เขาไม่เคยเป็นตัวสำรองและถูกละเลยความสำคัญมาก่อน ครั้นพอได้ลงสนามฟอร์มการเล่นของเขาก็ตกลงไปด้วย จนกระทั่งตอนนี้ผ่านมาแล้ว 2 เดือนกว่า ๆ ของฤดูกาลใหม่ โรนัลโด้ยังยิงประตูได้แค่ 2 ลูกเท่านั้น ล่าสุดในเกมกับ สเปอร์ส เขาไม่ได้โอกาสลงเล่นแม้แต่นาทีเดียว ในขณะที่ทีมเป็นฝ่ายนำ 2-0 ก่อนจะจบเกม ทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดี บรรยากาศในโอลด์ แทรฟฟอร์ด ก็สุดยอดอย่างที่ไม่เคยเป็นมานาน แต่โรนัลโด้ก็ช็อตฟีลด้วยการเดินออกจากสนามก่อนเกมจะจบ ด้วยท่าทางที่แสดงถึงความผิดหวังและไม่พอใจ
1
เทน ฮาก พูดหลังเกมทันทีว่า "เขาอยู่ตรงนั้น ผมเห็นเขาแล้ว แต่ผมยังไม่ได้คุยกับเขาหลังจากนั้น ผมจะจัดการเรื่องนี้ในวันพรุ่งนี้"
แม้ เทน ฮาก จะยังไม่ได้ตัดสินใจและจัดการกับการกระทำของโรนัลโด้ครั้งนี้ แต่สำหรับแฟนบอลทั้งโลกนั้นได้ตัดสินใจไปแล้วว่าโรนัลโด้กำลังประสบปัญหาการตกจากที่สูงและไม่สามารถรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ พฤติกรรมด้านลบของเขาเผยขึ้นมาทีละนิด ๆ และสิ่งเหล่านี้ก็บั่นทอนความยิ่งใหญ่ตลอดอาชีพที่เขาสร้างขึ้นมาอย่างแท้จริง
1
เรื่องนี้ไม่สามารถโทษใครได้จริง ๆ นอกจากตัวของเขาเอง โรนัลโด้วางตัวเหนือสโมสรนับตั้งแต่ช่วงก่อนเริ่มฤดูกาลจนถึงตอนนี้ ... หากเขายังวางตัวเป็นมืออาชีพ ก้มหน้าก้มตาทำตามสิ่งที่โค้ชสั่ง โฟกัสกับเรื่องในสนาม สิ่งเหล่านี้อาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะถูกใช้งานมากขึ้นในยุคของ เทน ฮาก ก็เป็นได้ หรืออย่างน้อยที่สุดแฟนแมนฯ ยูไนเต็ด ก็พร้อมจะรักเขาอย่างไร้เงื่อนไข และจะยกย่องเขาในฐานะราชาต่อไปแม้ว่าเขาจะอายุมากขึ้นและมาตรฐานตกลงไปก็ตาม
ทว่าเมื่อ โรนัลโด้ เลือกเส้นทางที่เขาไม่เคยเลือกและไม่ควรเลือก ก็ไม่แปลกที่เขาจะเปลี่ยนสถานะจากราชาสู่ตัวถ่วงของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ณ เวลานี้
2
แหล่งอ้างอิง
โฆษณา