26 ต.ค. 2022 เวลา 13:00 • สัตว์เลี้ยง
🐶😼 เรียนรู้ภาษากายน้องหมาและน้องแมว…ต่างกันยังไงนะ?
คงเป็นเรื่องลำบากกันสักเล็กน้อยสำหรับคนรักสัตว์ ที่เลี้ยงทั้งน้องหมาและน้องแมวเอาไว้ในบ้านเดียวกัน เพราะทั้งหมาและแมวจะมีการสื่อสารผ่านร่างกายแตกต่างกัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะดูไม่ออกทั้งหมด
ภาษากายน้องหมา จะมีการสื่อสารผ่านตา หาง หู การเคลื่อนไหว และเสียงเห่า เสียงร้อง ส่วนภาษากายน้องแมว พวกเขาจะมีการสื่อสารคล้าย ๆ กับน้องหมา แต่จะมีรายละเอียดที่ยิบย่อยกว่าในส่วนของหางและหู โดยจะเห็นมีความแตกต่างดังต่อไปนี้
1. ความแตกต่างในส่วนของ “หาง”
น้องหมา - จะมีการสื่อสารทางหางด้วยการส่ายหาง กระดิกหาง เมื่อดีใจ เป็นมิตร หรือเห่าขู่ พร้อมสู้ หางตั้งขึ้นเวลาแสดงอำนาจท้าทาย หางจุกตูด เมื่อรู้สึกกลัว ยอมแพ้ และทิ้งหางตกพื้น พอรู้สึกสนใจ สงสัย สิ่งที่อยู่ตรงหน้า
น้องแมว - การแกว่งหาง แสดงว่าพวกเขาอารมณ์ไม่ดี ไม่ต้องการให้ใครมายุ่ง ให้ออกไปห่าง ๆ มีทั้งลักษณะการแกว่งสะบัดขึ้นลง ถ้าแกว่งซ้ายขวาขนานกับพื้นช้า ๆ อาจแค่หมอง ๆ ไม่สบายใจ ลดดีกรีควาวมรุนแรงลงมา ถ้าหางตั้งตรงแสดงว่ารู้สึกหวั่นใจ ดีใจมาก ๆ ถ้าตั้งขึ้นปลายหางโค้งหักไปทางด้านหน้าเล็กน้อย แสดงว่าอามรณ์ดี เป็นปกติ แต่ถ้าหางตั้งตรงพองฟู ห้ามเข้าใกล้เด็ดขาด พวกเขากำลังบอกว่า ถ้าเข้ามาใกล้ เป็นเรื่องถึงกับบาดเจ็บแน่นอน! ส่วนหางตกแสดงว่ารู้สึกเศร้า กลัว ไม่มีความความสุข
2. ความแตกต่างในส่วนของ “หู”
น้องหมา - น้องหมาจะมีหูหลากหลายรูปแบบทั้งตั้งขึ้นเป็นสามเหลี่ยม หูตั้งขึ้น หูที่พับลง เป็นต้น ซึ่งภาษากายที่สื่อสารผ่านหูของน้องหมาจึงดูไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ อาจจะเห็นชัดบ้างสำหรับน้องหมาที่มีหูตั้ง เช่น เวลากลัว หรือ ไม่ไว้ใจใคร หูจะลู่ไปด้านหลัง แต่ถ้าตื่นตัวพร้อมสู้หูจะตั้งขึ้น เป็นต้น
น้องแมว - ลักษณะหูของพวกเขาไม่ได้มีแค่ลักษณะหูสามเหลี่ยมที่ตั้งขึ้นนะ บางพันธุ์ที่ฐานหูตั้งขึ้นแต่ใบหูพับลง เช่น สก๊อตทิช โฟลด์ (Scottish Fold) ด้วยลักษณะหูที่เป็นแบบนี้จึงเห็นการเคลื่อนไหวของหูที่บอกอารมณ์ความรู้สึกได้ชัดเจน เช่น หูตั้งตรง แสดงว่าตื่นเต้น ดีใจมาก ๆ ถ้าหูตั้งเอนไปด้านหน้าเล็กน้อย แสดงว่าเป็นมิตร อยู่ในอารมณ์ที่สามารถเล่นด้วยได้
แต่ถ้าหูลู่พับไปด้านหลังอาจจะบอกได้ว่าข่มขู่ หรือ กลัว ขึ้นอยู่กับภาษากายอื่น ๆ ร่วมด้วย แต่หากหูหันไปด้านข้าง หรือด้านหลัง แสดงว่ารู้สึกกระวนกระวาย อารมณ์ไม่ค่อยดี ก้าวร้าว กังวล อยากอยู่ลำพังให้ออกไปห่าง ๆ เป็นต้น
3. ความแตกต่างในส่วนของ “ตา”
น้องหมา - น้องหมาจะมีดวงตาที่โต มองเห็นตาขาว และนัยน์ตาชัดเจน ม่านตาไม่มีการปรับหรือหดตัวเมื่อได้รับแสงสว่างที่แตกต่างกัน จึงแสดงความรู้สึกออกทางตาได้มาก ทั้งดีใจ ตื่นตัว เสียใจ น้อยใจ รู้สึกผิด กลัว พวกเขาสามารถแสดงความรู้สึกออกมาได้ใกล้เคียงกับคนเลยแหละ
น้องแมว - สำหรับดวงตาของน้องแมวนั้น ม่านตาของน้องแมวจะปรับขยายเพื่อรับแสง ดวงตาน้องแมวโดยปกติจะกลมโตมาก ๆ แต่ถ้าหากดวงตาได้รับแสงเต็ม ๆ รูม่านตาจะหดลง เราจะเห็นดวงตาน้องแมวเป็นขีด ๆ แทน ด้วยลักษณะของน้องแมวที่เป็นเช่นนี้ ทำให้อ่านนิสัยจากดวงตาของพวกเค้ายากขึ้น
แต่ถ้าไม่มีแสงรบกวนจะมีการสื่อสารดังนี้ นัยน์ตาเบิกกว้างกลมโต เมื่อรู้สึกดีใจ ประหลาดใจ ตื่นเต้น ตื่นกลัว ได้รับสิ่งเร้าต่าง ๆ นัยน์ตาตีบเล็กลงเป็นเส้น รู้สึกเครียด กังวล ไม่สบายใจ ก้าวร้าว อารมณ์ไม่ดี กระพริบตาช้า ๆ เชื่อใจไว้ใจ รู้สึกสบายใจ พอใจ และ ดวงตาหรี่ปิดประมาณครึ่งหนึ่ง (เวลาเคลิ้ม) รู้สึกเชื่อใจ ผ่อนคลาย อย่างไรก็ตาม การกว้างหรือแคบของนัยน์ตาก็ขึ้นอยู่กับปริมาณแสงสว่างของดวงตาน้องแมวอย่างที่บอกไปอีกด้วย
4. ความแตกต่างในส่วนของ “เสียง”
น้องหมา - ว่าด้วยเรื่องเสียงของน้องหมากับน้องแมว จะมีการสื่อสารที่หลากหลายด้วยกันทั้งคู่ ต่างกันตรงที่โดยปกติน้องหมาจะเน้นสื่อสารด้วยการเห่า ขู่ และหอนหลากหลายโทนเสียง
น้องแมว - จะมีการร้องเรียก ตอบรับขานได้ดีกว่าน้องหมา รวมไปถึงการขู่ การเรียกร้องความสนใจ ด้วยโทนเสียง และระดับความดังที่แตกต่างกันไปตามเจตนา เช่น ขานรับเจ้าของ แต่ถ้าร้อง เหมียวยาวๆ เสียงสูงๆ ก้องๆ จะเป็นการขู่แสดงอำนาจเหนือ เป็นต้น
ภาษากายของน้องหมากับน้องแมวมีหลายอย่างที่ใกล้เคียงกันอย่าง เช่น เมื่อกลัวหูจะลู่ไปข้างหลัง หางตกลง ไม่กล้าสบตา แต่ก็ยังมีภาษากายอีกหลายอย่างที่มีความแตกต่างกัน ซึ่งความแตกต่างนี้เองที่นำมาซึ่งปัญหาระหว่างน้องหมากับน้องแมว
โดยเฉพาะน้องหมาตัวน้อยที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์ จึงไม่รู้ว่า การชูหาง กระดิกหางใส่ น้องแมวพร้อมกับโก่งตัว จะทำให้ถูกกรงเล็บพี่แมวตะปบเอา ซึ่งประสบการณ์ที่ไม่ดีเพียงครั้งเดียว ก็อาจนำความบาดหมางให้เกิดขึ้นกับพวกเขาตลอดไป ดังนั้น ถ้าเราสามารถเข้าใจความแตกต่างของพวกเขาได้ และช่วยเป็นหูเป็นตา ก็สามารถป้องกัน ห้ามปราม ก่อนที่จะเกิดศึกสงครามได้นั่นเอง
สนใจอ่านบทความเพิ่มเติม
กดติดตามทีมคุณหมอได้ที่ FB: Deemmi
❤️ Deemmi
เราคือทีมสัตวแพทย์ที่มารวมตัวกัน เพื่อให้คำแนะนำในด้านการป้องกันโรคกับสัตว์เลี้ยง เช่น หมา แมว กระต่าย หนู และ สัตว์ชนิดอื่น ๆ เพื่อให้เจ้าของได้เข้าใจการดูแลน้อง ๆ อย่างถูกวิธี ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมอาหาร ปัญหาพฤติกรรม และอาการของโรค โดยให้ความรู้ผ่านเว็บไซต์ และสื่อโซเชียลต่าง ๆ ที่ช่วยให้เกิดความสะดวกสบายกับคนรักสัตว์ ตลอด 24 ชั่วโมง และเป็นแหล่งข้อมูลน่าเชื่อถือจากคุณหมอชั้นนำในประเทศไทย
ช่องทางติดต่อ
✅ แอดไลน์เพื่อพูดคุยกับสัตวแพทย์ที่ (@) Deemmi
#ความรู้หมาแมว #เรื่องสุนัข #บทความหมา #ภาษากายหมา #ภาษากายแมว
โฆษณา