10 ม.ค. เวลา 14:30 • การ์ตูน

ความสัมพันธ์ชั่วนิรันดร์อันซับซ้อนของอารารากิและชิโนบุ ใน Monogatari (ตอนต้น)

“ถ้าเธอเลือกจะตายในวันพรุ่งนี้ ฉันก็พอใจที่จะให้พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้าย ถ้าเธอจะมีชีวิตอยู่ในวันนี้ ชั้นก็จะมีชีวิตอยู่ผ่านวันนี้ไป” คือคำพูดที่อารารากิกล่าวต่อชิโนบุ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคือความสัมพันธ์ที่ไม่อาจจำกัดความได้ (สปอยเนื้อหาตลอดทั้งเรื่อง Monogatari)
Kiss-Shot Acerola-Orion Heart-Under-Blade คือราชินีแวมไพร์ในตำนาน ผู้สังหาร “สิ่งแปลกประหลาด” ที่มีอายุกว่าหกร้อยปี และใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวมาตลอด ความเงียบเหงาไร้ผู้คนทำให้เธอตัดสินใจที่จะตาย จนกระทั่งพบเจอกับอารารากิ โคโยมิ พระเอกของซีรีส์ Monogatari
ใน Bakemonogatari ซึ่งเป็นเรื่องราวแรกที่นำผู้ชมเข้าสู่เรื่องราว หรือ “ปกรณัมของสิ่งแปลกประหลาด” นำเสนอเด็กหญิงอายุประมาณแปดขวบที่อาศัยอยู่กับโอชิโนะ เมเมะในตึกโรงเรียนพิเศษร้างอย่างเป็นปริศนา เมื่ออารารากินำเซนโจกาฮาระมาพบโอชิโนะที่ตึกร้าง เธอชี้นิ้วไปที่เด็กหญิงที่นั่งกอดเขาอยู่มุมห้อง แล้วถามว่า เธอคือใคร โอชิโนะตอบแบบไม่ได้ให้ความสนใจอะไรว่า “ไม่ต้องสนใจอะไรเธอหรอก เธอไม่เหลือแก่นสารอะไรแล้ว แม้แต่ชื่อเธอก็ไม่หลงเหลืออยู่”
ชิโนบุนั่งกอดเข่าอยู่มุมห้องใน Bakemonogatari
นั่นเป็นคำบรรยายที่ถูกต้องที่สุดสำหรับอดีตราชินีแวมไพร์อายุหกร้อยปี แม้แต่ชื่อยาว ๆ นั้นของเธอก็หลุดมือเธอไปแล้ว
หลายคนถกเถียงว่าให้เริ่มดูซีรีส์นี้จาก Kizumonogatari เพราะเป็นเรื่องราวก่อน Bakemonogatari แต่หากทำเช่นนั้น มันจะด้อยค่าความสำคัญของเด็กหญิงผมทองไป เธอปรากฏตัวเป็นครั้งคราวใน Bakemonogatari บทบาทของเธอมีไม่มาก แต่ผู้ชมย่อมสัมผัสได้ถึงความสัมพันธ์บางอย่างที่ไม่ถูกพูดถึงระหว่างเธอและอารารากิ และเมื่อเรื่องราวถูกเปิดเผยใน Kizumonogatari ปริศนาของเด็กผมทองก็คลี่คลายลงไป และเราจะพบว่า เรื่องราวนั้นเป็นเรื่องที่อารารากิจะไม่พูดถึง มันยิ่งสร้างความสำคัญให้แก่ตัวละครปริศนาคนนี้
ชิโนบุในตอนจบของ Kizumonogatari ภาค 3
“เราสร้างบาดแผลแก่กันและกัน เราเลียแผลให้กันและกัน มันเป็นเรื่องราวของแผลเป็นที่ฉันจะไม่บอกกล่าวแก่ใครหน้าไหน” อารารากิกล่าวปิดเนื้อเรื่องของ Kizumonogatari
แท้จริงแล้ว เด็กหญิงผมทองนั้นคือ Heart-Under-Blade ที่สูญสิ้นไปแล้วซึ่งทุกสิ่ง แม้แต่ชื่อของเธอ เธอไม่เหลือพลังอะไรอีก เป็นเพียงซากของอดีตแวมไพร์ผู้ยิ่งใหญ่ที่แบกรับความโกรธต่ออารารากิที่ไม่เติมเต็มความปรารถนาที่จะตายของเธอ แต่กลับทิ้งเธอไว้เป็นเพียงซากของสิ่งมีชีวิตที่เป็นคนก็ไม่ใช่ เป็นแวมไพร์ก็ไม่เชิง
ทั้งสองพบกันในตอนที่ Hear-Under-Blade กำลังจะตาย แม้ว่านั่นคือสิ่งที่เธอต้องการก็ตาม เธอกลับกลัวที่จะตาย และอ้อนวอนอารารากิให้ช่วยเธอให้รอดตาย อารารากิยินยอมแลกชีวิตของเขาเพื่อให้เธอมีชีวิตอยู่ ในตอนนั้น ทั้งสองมีสภาพที่เหมือนกัน ทั้งสองไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อใครทั้งสิ้น ทั้งสองไม่หลงเหลือคุณค่าของชีวิต ความตายจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร อย่างไรก็ตาม เธอกลับไม่ยอมที่จะตาย อย่างน้อย เธอไม่ยอมที่จะตายเฉย ๆ
Kiss-Shot Acerola-Orion Heart-Under-Blade รอความตายใน Kizumonogatari ภาค 1
แทนที่จะตาย อารารากิกลับ “เกิดใหม่” เป็นแวมไพร์รับใช้ราชินีแวมไพร์ ซึ่งเธอกลายเป็นเด็กอายุประมาณห้าขวบ ราชินีแวมไพร์ในร่างเด็กไร้เดียงสาสั่งไพร่ของเธอ นั่นคือ อารารากิ ให้ไปสู้กับนักล่าแวมไพร์ที่ขโมยแขนและขาของเธอกลับมา เพื่อที่เธอจะกลับมามีพลังเต็มที่อีกครั้ง เธอบอกว่า เมื่อนั้น เธอจะสามารถคืนอารารากิกลับสู่ร่างมนุษย์ได้ อารารากิที่ไม่มีทางเลือกเพราะต้องการจะกลับเป็นมนุษย์ จึงยอมทำตามที่เธอสั่ง
เมื่อเผชิญหน้ากับนักล่าแวมไพร์ทั้งสาม เขาพยายามให้เหตุผลว่าเขาเป็นมนุษย์ แต่ความเป็นจริงกลับตรงกันข้าม อารารากิเป็นแวมไพร์เต็มตัว เขาเกือบไม่รอดหากโอชิโนะไม่เข้ามาช่วย เราไม่รู้ว่าโอชิโนะมีอิทธิพลมากขนาดไหนในวงการนี้หากเราเพียงดู Bakemonogatari แต่ใน Kizumonogatari มันย่อมเป็นเรื่องแน่นอนที่เขาเป็นที่นับถือในวงการ เพราะเขาคนเดียวสามารถต่อรองให้ทั้งสามสู้กับอารารากิตัวต่อตัวได้
โอชิโนะ เมเมะ มาช่วยอารารากิใน Kizumonogatari ภาคแรก
เมื่ออารารากิได้ทั้งแขนและขาของ Heart-Under-Blade คืนมาแล้ว เขาสงสัยว่าทำไมเขาสามารถจัดการนักล่าแวมไพร์ได้โดยไม่มีปัญหาอะไรมากมาย นั่นก็คือ เขาสงสัยว่าราชินีแวมไพร์ต้องไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์เมื่อเธอสู้กับนักล่าแวมไพร์ทั้งสาม โอชิโนะเฉลยว่าเป็นความจริง เพราะเขาขโมยหัวใจเธอมาก่อนที่นักล่าแวมไพร์จะจัดการเธอ
แต่โอชิโนะก็คืนหัวใจให้แก่อารารากิโดยดี โดยไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้น เพราะนั่นไม่ใช่หน้าที่ของโอชิโนะ ปัญหานี้ไม่ใช่ของเขา โอชิโนะรู้ดีว่าปัญหาที่แท้จริงมันต่อจากนี้ต่างหาก
หัวใจของ Hear-Under-Blade
เมื่อ Heart-Under-Blade กลับคืนสู่ร่างสมบูรณ์ เธอและอารารากินั่งคุยกันฉันเพื่อนสนิท ทั้งคู่ดูมีความสุขอย่างมาก ประหนึ่งว่าทั้งสองคือเพื่อนคนแรกและคนเดียวของกันและกัน อารารากิเสนอให้มีการกินเลี้ยงกันก่อนที่เขาจะกลับเป็นมนุษย์ และเธอจากเขาไป เธอยินดี
แต่เมื่ออารารากิกลับมาพบเธอพร้อมอาหารร้านสะดวกซื้อ เขาพบภาพน่าสยดสยอง เธอ ราชินีแวมไพร์ กำลังฉีกเนื้อหนึ่งในนักล่าแวมไพร์กินอย่างมุมมาม
เธอหันกลับมาตอบอย่างไร้เดียงสา แต่สีหน้าโหดเหี้ยมว่า “อย่ารบกวนกุลสตรีระหว่างทานอาหารสิ” เมื่อนั้น อารารากิเข้าใจความหมายของการกระทำของเขา เขาเข้าใจปัญหาที่แท้จริงที่โอชิโนะบอกใบ้ไว้ การที่เขาช่วยชีวิตราชินีแวมไพร์ไว้เป็นภัยต่อมนุษยชาติ นั่นคือเหตุผลที่ “ผู้เชี่ยวชาญ” ทั้งหลายต้องการที่จะสังหารเธอ
หลังจากทำใจอยู่เกือบครึ่งภาค อารารากิตัดสินใจเผชิญหน้าเธอ เพื่อสังหารเธอ เพื่อคืนเขากลับสู่ความเป็นมนุษย์ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เขาก่อขึ้น อารารากิกล่าวต่อเธอว่าเธอหักหลังเขา เธอตอบว่า แท้จริงแล้วเขาก็รู้อยู่แก่ใจถึงความหมายของการกระทำของเขา แต่เขาเพียงแต่ไม่ยอมรับมันตั้งแต่แรก และฉากต่อสู้ที่ตลกแต่ชวนขนลุกก็เกิดขึ้น ด้วยความเป็นแวมไพร์ แม้ว่าจะต่อยหัวกันขาดเป็นสิบ ๆ หัว ทั้งคู่ก็ไม่อาจตายได้
อารารากิในมือของ Heart-Under-Blade
ฮาเนะคาว่า เพื่อคนแรกของอารารากิ (ซึ่งสมควรเขียนวิเคราะห์แยก) จับความผิดปกติได้ เธอลงมาเผชิญหน้าราชินีแวมไพร์ และกล่าวต่อหน้าเธอว่า เธอไม่ได้เอาจริงแต่อย่างใด อารารากิได้เปรียบเมื่อ Heart-Under-Blade เผลอ และดูดเลือกของเธอได้สำเร็จ และนั่นคือวิธีสังหารแวมไพร์ เสียงกรีดร้องของเธอกลายเป็นเสียงหัวเราะอย่างพึงพอใจ และเมื่อเธอถูกสูบเลือดจนเกือบหมดตัว อารารากิกลับหยุด
ฮาเนะคาว่าพูดถึงข้อสงสัยขอเธอว่า Heart-under-Blade จงใจมาตายด้วยมือของอารารากิ ราชินีแวมไพร์ยืนยันข้อสงสัยนั้น แต่มันเพื่ออะไรกัน
แท้จริงแล้ว เธอมาที่ญี่ปุ่นก็เพื่อหาที่ตาย เธอเล่าถึงบริวารคนแรกของเธอ มนุษย์คนแรกที่เธอทำให้เป็นแวมไพร์ เมื่อเขาเป็นแวมไพร์ได้ไม่นาน ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอก็มอดดับลง เขาไม่พอใจที่เธอทำให้เขาเป็นแวมไพร์ และเขาก็ฆ่าตัวตายต่อหน้าเธอเป็นการประชด นั่นคือแผลเป็นในจิตใจเธอมาโดยตลอด องค์หญิงที่ถูกสาปให้อยู่คนเดียวตลอดกาล ไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์กับใครได้
ความโดดเดี่ยวของเธอทำให้เธอตัดสินใจที่จะตาย แต่ก่อนที่เธอจะตาย เธอกลับลังเล เพราะความตายของเธอก็ไม่มีคุณค่าอะไรเลย ไม่ต่างจากชีวิตที่โดดเดี่ยวของเธอแม้แต่น้อย อย่างน้อยที่สุด เธอคิด หากเธอจะตาย เธอขอตายเพื่อใครสักคนหนึ่ง เธอตัดสินใจจะตายเพื่อช่วยเหลือเพื่อนคนเดียวของเธอ คนที่แลกชีวิตตนเองเพื่อช่วยเธอไว้ เธอต้องการที่จะตายเพื่ออารารากิ
ความสิ้นหวังของ Heart-Under-Blade
แต่อารารากิไม่เห็นด้วย จริงอยู่ที่เขาอยากจะกลับเป็นมนุษย์ และเธอต้องการจะตาย ทางออกมันง่ายมาก เขาต้องฆ่าเธอ แต่ความเห็นแก่ตัวและความเสียสละที่ผสมปนเปอย่างลึกซึ้งแต่แปลกประหลาดของเขาไม่ยอมให้เธอตาย เขาเรียกร้องหาโอชิโนะ เมื่อนั้น โอชิโนะปรากฏตัว อารารากิขอให้เขาช่วย ขอให้เขาหาทางให้เกิด Happy Ending
โอชิโนะตอบกลับด้วยความขุ่นเคือง “จะบ้าหรือ คิดว่าทางออกแบบนั้นมันมีอยู่หรือยังไง” ตามด้วยความเงียบสงัด และแล้ว โอชิโนะก็เสนอขึ้นมาว่า “แต่ฉันมีทางออกที่ทำให้ทุกคนต้องทนทรมานนะ จะเอาไหมล่ะ” ทางเลือกเป็นของอารารากิ เขาจะฆ่าแวมไพร์เพื่อกลับเป็นมนุษย์ ตามที่เธอต้องการ หรือจะไว้ชีวิตเธอ โดยการสูบเลือดเธอจนไม่เหลือความเป็นแวมไพร์อยู่ แต่เธอจะต้องยึดติดกับอารารากิไปตลอดชีวิตเพราะต้องเติมเลือดเพื่อดำรงอยู่ แม้เธอจะยังอยู่ แต่ก็จะไม่เป็นภัยต่อมนุษย์
Heart-Under-Blade ตื่นตระหนก
อารารากิเองก็ไม่สามารถกลับเป็นมนุษย์ได้เช่นกัน แต่ก็ไม่ใช่แวมไพร์ เขาจะมีพลังส่วนหนึ่งของแวมไพร์ จะตายก็ไม่ได้ จะอยู่ก็อยู่อย่างมนุษย์ก็ไม่ใช่ เธอจะเป็นแวมไพร์ก็ไม่ใช่ มนุษย์ก็ไม่เชิง เขาจะเป็นมนุษย์ก็ไม่ใช่ แวมไพร์ก็ไม่เชิง และการมีอยู่ของทั้งสองจะผูกติดกันไปตลอดกาล วงการ “ผู้เชี่ยวชาญ” เองก็จะแบกรับความเสี่ยงที่เธออาจจะกลับมาเป็นแวมไพร์ที่สมบูรณ์อีกครั้ง
ราชินีแวมไพร์โอดร้องขอให้อารารากิเลือกที่จะฆ่าเธอทั้งน้ำตา สำหรับเธอ การมีชีวิตอยู่เช่นนั้นมันแย่กว่าความตาย แต่อารารากิเลือกแบบที่สอง ทั้งคู่จึงเป็น “คู่ชีวิต” ของกันไปตลอดกาล จากบาดแผลที่ทั้งสองสร้างให้กันและกัน
ตลอด ทั้ง Bakemonogatari แวมไพร์ตนนั้นไม่เอ่ยปากพูดสักคำ โอชิโนะให้ชื่อใหม่แก่เธอ “ชิโนบุ” แน่นอนว่าเป็นการเล่นคำ (忍 ประกอบด้วยคันจิ 心 แปลว่าหัวใจ (Heart) อยู่ล่าง (Under) 刃 แปลว่า ใบมีด (Blade) ตามชื่อท้ายของเธอ) นอกจากเธอจะไม่พูด เธอขอให้โอชิโนะเอาหมวกกันน็อกมาใส่ให้เธอ แสดงออกถึงความสัมพันธ์ที่พังลงระหว่างเธอและอารารากิ เพราะสิ่งที่เธอขอให้อารารากิทำเพื่อเป็นการแสดงความภักดีคือการลูบหัวเธอเหมือนเด็กน้อย การใส่หมวกนั้นคือการปฏิเสธอารารากินั่นเอง
ทั้งสองไม่พูดคุยกันอีกเลยจน Nisemonogatari ในฉากอาบน้ำที่สวยงามที่สุดของเรื่อง เธอกลับสู่บุคลิกคนพูดเยอะแบบที่เธอเคยเป็น และไม่ได้ใส่หมวกนั้นอยู่ แสดงถึงความเปิดใจของเธอต่อเขาอีกครั้งหลัง จากเหตุการณ์ตอนท้ายของ Bakemonogatari ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอกลับกัน เขากลายเป็นนาย และเธอกลายเป็นบ่าว
ทั้งสองอาบน้ำในอ่างเดียวกัน
“ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาข้าครุ่นคิดและได้ข้อสรุปว่า ข้าไม่ให้อภัยเจ้า และเจ้าก็ไม่ให้อภัยข้า” ชิโนบุกล่าวแก่อารารากิ และพยายามเกลี่ยกล่อมให้เขาฆ่าเธอ “รู้ใช่หรือไม่ว่าความเป็นแวมไพร์ของเจ้าทำให้เจ้าเป็นอมตะ เจ้าจะต้องอยู่ต่อไปเพื่อพบแต่ความสูญเสียของคนรอบข้าง เพื่อน และคนรักของเจ้า” แต่อารารากิปฏิเสธ
“เธอได้ข้อสรุปแล้วไม่ใช่หรือ ฉันไม่ให้อภัยเธอ เธอก็ไม่ให้อภัยฉัน เราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปจนตาย เราจะไม่คุยเรื่องนี้กันอีก”
และแล้ว เรื่องราวของวิตวิญญาณสองดวงที่ชีวิตและความตายนั้นไม่มีความหมาย กลายเป็นเรื่องราวที่ต่างคนต่างมอบความหมายในการมีชีวิตให้แก่กันและกัน ก็เริ่มต้นขึ้น
(มีต่อ)
โฆษณา