29 ต.ค. 2022 เวลา 07:16 • การตลาด
Weber Shandwick ถือเป็น Network PR Agency ระดับโลกในเครือ IPG ที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย มาอย่างยาวนาน
ต้นปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน Weber Shandwick ประเทศไทย ตามนโยบายของ บริษัทแม่ที่ต้องการจะโฟกัสในตลาดที่มีขนาดใหญ่ จึงมีนโยบายถอนการลงทุนโดยเปิดโอกาสให้คนท้องถิ่นเข้ามา เป็นเจ้าของกิจการในรูปแบบ Affiliate หรือบริษัทในเครือ ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่ 3 ที่ใช้โมเดลนี้ต่อจาก ออสเตรเลีย และมาเลเซีย
ในประเทศไทย หลังการเจรจาอยู่พักใหญ่ ในที่สุดต้องหทัย สุดดี อดีตลูกหม้อของ Weber Shandwick ก็ตัดสินใจเข้าซื้อกิจการ และเข้ามานั่งในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ โดยคุณต้องหทัยยังสามารถใช้ชื่อและสิทธิ์ใน การเป็น Network PR Agency ต่อไปอีกอย่างน้อย 5 ปี
ต้องหทัย เริ่มงานในสายพีอาร์กับ Weber Shandwick เป็นที่แรกในตำแหน่ง AE ในปี 2010 ก่อนจะ ออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับ Network PR Agency อื่น รวมๆ แล้ว คุณต้องหทัยลงหลักปักฐานมีประสบการณ์
ในสายงานประชาสัมพันธ์มากกว่า 12 ปี
1
ต้องหทัย อธิบายเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ Weber Shandwick ได้มีการรีแบรนด์ใหม่ทั่วโลก ภายในกลยุทธ์ In Culture Communication ซึ่งถือเป็นกรอบใหญ่ และมีกรอบความคิดย่อยอีก 4 Pillars คือ Cultural Intelligent, Brave Ideas, Platform Fluency, Flawless Media Choreography
ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านนี้ ต้องหทัย กล่าวว่า สิ่งที่บริษัทต้องสร้างคือคน เพราะเรื่องของคนสำคัญ มากในธุรกิจเอเจนซี
“ธุรกิจเราไม่เหมือนธุรกิจอื่นๆ ที่มีโปรดักต์หรือเซอร์วิส แต่ของเราคือเรื่องของคนจริงๆ ทำไม ต้องสร้างก็เพราะว่าโลกมันเปลี่ยนเร็วมาก บางทีสิ่งที่เรารู้แล้วหรือเคยรู้ พรุ่งนี้มันอาจจะเอาท์ไปแล้วก็ได้ แต่เราสามารถมิกซ์เอาประสบการณ์ของเรามารวมความคิดของเด็กใหม่ที่มีประสบการณ์ด้านใหม่ๆ ได้ อีกด้านหนึ่ง คือคนที่ทำงานมานานอย่างเราจะทำอย่างไร เราจะสร้างคนกลุ่มนี้ให้มีแรงบันดาลใจในการที่ จะส่งต่อความรู้ให้คนรุ่นใหม่โดยที่ไม่ต้องไปที่อื่น”
ต้องหทัย ย้ำว่า ที่ผ่านมาหลายองค์กรยังยึดติดกับการทำงานในรูปแบบเดิมๆ มากเกินไป แม้กระทั่ง ลูกค้าก็ตาม ดังนั้นสิ่งที่อยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในองค์กรก็คือยังคงรักษาความเป็น Professional ด้านพีอาร์ แต่จะต้องรู้อะไรที่นอกเหนือจากงานประชาสัมพันธ์ไป
“อย่างตอนนี้เราต้องมาเรียนรู้เรื่องของคริปโตด้วย เราต้องมองว่าวาไรตี้มันจะไปทางไหน แล้วเรา จะเกียร์คนของเราให้ไปทันกับตรงนั้นได้อย่างไร เด็กใหม่ๆ อาจจะยังทำไม่ได้ แต่ว่าเขามีความสามารถ อื่นๆ ที่คนรุ่นเก่าไม่มีเหมือนกัน ความยากคือเราต้องดูคนเก่าของเราให้ได้ และทำให้น้องๆ ทุกคนมองว่า สิ่งที่ทำมีความหมาย”
ทุกวันนี้ เรียกได้ว่า Weber Shandwick พัฒนาตัวเองจาก Traditional PR มาเป็น Hybrid PR Agency ได้เกิน 70% แล้ว แต่ในมุมมองของต้องหทัย เขาเชื่อว่ายังคงต้องเติมทักษะในการทำงานใหม่ๆ เพิ่มอยู่ตลอด เวลา
“Weber Shandwick ก้าวผ่านความเป็นพีอาร์ดั้งเดิมมาไกลแล้ว แต่สโคปงานดั้งเดิมเรายังต้องคงไว้ ยอมรับว่าโลกตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก ทางฝั่งผู้บริหารเองก็ยอมรับแล้ว หลายองค์กรเลิกให้เรานับ PR Value แล้ว ตอนนี้บางแบรนด์ก็เลือกสื่อมากกว่าเน้นปริมาณ ตรงนี้คือส่วนที่ทำให้เรามั่นใจว่าเราเดิน ออกมาจากพีอาร์ดั้งเดิมได้แล้ว งานพีอาร์ในตอนนี้ไม่ใช่แค่การเขียนข่าวและส่งข่าวอย่างเดียว บางเรื่อง เราไปกับสื่อ บางเรื่องเราก็ไปกับ KOL บางเรื่องเราไปหาผู้บริโภคโดยตรงก็ยังมี
เรายังโชคดีที่สามารถปรับตัวได้ เพราะว่าอายุเฉลี่ยตอนนี้จะเป็น Gen Y และ Gen Z ตอนนี้การ ปรับตัวมันกลับกัน กลายเป็นว่าสมัยก่อนเรามองว่าจะทำอย่างไรให้เราปรับตัวให้ทันกับดิจิทัล ตอนนี้ที่ เราเจอ คือเราจะทำอย่างไรที่จะให้เอาความรู้ของคนรุ่นพี่มาผสมผสาน เพราะเรายังต้องแนะนำเด็กๆ ทำให้พี่ต้องเรียนรู้จากน้อง น้องต้องเรียนรู้จากพี่ เพราะว่าเด็กเขาคิดเร็วมากๆ”
อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่ Think
#WeberShandwick #PrAgency #PR #Brand #BrandAgeOnline
โฆษณา