27 ต.ค. 2022 เวลา 23:56 • ความคิดเห็น
'เป็นไงบ้าง สบายดีไหม'
คำพูดแรกที่ผมได้พูดกับเพื่อนผมคนหนึ่ง ที่เราไม่ได้เจอกันมานานในแบบที่ว่า ไม่ได้ลืมหน้ากันแต่ลืมไปเลยว่าคนๆนี้เค้าเคยมีบทบาทในชีวิตเราในช่วงเวลานึงอยู่นะ
'ช่วงเวลาที่เราเรียกว่า วัยรุ่น'
...
เอาเข้าจริงแล้วผมว่า ผมก็ไม่น่าจะเรียกตัวเองว่าคนมีอายุมากขึ้นสักเท่าไหร่ เพราะตามหลัก(หลักอะไร) ก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำที่เค้าชอบคิดกันว่าเห้ยจะสามสิบแล้วนะ ทำไมรู้สึกแก่ยังไงก็ไม่รู้
พอผมได้ยินประโยคนี้ทีไร รู้สึกจักจี้ทุกที เพราะด้วยความที่เป็นคนที่มี enegy ค่อนข้างที่จะล้นมากเมื่ออยู่กับคนอื่น แต่พอมาอยู่กับตัวเอง กลับกลายเป็นคนที่ชอบตัวเองมากกว่าซะงั้น
...
ถ้าพูดถึง 'เพื่อน' ในชีวิตผมนั้น เอาเข้าจริงแล้ว เป็นบุคคลที่ผมต้องการที่จะให้ความสำคัญมากๆ เพราะว่าบุคคลเหล่านี้เป้นคนที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจอะไรหลายต่อหลายอย่างในชีวิตของผม
เนื่องจากว่าผมเติบโตมาในรูปแบบที่ดูแลตัวเองมาเกือบ 100% เนื่องจากว่าถูกส่งไปอยู่ที่โรงเรียนประจำหรือที่ทุกคนชอบเรียกกันว่า "เด็กหอ" นั่นแหละครับ ทำให้ตั้งแต่จำความได้เนี่ย ก็มีคนเหล่านี้นี่แหละครับ ที่เป็นคนที่เรียกได้ว่า ช่วยกันขับเคลื่อน เรื่องราวต่างๆในชีวิตผมเลยทีเดียว
...
พอโตขึ้นมาระดับหนึ่ง
ตั้งแต่เราเริ่มแยกย้ายกันเข้ามหาลัย เรารู้สึกว่าพวกเราอยู่ไกลกันมากขึ้น เหมือนกับแต่ละคนนั้นได้แยกย้ายกันไปตามเส้นทางของตัว ทั้งเป็นเส้นทางที่เลือกเอง ครอบครัวเลือกให้ หรือว่าเลือกโดยไม่ตั้งใจ
นี่เลยเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้พวกเราต้องแยกย้ายกันไป ทำให้เราได้เจอสังคมใหม่ เพื่อนคนใหม่ กลุ่มใหม่ที่เข้ามาอยู่ในชีวิตของเรา อาจจะด้วยการเอื้อของเส้นทางที่ทำให้เราได้เจอกันง่ายขึ้น บ่อยมากขึ้น การมีเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตที่มากขึ้น ทำให้เวลานัดก็ง่ายขึ้น สำหรับแค่เพื่อนบางคนนะครับ
...
หนังสือรุ่น เลยกลายเป็นความทรงจำที่ดีแทบจะทุกช่วงของชีวิต
ประถม มัธยมต้น มัธยมปลาย มหาลัย หรือแม้กระทั่งหลังกายทำงานเป็นต้นไป
เรายังมีข้อมูลของเพื่อนเราอยู่เสมอ
การโทรหาให้ได้ยินเสียง ได้เห็นหน้ ย่อมดีกว่าการทักไลน์ หรือทิ้งข้อความไปอยู่แล้ว เพราะทั้งน้ำเสียงที่ดูจริงใจ คำพูดที่เราพอพูดไปแล้ว ทำให้เราย้อนกลับไปในอดีต สมัยที่เรายังเป็นนักเรียน
นั่นคงเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราทั้งสองคน คนที่เราเรียกกันว่า เพื่อนกูเพื่อนมึง ยังคงใกล้ชิดกันเสมอ
คิดถึงเพื่อนๆนะครับ
Canva
โฆษณา