25 ต.ค. 2022 เวลา 01:25 • ไลฟ์สไตล์
สมัยก่อนคนเข้าสร้างวัด ถวายต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อบำรุง ทำไว้ในศาสนา ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเป็นสถานที่สร้างบุญสร้างกุศล สืบต่อพระศาสนา ผู้ที่ที่เกิดมารุ่นหลัง จะได้พบรอยพระศาสนา เป็นสถานที่ให้ชาวพุทธได้ ไปถือศีลฟังธรรม เวลาจะสร้างวัด ผู้คนก็ไปช่วยกันสร้าง ไปเลื่อยไปตัดไม้ อาศัยสละแรงกายช่วยกันสร้าง จึงเป็นวัดวาขึ้นมา ให้คนได้เข้ามาเรียนศึกษา คนที่มาบวช..เค้าก็มีความตั้งใจ ประพฤติปฏิบัติ รักษาศีล มีการสอนเรื่องราวของพระคุณพ่อแม่ มีประเพณีเกี่ยวกับการบวช
แล้วคนสมัยก่อน แล้วจะไปทำบุญทำทาน เค้าแต่งตัวกันเรียบร้อย ต้องเดินฝ่าดงหญ้า ผ่านป่ารก กว่าจะไปถึงวัด เดินกันไกลไปตามทางรก เพื่อไปทำบุญสร้างกุศล เค้าทำด้วยความเต็มใจ นอบน้อมในการสร้างบุญกุศล ไม่ได้ไปกระทำแบบดูหมิ่น..การสร้างบุญกุศลของตน ..เค้าสละปัจจัยทำด้วยความเต็มใจ
ส่วนเราเข้าวัด เพื่อไปสร้างบุญกุศล ไปช่วยสร้างบุญกุศล ฟังธรรม ที่ท่านพระท่านแนะนำให้ เพื่อนำมาฝึกหัด เรื่อง กาย อารมณ์ จิต เรื่องเวทนาจิต เวทนาอารมณ์ ตลอดไปจนถึงเรื่องของคำว่าวิญญาณหก เรื่องของการเจ็บป่วย ..ที่เค้าว่าเกิดจากกรรม เราก็เอาตัวเราเป็นที่ทดสอบ ไม่ต้องไปหาหมอ ..ปฏิบัติธรรมขึ้นมา..จะได้ประจักษ์ ในสิ่งที่เค้าว่า เจ้ากรรมนายเวร เค้ามาทวงกรรม แล้วกรรมที่เรามี มันสะสมอยู่ที่ไหนบ้าง
ตลอดจนเรื่องราวที่ไม่ใช่คำสอน ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่คนเอามาทำขึ้น ด้วยหวังลาภ ยศ ทรัพย์สินเงินทอง เพื่อให้ความโลภโกรธหลงมากขึ้น ที่สวนทางกับรอยคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มันทำให้เกิดกรรมอะไรขึ้นมาบ้าง แล้วก็เป็นการปิด..รอยคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งที่มาบวชครองผ้ากาสาวพัสตร์ มาทำตนเป็นนักบวข
เมื่อไม่ได้ทำในรอยคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ตนมาขอบวช ..นั้น ก็เลยมีแต่กรรม ที่ส่งเสริมให้หลงใหล ลาภยศ ไม่ได้ลดละโลภโกรธหลงที่จิตตนเลย แล้วไม่รู้ตัวว่าตนเองหลง ดูตัวเองไม่ออก เหมือนจิตที่ถูกปิดด้วยกรรมที่ตนทำ เพราะผ้าเหลืองนั้นเป็นเครื่องหมายธรรม ให้มาสร้างกายวาจาใจ มาเดินอยู่ในรอยของผู้ที่มีธรรม เมื่อมองไม่เห็น ก็มีแต่กรรมเป็นทวีคูณ
ซึ่งเราก็ทำให้ได้ประจักษ์ขึ้น ว่าคนเรา บางครั้งทำบุญก็หวังได้กรรม เรียกร้องหากรรม หรือทำบุญ..เพื่อให้เกิดบุญ เบาบางจากอารมณ์ ที่พาจิตไปยึดถือ สิ่งนั้นสิ่งนี้ จะได้เบาบางลง เราก็สังเกตได้ ..ว่าสิ่งที่คนที่เค้าทำ แบบเรียกร้องหากรรม มันมีมีทุกข์เพิ่มขึ้นจริงมั้ย กับคนที่ทำบุญ สละให้เป็นบุญ..รู้จักคำว่าบุญ คนไหนมีจิตใจที่ดีงาม มีอารมณ์ที่ดี ไม่หงุดหงิดง่าย ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่มักโกรธโมโห ..เราก็ได้สังเกต ..แบบไหนดี ..วัดจิตวัดใจ สำรวจตรวจสอบจิตของเราเอง
แล้วเมื่อเราไปสร้างบุญกุศลมากขึ้น มีการปฏิบัติมากขึ้นเราก็จะค่อยรู้จักสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตา จิตที่เค้าลำบากลำบน เรื่องเปรต เรื่องจิตเร่ร่อนที่คนเค้าว่ากัน เราก็ได้เรียนรู้ ว่าทำไมเค้าต้องการบุญ เรียกร้องหาบุญ แต่ตอนเป็นมนุษย์กลับไม่ทำเอง ซึ่งเมื่อเราปฏิบัติธรรม ไปเรื่อยๆ เรื่องราวพวกนี้ เมื่อเราประจักษ์ขึ้นมา ..เราก็เห็นความสำคัญของการสร้างบุญกุศล ทำด้วยความนอบน้อม เพราะวันหนึ่งจิตเรา ก็ต้องไม่มีกาย เป็นนามธรรม เยี่ยงอย่างเค้ามั้ย?
เมื่อจิตเราเข้มแข็งขึ้น เราจะอัศจรรย์ในคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าตอนที่ท่านตรัสสอนธรรม ทำไมเทพยดาอินทร์พรหม มาฟังธรรมกันมากมาย ..เค้าฟังไปเพื่ออะไร ..ในเมื่อไม่ได้มีกายเป็นมนุษย์ที่จะประพฤติปฏิบัติธรรมได้ ..เค้าฟังเก็บไว้ เพื่อจะได้ เอาไว้ในจิต ฝากกับธาตุทั้งสี่ เมื่อลงมาเกิดเป็นมนุษย์ เค้าจะได้ปฏิบัติธรรมสร้างบุญกุศลบารมีต่อไป เพราะถึงเวลาเกิด ก็ต้องเกิด . เกิดมาก็ทุกข์ ทุกดวงจิต จึงต้องการยุติการเกิด สะสางยุติกรรมให้หมดจด ให้ธาตุสี่ที่ตนอาศัยบริสุทธิ์หมดจดเป็นแก้ว แก้วพระนิพพาน
โฆษณา