25 ต.ค. 2022 เวลา 11:08 • การตลาด
ธุรกิจกับทำเล...( 1.10 )
เซฟหรือแชร์เก็บไว้ได้เลยนะคะ
ห่างหายจากบทความการลงทุนไปพอสมควร จนหลังๆมีเพื่อนหลังไมค์มาปรึกษาเรื่องธุรกิจเยอะพอสมควร
โดยเฉพาะ ธุรกิจ ร้านอาหาร และเครื่องดื่ม (แฟรนไชส์)
อาจจะเพราะเมืองกลับมาเปิดเต็มตัวคนเลยเริ่มมองการลงทุนใหม่
(บทความนี้จะขอเน้นยกตัวอย่างธุรกิจอาหารนะคะ)
ยุคหลังปี 2,000 ธุรกิจแฟรนไชส์ เติบโตสูงมาก เฉลี่ยปีละ 9-10% ได้ (ช่วงพีค 20% ในช่วงหลังปี 2010หลังซัพไพรม์) ปัจจุบัน มูลค่าตลาดราวๆ 2 แสนล้าน แต่เป็นสัดส่วนของกลุ่มธุรกิจอาหารสูงถึงราวๆ 22% อีกกลุ่มที่น่าสนใจมากคือ การศึกษา
อย่างไรก็ตามแต่ ในโลกที่หมุนเร็ว ทุกอย่างวิ่งไว ผู้คนล้วนต้องการตอบสนอง รวมถึงประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ประกอบการหลายคน วิ่งเข้าสู่ระบบ
แฟรนไชส์กันมากขึ้น ซึ่งมันก็ไม่ผิดอะไร เพราะการซื้อแฟรนไชส์เป็นการย่นเวลาของการได้มาซึ่ง know how
1
แต่...แน่นอนว่า เมื่อผู้เล่นมาก ก็ย่อมมีผู้ที่ประสบความสำเร็จน้อย หลายรายมากที่ ต้องออกจากเกมไปอย่างเจ็บปวด
เพราะอะไร ?
แฟรนไชส์ร้านอาหาร นั้น มีลักษณะที่จำเพาะมากๆ ในเรื่องทำเล ค่ะ !! ทำเล ที่ตั้ง ประชากรแวดล้อม เป็นสิ่งที่ผู้ลงทุนต้องทำการศึกษาให้มาก แม้ต้นแบบของแฟรนไชส์จะประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงในพื้นที่นึง แต่ มันไม่ได้การันตรีว่า อีกพื้นที่จะสำเร็จไปด้วย
เช่น ใน กทม หรือ ปริมณฑล วัฒนธรรมประชากร ก็ย่อมแตกต่าง จาก ลพบุรี หรือ ศรีสะเกษ แน่นอน ดังนั้น ต้องเข้าใจ พฤติกรรมหรือวัฒนธรรมของผู้คน ในทำเลนั้นๆให้ดี การเป็นผู้เล่นรายแรก อาจจะง่ายหากคุณไปเปิดใหม่ แต่ก็ต้องประเมินหลังจากนั้นให้ดีๆว่า หากมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามา จะมีผลกระทบต่อมาร์เก็ตแชร์ระดับไหน
ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนผัน ของ " จุดคุ้มทุน " ที่คุณประเมินไว้แต่ต้น
เริ่มแรก ควรมองเรื่องของจุดคุ้มทุน หรือ คืนทุนที่ไม่นานเพราะ ธุรกิจแฟนรไชส์ นัยนึง มันมีความเป็นแฟชั่น เป็นเทรนด์ และ ลอกเลียนแบบได้ง่าย
(ในธุรกิจ ขนาดเล็ก-กลาง จุดคุ้มทุนไม่ควรเกิน 1-4 ปี เพราะรอบของวัฏจักร ค่าเฉลี่ยความนิยมช่วงพีคมักจะมีวงรอบประมาณนี้ หลังจากนั้นอยู่ที่ ปัจจัยพื้นฐานต่างๆ)
ในการคำนวณจุดคุ้มทุน
" ควรตีกำไรขั้นต่ำสุดของธุรกิจอาหารเอาไว้สัก 3-5% อย่าเพิ่งมองสวยหรู ระดับ 20% " ย้ำนะคะ ตีต่ำๆไว้ก่อนเพราะชีวิตจริงไม่ได้ง่ายขนาดนั้นค่ะ ><
(ถ้าคุณรับผลตอบแทนขั้นต่ำได้ ค่อยไปต่อค่ะ )
เพื่อเซฟตัวคุณเอง อย่าเพิ่งมั่นใจในแฟรนไชส์มากเกินไป แม้ต้นแบบจะมีชื่อเสียงหรือประสบความสำเร็จมากเพียงใดก็ตาม อย่าใส่บัจเจตมากไป นอกซะจากว่า เงินคุณ
เหลือๆ และต้องการความท้าทายในชีวิต
อีกสิ่งในการเลือกแฟรนไชส์ คุณต้องดูให้แน่ชัดว่า ระบบเขาแข็งไหม มีการถ่ายทอด know how ให้ระดับไหน มีการซัพพอร์ตหลังจากนั้นอย่างไร แม้ทุกอย่างจะดูดี แต่คุณก็ต้องถามตัวเองว่า มันเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณไหม และในระยะยาวๆ คุณจะยังสนุกกับมันไหม
ถ้าระบบที่แข็งเกินไป ก็อาจจะไม่ดีนัก การปรับเปลี่ยนอาจจะล่าช้าเพราะข้อกำหนดที่ล็อคตัว แต่หาก ยืดหยุ่น มากไปก็อาจหามาตรฐานได้ยาก ซึ่ง จุดหลังต้องระวัง
ระวังในแง่ที่ว่า เมื่อคุณเข้าไปใช้ชื่อแฟรนไชส์เดียวกัน เวลามีปัญหากระทบ สาขาใดสาขาหนึ่ง ชื่อมันก็กระทบไปหมด ต้องระวัง
ทีนี้ กลับไปที่ เรื่องทำเล ที่เกริ่นไว้ตอนต้นอีกครั้ง
5 สิ่งหลักๆ ที่คุณต้องตระหนักและพิจารณาให้ดีมากๆคือ 1. แหล่งวัตถุดิบ 2. คน 3. คน 4. คน และ 5 คน !!!
1. แหล่งวัตถุดิบ จะเป็นตัวชี้ขาดเรื่องของ มาตรฐานด่านแรกเลย และเป็นตัวที่มีปัจจัยสำคัญด้านบัญชี
ต้นแบบแฟรนไชส์ ที่โด่งดัง ตั้งอยู่ที่ กทม. ซึ่งใน กทม. คุณเชื่อไหมว่า วัตถุดิบหาง่ายกว่า แหล่งต้นทาง เช่น ของทะเลยังหาได้ดีกว่า ระยอง สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ซะอีก !! เพราะอะไร ?
เพราะ...ของดีๆเขาส่งเข้า กทม หมดไงคะ
ซัพพลายต่างหลั่งไหลเข้าไปสู่ศูนย์กลางตลาด ศูนย์กลางเศรษฐกิจ ศูนย์กลางจักรวาล นั่นหมายความว่า หากในพื้นคุณไม่สามารถดีลกับผู้ค้าวัตถุดิบได้ นั่นคือลำบากเลยนะ เพราะแฟรนไชส์หลายๆเจ้า ก็ไม่ได้คุมซัพพลายเองได้ทั้งหมด ไม่ได้มีระบบครัวกลาง คลังกลางสินค้า ใน กทม อาจจะใช้ ซัพเจ้านี้ แต่ ใน ต่างจังหวัด อาจจำเป็นต้องใช้อีกเจ้า นี่คือ ข้อจำจัดและข้อแตกต่างที่คุณต้องพิจารณา เพราะมันคือ เรื่องของ คุณภาพวัตถุดิบ และ ราคา ที่ต่างกัน
หรือ แม้แต่ โมเดิร์นเทรดขนาดใหญ่ ใน กทม คุณ อาจจะวิ่งหาของได้ง่าย ระยะทางใกล้ๆ แต่ โมเดิร์นเทรดที่ว่านั้นก็ไม่ได้มีทุกจังหวัดนะคะ บางทีคุณอาจต้องข้ามจังหวัดเพื่อสต็อคสินค้าเลยทีเดียว ซึ่งได้มาด้วยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
ตลาดหรือแหล่งวัตถุดิบ กับ ร้านอาหาร เป็นสิ่งที่คู่กัน ศึกษาตลาดที่เป็นแหล่งที่มาของวัตถุดิบให้แน่ชัด แต่ละที่ พื้นที่วัตถุดิบแตกต่างกัน บ้างก็ไม่มีวัตถุดิบที่คุณต้องการเลยก็มี
2. คน หรือ บุคลากร ในการทำงาน ในแต่ละตำแหน่ง
นี่คือ อีกสิ่งที่เป็นตัวชี้ขาดในการทำธุรกิจ ทรัพยากร บุคคล ในแต่ละพื้นที่นั้นย่อมแตกต่างกันค่ะ !! อย่างที่บอกไป ถ้าคุณ อยู่ กทม. คุณ จะหาเชฟ เก่งได้ไม่ยาก เพียงแค่กระดิกปลายนิ้ว หรือจะ หาผู้จัดการร้านเก่งๆ ก็ไม่ยากนัก แต่...ทรัพยากรบุคคลเหล่านี้ ใน ต่างจังหวัด หายากมากค่ะ บางพื้นที่บางอำเภอ อาจจะมีคนเก่งๆแค่ 2-3 คน ซึ่ง 2-3 คนนั้นก็มีงานอยู่แล้ว หรือ คุณ อาจจะต้องจ่ายแพงเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยของพื้นที่นั้นๆ
วิธีการที่เซฟคือ ในระหว่างที่คุณตัดสินใจจะลงทุน คุณลองประกาศหาบุคลากรควบคู่ไปด้วยก็ได้ นัดสัมภาษณ์ นัดคุยกันไว้ก่อนก็ได้ ถ้าเขาใช่ ถึงเวลาก็ใช่ แต่ถ้าคุณไปเปิดแล้ว วัดดวงหาบุคลากรเอาดาบหน้า ก็ต้องลุ้นค่ะ ดังนั้น คน คือตัวแปรสำคัญมากๆ คนเก่งๆหาไม่ง่าย ไม่ได้มีในทุกทำเล ทุกพื้นที่ คุณต้องตระหนักให้ดี
3-5. คน คน และ คน คุณต้อง ศึกษาประชากรแวดล้อมในทำเลที่ตั้งนั้นๆให้ดีๆ ทุกๆอย่าง รายได้ต่อหัว จำนวนประประชากร รสนิยม วัฒนธรรม ฯลฯ ต้องศึกษาให้ละเอียด
โอเค คร่าวๆประมาณนี้ก่อนค่ะ รายละเอียดจริงๆมีเยอะมาก ไว้มีเวลาจะมาเสริมให้อีกทีนะคะ
ด้านล่างนี้เคทจะ แจกสูตร การคำนวณต้นทุน cost ที่ควรจะเป็นของธุรกิจอาหาร
ก่อนที่จะคำนวณ cost ต่างๆ ให้คุณ แกะ Recipe ให้ได้ก่อน หาให้เจอ แล้วคุณจะรู้ต้นทุนที่แท้จริง
หลักการทำธุรกิจอาหาร สแตนดาร์ด ต้นทุนจะอยู่ที่
35 % เราเรียกกันว่า cog หรือ cost of goods
ต้นทุนต่อไปคือ ค่าแรง สิ่งนี้จะแปรผันกับ พื้นที่ และทำเล
ขั้นต่ำ จะตั้งไว้ที่ 15% และมากสุดที่ ไม่เกิน 25% เราเรียกกันว่า col หรือ cost of labor
ต้นทุนต่อไป คือ ค่าเช่าพื้นที่ แม้แต่คุณจะใช้บ้านตัวเอง คุณก็ต้องหักส่วนนี้ออกมา ค่าเช่า หรือ cor cost of rent จะตั้งไว้ที่ไม่เกิน 10-15% กำลังดี
ต้นทุนอื่น ค่าน้ำไฟ รวมถึง waste ควรคุมไว้ที่ 10%
ธุรกิจอาหารจะกำไรมากน้อย การคุมข้อสุดท้ายนี้แหละสำคัญมาก คุมตัดจ่ายหรือ waste ให้ได้ เป็นตัวแปรสำคัญ
เวลาตั้งcost ต่างๆ คุณควรจะ ประเมินรายรับหรือ forecast ให้ได้ว่า รายได้ของธุรกิจคุณจะอยู่ประมาณเท่าไร ถ้าประเมินได้ มันจะช่วยให้คุณ กำหนด cost เบื้องต้นได้ เมื่อกำหนด cost เบื้องต้นได้ ธุรกิจของคุณจะมีทิศทาง
การประเมิน รายได้ จริงๆไม่ยากมากอย่างที่คิด เคทใช้หลักการง่ายๆค่ะ ถ้าในกรณีที่ คุณเข้าตลาดมาใหม่จะง่ายหน่อย เพราะคุณจะเห็น มาร์เก็ตแคปที่ชัด
สมมุตินะคะ ทำเลนั้น มีร้านอาหารยุโรปอิตาเลี่ยน สเต็ก ทั้งหมด 4 ร้าน มูลค่าตลาดอยู่ที่ปีละ 20 ล้าน ตกมีกำลังซื้อจากผู้บริโภค อยู่ที่เดือนละ 1.6 ล้าน คุณไม่ต้องหวังมาก forecast ว่าจะ แชร์มาร์เก็ตให้ได้ที่ 20% โอกาสทางธุรกิจร้านเปิดใหม่ ตั้งไว้ราวๆนี้พอได้ค่ะ ประมาณ 3.2 แสน ต่อเดือน พอคุณได้เป้าแล้ว ให้คุณไปตั้ง cost ให้สอดคล้องค่ะ (ถ้ากรณีที่คุณ บุกเบิกใหม่ ให้ forecast จากประชากรในรัศมีพื้นที่ และตีเป็นฐานลูกค้าที่ 0.5-1%)
มาลองสมมุติความน่าจะเป็นจริงๆกันดูค่ะ
เช่น forecast เป้า /เดือน 3.2- 4 แสน เอาตัวเลขกลมๆง่ายๆนะคะ ที่ 4แสนละกัน ไซด์ร้านขนาด 8-10 โต๊ะ มีขายเดลิเวอร์รี่
ต้นทุนอาหารที่ 35% หมายถึง 140,000 อย่างมากไม่ควรเกิน 50% โอเค อาหารบางอย่าง อาจจะตั้งต้นทุนไว้สูงกำไรต่ำได้ เพื่อการตลาดในการดึงลูกค้าเข้าร้าน แต่ค่าเฉลี่ยทั้งหมด ก็ควรอยู่ที่ 35% ไม่เกิน 50%
ค่าแรง จะสำพันธ์กับ พื้นที่ ทำเล และโครงสร้างขนาดธุรกิจ ต่างจังหวัด คุณจะได้ค่าแรงถูกหน่อย สมมุติ ตั้งไว้ที่ 20% = 80,000 คุณจะได้ ตำแหน่งงาน 15,000 = 2 คน 12,500 = 2 คน เหลืออีก 25,000 ได้อีก 2 ตำแหน่ง และ พาร์ทไทม์ 1 ในส่วนของค่าแรงนั้น ตัวแปรคือ คุณภาพและศักยภาพของ คนค่ะ ศักยภาพถึง คุณก็ต้องกล้าจ่าย เพราะคนเก่งๆคนนึง ศักยภาพ เท่ากับ 1.5 คนเลยนะคะ จ่ายเพิ่มคนที่ใช่ ลดคนที่ไม่ใช่ลง
ค่าเช่า 10% ถ้าทำเลต่างจังหวัด cost ตรงนี้เหลือๆเลยค่ะ 40,000 ซึ่ง บัจเจตระดับนี้ คุณสามารถเข้าไปอยู่ในฟู้ดคอร์ตห้างได้สบายๆ โอเค ถึงแม้คุณจะไม่ได้อยู่ห้าง แต่ ค่าเช่าที่เหลือ จากจ่ายจริง ตรงนี้ คุณควรนำไปเช่าพื้นที่ออนไลน์ค่ะ หรือ การโฆษณา เพราะ ทำเลคุณ traffic อาจจะไม่ได้เทพหรือดีพอเท่าในห้างหรือ เทียบกับคู่แข่งได้ ดังนั้นใช้ cost ตรงนี้ให้คุ้ม แต่ยังไง ในทำเลต่างจังหวัด cost ตรงนี้จะเหลือเยอะมาก. ถ้า กทม ก็ เหลือค่ะ แค่ลดหลั่นลงมาหน่อย
ค่าน้ำไฟ ตัดจ่าย waste ซ่อมบำรุง อื่นๆ 10%. ตรงนี้แหละตัวแปรกำไรจริงๆ ถ้าคุมได้ ดี เหลือเยอะเลย แต่อย่าไปคุมเข้มหรืองกมากเกินไปนะคะ การออกแบบ cost ตรงนี้ขึ้นมาก็เพื่อให้ สินค้า และบริการ ยังคงคุณภาพไว้อยู่เสมอ ค่าเฉลี่ยจริงๆมักอยู่ที่ 3-5% บางเดือน 1-2% เองก็มีค่ะ บางร้านคิด cost ตรงนี้เข้าไปในต้นทุนของ อาหารไว้แล้วก็ได้
ถ้าคุณคุม cost ขั้นต่ำไว้ได้หมด ยังไงก็มีกำไรเหลือ คุณต้องพยายามบริหาร cost ต่างๆ ถ้าอันนั้นมาก ก็ต้องลดอีกอัน ถ้าอันนี้ลดได้ อยากเอาไปเพิ่มตรงส่วนอื่นก็ได้
จะเหลือกำไรอยู่ที่ราวๆ 10% -25%
(เพื่อพัฒนาร้านให้ดี คุณอาจลดกำไรลงมาและไปเพิ่มในส่วนของ ผลตอบแทนพนังงานได้ค่ะ เพื่อเป็นแรงจูงใจ)
วันนี้ฝากไว้คร่าวๆเพียงเท่านี้ก่อนนะคะ
เพื่อนๆมีข้อเสนอแนะหรือมีความคิดเห็นอย่างไร แลกเปลี่ยนกันได้เลยนะคะ
ส่งใจบทความ ทำเล คลิ๊กลิ้งค์ด้านล่างได้เลยนะคะ
โฆษณา