30 ต.ค. 2022 เวลา 19:57
กวนอิม พระโพธิสัตว์แห่งความเมตตาในพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน เดิมทีคือพระอวโลกิเตศวร ซึ่งเป็นเพศชาย เผยแพร่จากอินเดียสู่จีน ในช่วงประมาณยุคสามก๊ก ตรงกับราชวงศ์โมริยะของอินเดีย และเป็นยุคที่พระเจ้าอโศกมหาราชยังมีชีวิต
กวนอิมโพธิสัตว์
วรรณกรรมไซอิ๋ว 1ใน4สุดยอดวรรณกรรมจีน ได้กล่าวถึงพระโพธิสัตว์กวนอิมในเพศหญิง ซึ่งมีบทบาทได้ลงมาช่วยเหลือพระถังซัมจั๋ง และขบวนผู้ติดตาม ในการเดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฏกที่อินเดีย ซึ่งเป็นเหตุการณ์ในยุคราชวงศ์ถัง
วรรณกรรมห้องสิน เป็นอีกเรื่องที่ประพันธ์ขึ้นใกล้เคียงกับไซอิ๋ว ที่สนุกสนานไม่แพ้กัน แม้จะมีความเป็นขั้วตรงข้าม เพราะไซอิ๋วเป็นเนื้อหาตามคติพุทธ ส่วนห้องสินเป็นเนื้อหาตามคติเต๋า แต่ก็ได้กล่าวถึงกวนอิมเช่นกัน ในชื่อว่า พระฉือหังเต้าเหยิน หรือผังโตหยิน
ไซอิ๋ว และ ห้องสิน
พระผังโตหยิน หรือกวนอิมตามคติเต๋า มีเพศเป็นชาย และเป็น 1ใน12นักพรตแห่งเขาคุนหลุน ได้ลงมาช่วยเจียงจือหยา หรือเกียงไทกง ต่อสู้กับฝ่ายกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ซาง ได้สังหารมารไปมากมาย หนึ่งในนั้นได้กลายมาเป็นเสือพาหนะของพระผังโตหยิน
กวนอิมโพธิสัตว์ปางขี่เสือ
หลังจากชนะศึกโค่นราชวงศ์ซางได้ พระผังโตหยิน ก็ได้ออกจากเต๋าเข้าสู่อ้อมกอดของพุทธ ซึ่งตรงนี้เป็นเพียงการต่อสู้ทางศาสนาระหว่างพุทธกับเต๋า ผ่านวรรณกรรมไซอิ๋วกับห้องสินนั่นเอง ซึ่งวรรณกรรมทั้ง 2 ประพันธ์ขึ้นในราชวงศ์หมิงทั้งคู่
นอกจากนี้ ด้วยความศรัทธาที่ผู้คนมีต่อพระโพธิสัตว์กวนอิม ก็ยังถูกเล่าขานผสมผสานกับตำนานพื้นบ้านในที่ต่างๆด้วย หนึ่งในนั้นก็คือพระธิดาเมี่ยวซ่าน วีรสตรีแห่งราชวงศ์ซ่งนั่นเอง
พระธิดาเมี่ยวซ่านจากซีรี่ส์ทีวี
พระอวโลกิเตศวร เป็นหนึ่งในพระโพธิสัตว์ในพุทธศาสนานิกายมหายาน ผู้ทำหน้าที่ปกป้องพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีต้นกำเนิดที่อินเดีย และมีอีกชื่อหนึ่งว่า พระปัทมปาณีโพธิสัตว์ ทำหน้าที่เป็นตัวแทนความเมตตาของพระพุทธเจ้า มักเคียงคู่กับพระโพธิสัตว์อีก 2 องค์ คือ พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ ตัวแทนปัญญาของพระพุทธเจ้า และ พระวัชรปาณีโพธิสัตว์ ตัวแทนพลังอำนาจของพระพุทธเจ้า
พระอวโลกิเตศวร หรือ พระปัทมปาณีโพธิสัตว์ ได้มีการพัฒนาผสมผสานปรากฏรูปเคารพแตกต่างกันไปตามแต่ละท้องที่ มีทั้งแบบเพศหญิงและเพศชาย ทั้งในทิเบต เนปาล อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น โดยมีพระนามต่างๆกันไป รวมทั้งประเพณีการเคารพบูชาด้วย จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมบางที่กินเจ บางที่ไม่กินเจ นั่นเพราะขึ้นอยู่กับประเพณีดั้งเดิมของท้องถิ่นด้วยนั่นเอง
พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์
ในจีน พระอวโลกิเตศวร หรือพระปัทมปาณีโพธิสัตว์เป็นที่รู้จักกันในนาม กวนอิมพระโพธิสัตว์ แต่เมื่อพุทธศาสนามหายานได้รับความนิยมในจีน ก็มักมีความเกี่ยวข้องทางการเมือง และขัดแย้งกับศาสนาที่มีอยู่เดิม คือ ศาสนาเต๋า แสดงออกผ่านวรรณกรรมโดยให้กวนอิมโพธิสัตว์ หรือ พระปัทมปาณีโพธิสัตว์ ยังมีอำนาจเป็นรองต่อศาสดาแห่งเต๋าก็คือ เต้าเต๋อเทียนจุน หรือเล่าจื้ออยู่เสมอ
ยุคราชวงศ์หมิงของจีน เป็นอีกยุคหนึ่งที่พระพุทธศาสนาถูกนับถือให้เป็นศาสนาหลัก เนื่องจากจูหยวนจาง หรือ พระเจ้าหมิงไท่จู ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์หมิงได้เคยบวชเรียนในพระพุทธศาสนามาก่อน
หลังจากที่จูหยวนจางกอบกู้บ้านเมืองจากราชวงศ์หยวน หรือมองโกลได้สำเร็จแล้ว แม้จะเป็นกษัตริย์ที่ได้รับคำกล่าวขานในสำนวนว่า "เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล" แต่ก็เป็นกษัตริย์ที่ได้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาเป็นอย่างดี แม้จะถูกต่อต้านจากขุนนางและปัญญาชนที่นับถือปรัชญาเต๋าและขงจื้อมากกว่า เพราะมองว่าศาสนาเป็นสิ่งงมงาย
พระจักรพรรดิหมิงไท่จู หรือ จูหยวนจาง
วรรณกรรมเกี่ยวกับการต่อสู้กันทางศาสนาและปรัชญาได้เกิดขึ้นมาในยุคนี้ ได้แก่ ไซอิ๋วและห้องสิน ซึ่งในเรื่องห้องสินมีเนื้อหาไปในทางชูเต๋าข่มพุทธ แต่ข่มพุทธในที่นี้ไม่ใช่หมายความว่า เอาเต๋ากับพุทธมาทำสงครามฆ่าฟันกันนะคะ แต่เป็นการข่มกันในเรื่องของอำนาจบารมี
เช่น ทางฝ่ายเต๋าก็จะมีพระสูงสุด 3 องค์ ได้แก่ หยวนซื่อเทียนจุน หลิงเป่าเทียนจุน และ เต้าเต๋อเทียนจุน ซึ่งเต้าเต๋อเทียนจุน ก็คือตัวท่านเล่าจื้อเองค่ะ และพระทั้ง 3 องค์ ก็เรียกว่าเป็นอาจารย์ของนักพรตทั้ง 12 แห่งเขาคุนหลุน ซึ่งกวนอิมโพธิสัตว์ หรือ พระผังโตหยิน ก็เป็นหนึ่งในนักพรตทั้ง 12 นะ แล้วก็ยังมีพระโพธิสัตว์จากฝั่งพุทธองค์อื่นๆอีกที่ถูกจับให้เป็นนักพรต ศิษย์ของพระสูงสุดแห่งเต๋าทั้ง 3 แต่สุดท้ายทั้งหมดก็ได้ออกจากเต๋ามาเข้าพุทธ แสดงถึงว่าพุทธกับเต๋าก็เข้ากันได้ในที่สุด
ซ้าย เต้าเต๋อเทียนจุน , กลาง หยวนซื่อเทียนจุน , ขวา หลิงเป่าเทียนจุน
แรกเริ่มเต๋าก็เหมือนพุทธ มีแต่ปรัชญาคำสอน ตัวพระศาสดาก็ไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นศาสดา แต่ว่าถูกยกย่องโดยกษัตริย์ในยุคต่อมานั่นเอง เต๋าก็เปลี่ยนจากสภาพลัทธิมาเป็นศาสนาในยุคราชวงศ์ฮั่นด้วย ยุคเดียวกับการเข้ามาของพระพุทธศาสนาเลย
พระพุทธศาสนานิกายแรกเริ่มคือเถรวาท เกิดจากการทำสังคายนาครั้งแรกหลังจากการปรินิพานของพระพุทธเจ้า 3 เดือน ณ ถ้ำสัตบรรณคูหา ใกล้เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ และต่อมาจึงได้เกิดพระพุทธศาสนานิกายมหายาน โดยคณะสงฆ์ที่มีความคิดต่างภายใต้เหตุผลหลายประการ หนึ่งในนั้นคือ ความกดดันแข่งขันกับศาสนาฮินดู โดยมีพระเจ้ากนิษกะมหาราช แห่งราชวงศ์กุษาณะ เป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก เทียบได้กับพระเจ้าอโศกมหาราช แห่งราชวงศ์โมรยะ ที่เป็นฝ่ายเถรวาท
ซ้าย พระเจ้ากนิษกะมหาราช ศาสนูปถัมภกมหายาน , ขวา พระเจ้าอโศกมหาราช ศาสนูปถัมภกเถรวาท
นับว่าพระพุทธศาสนาก็เจอเรื่องราวบอบช้ำไม่น้อย อยู่ที่อินเดียก็เจอกับฮินดู มาจีนก็เจอกับเต๋า หากไม่ปรับตัวคงไม่เหลือพระพุทธศาสนามาจนทุกวันนี้แน่แท้
พระพุทธศาสนา คงจะนับการมีสถานะเป็นศาสนาตั้งแต่การสังคายนา รวบรวมพระธรรมคำสอนครั้งแรก หลังการปรินิพพานของพระพุทธเจ้า 3 เดือน ณ แคว้นมคธ ประเทศอินเดียในปัจจุบัน โดยพระสงฆ์จำนวน 500 รูปที่เคยได้ฟังพระธรรมคำสอนจากพระพุทธเจ้าโดยตรง เรียกพระสงฆ์คณะนี้ว่า พระเถระ เป็นที่มาของนิกายเถรวาท
ปฐมสังคายนา ในถ้ำสรรตบันคูหา พระมหากัสสปเป็นหัวหน้าคณะสงฆ์พระเถระ 500 รูป
ต่อมาราว 200 ปีก่อนค.ศ. - ค.ศ.320 กลุ่มชนเร่ร่อนชาวเยว่จือ ได้อพยพหลบหนีพวกซงหนูมาจากทางตะวันตกของจีน มาก่อตั้งราชวงศ์กุษาณะ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในประเทศปากีสถาน และได้ทำให้พระพุทธศาสนานิกายมหายานเจริญรุ่งเรืองในยุคนี้
ความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาในอินเดีย ทำให้ศาสนาฮินดูของพวกพราหมณ์ที่ได้รับการนับถืออยู่เดิมต้องอยู่ยาก พราหมณ์บางส่วนได้อพยพมาทางเรือสู่ดินแดนสุวรรณภูมิ มาสร้างอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ในแถบนี้ เช่น อาณาจักรฟูนัน อาณาจักรศรีวิชัย แล้วก็เรียกกลุ่มชนใดก็ตามในแถบนี้ ที่รับนับถือวัฒนธรรมฮินดูหรือพราหมณ์ว่า กรอม หรือ ขอม
วัฒนธรรมขอมได้รับอิทธิพลจากพราหมณ์ฮินดู
กรอมหรือขอม จึงไม่ใช่กลุ่มชนทางเชื้อชาติ แต่เป็นกลุ่มชนทางวัฒนธรรม ในฝั่งยุโรปก็มีกลุ่มชนแบบขอมด้วยก็คือ ชาวเคลต์ที่กลายเป็นชาวอังกฤษในทุกวันนี้
แต่ในที่สุดศาสนาฮินดูในแถบสุวรรณภูมิ ก็ถูกกลืนโดยพระพุทธศาสนาที่ตามมาเจริญรุ่งเรืองในแถบนี้ด้วยเช่นกัน คงเหลือไว้แต่พิธีกรรมของพราหมณ์ไว้เท่านั้น ซึ่งพระพุทธศาสนาได้เข้าสู่ประเทศไทยมาพร้อมๆกับยุคราชวงศ์โมรยะของอินเดีย และยุคสามก๊กของจีน โดยเป็นนิกายเถรวาทที่เข้ามาก่อนที่จะตามมาด้วยนิกายมหายาน
ส่วนพระพุทธศาสนาที่ยังคงอยู่ในแถบอินเดียปากีสถานในตอนนั้น ก็ต้องต่อสู้แข่งขันกับศาสนาฮินดู ด้วยการรับวัฒนธรรมพราหมณ์เข้าไปผสมผสาน เกิดเป็นพระพุทธศาสนานิกายตันตระหรือวัชรยานขึ้นมา แต่สุดท้ายเมื่อมาถึงยุคที่ศาสนาอิสลามแผ่ขยายมาถึง พระพุทธศาสนาก็ได้ถูกทำลายไปจากดินแดนสินธุจนหมดสิ้น
ศาสนาพุทธนิกายตันตระวัชรยาน ในทิเบต
ในปัจจุบันจีนถือเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน แต่ก็กว่าจะผ่านพ้นมาได้ก็ถูกทำลายไปนับครั้งไม่ถ้วน ยิ่งเมื่อจีนเข้าสู่ยุคสาธารณะรัฐ และนำลัทธิมากซ์เข้ามาใช้ นับว่าพระพุทธศาสนาต้องผ่านพ้นความยากลำบากไม่น้อย เพราะพระพุทธศาสนามักต่อสู้ด้วยหลักธรรมและปรัชญา ไม่ได้ต่อสู้ด้วยสงคราม และการผสมกลมกลืนกับศาสนาอื่นที่สอดคล้องกัน รวมทั้งวัฒนธรรม ความเชื่อของชนในท้องถิ่น จึงทำให้พระพุทธศาสนาดำรงอยู่มาได้
พระพุทธศาสนานิกายมหายานในอินเดีย ได้รับการส่งเสริมอย่างมากโดยราชวงศ์กุษาณะ ราชวงศ์คุปตะ และราชวงศ์วรรธนะ ตามลำดับ โดยได้มีการจัดการศึกษาเป็นรูปแบบมหาวิทยาลัย ทำให้เกิดมหาวิทยาลัยขึ้นแห่งแรกของโลก ก็คือ มหาวิทยาลัยนาลันทา และได้เกิดนักปรัชญาทางพระพุทธศาสนานิกายมหายานที่มีอิทธิพลอย่างมาก คือ ท่านนาคารชุน
มหาวิทยาลัยนาลันทา
แต่ในยุคของพระเจ้าหรรษวรรธนะ หรือพระเจ้าศีลาทิตย์แห่งราชวงศ์วรรธนะ ซึ่งอยู่ในวรรณะแพศย์ ได้โค่นราชวงศ์คุปตะซึ่งอยู่ในวรรณะพราหมณ์ลงได้ และขึ้นเป็นใหญ่ได้ไม่นาน ก็ถูกชาวฮินดูที่สะสมความไม่พอใจวางแผนลอบปลงพระชนม์ พระเจ้าศีลาทิตย์ครองราชย์จนถึง พ.ศ.1,190 หรือ ค.ศ.647 โดยเรื่องนี้ก็ได้ถูกจดบันทึกเป็นจดหมายเหตุของพระถังซัมจั๋งที่ได้เดินทางจากจีนถึงอินเดียในเวลานั้น
หลังจากนั้นมาพระพุทธศาสนาในอินเดียก็เสื่อมลงจากหลายปัจจัย ได้แก่ การต่อต้านจะฝ่ายศาสนาฮินดู การรุกรานจากจักรวรรดิต่างชาติ และอิสลาม ในยุคนี้พระพุทธศาสนานิกายมหายานบางกลุ่ม ได้มีการนำเอาลัทธิตันตระของพราหมณ์มาผสมผสาน ทำให้เกิดนิกายแยกออกไปอีกก็คือ พระพุทธศาสนานิกายตันตระวัชรยาน
ซึ่งต่อมาพระพุทธศาสนานิกายตันตระวัชรยาน ก็ได้รับการนับถืออย่างมากในทิเบตจนยกเป็นศาสนาประจำชาติ ซึ่งแม้แต่พระเจ้ากุบไลข่าน ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์หยวนของจีน ก็ได้นำพระพุทธศาสนานิกายตันตระวัชรยานจากทิเบตมาใช้เป็นหลักในการปกครองด้วย
จักรพรรดิกุบไลข่าน
ขณะที่ พระพุทธศาสนาเถรวาทมุ่งเน้นเพียงหลักคำสอนแรกของพระพุทธเจ้า ส่วนพระพุทธศาสนามหายานเน้นการมีพระโพธิสัตว์คอยช่วยเหลือสรรพชีวิต แต่ว่าพระพุทธศาสนาตันตระวัชรยาน แม้จะเป็นมหายานเหมือนกัน แต่ได้เพิ่มศาสตร์แห่งความลี้ลับ ไสยศาสตร์ มนต์ดำ ความเหนือธรรมชาติ ยากที่จะหยั่งรู้ เหล่านี้เข้าไว้ด้วย เพราะคำว่า วัชระ หมายถึงสายฟ้าหรือเพชรที่แข็งแกร่งและคมกริบพอที่จะชนะสิ่งที่เหนือธรรมชาติ รวมทั้งตัดกิเลสทั้งปวงได้ ทั้งยังโดดเด่นในเรื่องการสวดมนต์เมื่อยามเกิดวิกฤติคับขัน
ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาเถรวาท แต่จริงๆแล้วประเทศไทยเปิดแขนกว้างยอมรับทุกศาสนา ทุกนิกาย ได้เข้ามาภายใต้ร่มพระบารมีของกษัตริย์ไทยมาแสนนาน ทุกวันนี้เราจะเห็นวัดในไทยหลายวัดมีการรวมความเชื่อเข้าด้วยกัน ยกตัวอย่างที่ชัดเจนมาก คือ วัดสมานรัตนาราม ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา
วัดสมานรัตนาราม จ.ฉะเชิงเทรา
ที่วัดแห่งนี้จะมีทั้งรูปบูชาทั้ง พระพิฆเนศ พระพรหม พระโพธิสัตว์กวนอิม รวมกันหมดเลย อาจทำให้เข้าใจว่า พุทธกับฮินดูเป็นศาสนาเดียวกัน แต่พุทธก็คือพุทธ ฮินดูก็คือฮินดู เต๋าก็คือเต๋า เราอยู่ด้วยกันได้เพราะมีคติแนวคิดสอดคล้องกัน แต่ไม่ใช่ศาสนาเดียวกัน พุทธไม่มีพระนารายณ์ ฮินดูก็ไม่มีเจ้าชายสิทธัตถะ เต๋าก็ไม่มีพระโพธิสัตว์กวนอิม
แต่พุทธที่นำเอาลัทธิตันตระของพราหมณ์เข้าไปผสม คือ พระพุทธศาสนานิกายตันตระวัชรยาน และคิดว่าทุกวันนี้แนวทางทางพระพุทธศาสนาในไทยเรากำลังค่อนไปทางนิกายไหนกันแน่
ในกรุงเทพมหานครมีวัดโพธิ์แมนคุณาราม เป็นวัดในนิกายตันตระวัชรยาน ตั้งอยู่ที่ถนนจันทน์ ก่อสร้างเมื่อ พ.ศ.2,502 โดยพระคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร หรือพระโพธิ์แจ้งมหาเถระ หรือ ลามะ แต่พุทธสถานวัชรยานแห่งแรกในไทยคือ ริโวเชธรรมสถาน จังหวัดสมุทรปราการ ได้รับการสืบทอดมาจากอารามริโวเชซึ่งเป็นต้นสายของวัชรยาน จากแคว้นคาม ในทิเบตตะวันออก เป็นหลักฐานยืนยันว่าพระพุทธศาสนานิกายตันตระวัชรยานนี้ก็ได้แผ่ขยายเติบโตในไทยด้วย
วัดโพธิ์แมนคุณาราม กรุงเทพมหานคร
ดินแดนสินธุในสมัยพระเวทบ้านเมืองปกครองโดยพราหมณ์ผู้ทำให้เกิดศาสนาฮินดู แต่ว่าก็มีผู้คิดต่างเพราะไม่เห็นด้วยกับพิธีกรรมในคัมภีร์พระเวทของพราหมณ์ จึงทำให้เกิดศาสนาพุทธ และศาสนาเซน แยกออกมาด้วยเวลาไร่เรี่ยกันในสมัยพุทธกาล
ศาสนาเซน กำเนิดก่อนศาสนาพุทธเพียงไม่กี่สิบปี โดยมีพระมหาวีระ หรือ พระวรรธมาน เป็นพระศาสดา และตามข้อมูลกล่าวว่า พระมหาวีระ เป็น พระตีรถังกร องค์ที่ 24 ซึ่งมีความหมายว่า ผู้ที่ช่วยพาข้ามทะเลให้รอดพ้นจากกิเลสทั้งปวง และคำว่าเซน หรือ ไชนะในคำอินเดียก็มีความหมายว่า ผู้ชนะ
ส่วนคำว่าเซน ในคำจีนคือคำว่า ฉาน ตรงกับคำว่า ฌาน ในคำบาลี ศาสนาเซนจึงโดดเด่นในเรื่องของการทำสมาธิเพื่อการหลุดพ้น แยกออกเป็น 2 นิกาย คือ นิกายเศวตัมพร ที่เน้นการนุ่งขาวห่มขาว และ นิกายทิฆัมพร ที่เน้นการไม่มีเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งพระมหาวีระเองก็ได้ใช้วิธีอย่างหลังในการปฏิบัติเพื่อหาทางหลุดพ้น และเพื่อแสดงถึงการตัดขาดแล้วซึ่งกิเลศและการยึดติด
ศาสนาเซน ที่อินเดีย
แต่ความเป็นมาที่ว่าศาสนาเซน กับพระพุทธศาสนานิกายเซน มีความเกี่ยวข้องเขื่อมโยงกันหรือไม่ ยังหาข้อมูลที่เชื่อมต่อตรงนี้ไม่ได้ หรืออาจจะไม่เกี่ยวข้องกันเลยก็เป็นได้ แม้จะมีต้นกำเนิดที่อินเดียเหมือนกันก็ตาม
พระพุทธศาสนานิกายเซน เป็นอีกนิกายย่อยหนึ่งของพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ก่อตั้งโดยพระโพธิธรรม หรือที่มักได้ยินชื่อในหนังจีนกำลังภายในว่า ตั๊กม๊อ กำเนิดขึ้นที่อินเดียก่อนที่จะเข้าสู่จีนในยุคราชวงศ์จิ้น และได้พัฒนาผสมผสานกลมกลืนกับเต๋าและขงจื้อ จากนั้นจึงเข้าไปเจริญรุ่งเรืองเป็นศาสนาประจำชาติของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งความโดดเด่นของพระพุทธศาสนานิกายเซนก็คือการทำสมาธิเช่นกัน
ศาสนาพุทธนิกายเซน ในญี่ปุ่น
สรุปว่า เถรวาทคือพระธรรม มหายานคือพระโพธิสัตว์ ตันตระวัชระคือการสวดมนต์ เซนคือสมาธิ ทั้งหมดนี้มีครบอยู่ในไทย โดยที่พุทธศาสนิกชนไม่รู้ตัวว่าเราได้รวมทุกนิกายไว้เป็นหนึ่งเดียวแล้ว และเท่าที่ยกมานี้ยังไม่หมด เพราะนิกายย่อยยังมีอีกมาก บางครั้งจึงอาจมองว่าเลอะเทอะ นั่นก็แล้วทัศนคติของแต่ละคน
พระพุทธศาสนานิกายมหายาน แม้จะเกิดขึ้นจากกลุ่มที่คิดต่าง ด้วยเหตุผลที่ต้องปรับตัวท่ามกลางความขัดแย้งต่อต้านจากสภาพสังคมโดยรอบเป็นข้อหลักแล้ว องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเองก็มีสายพระเนตรยาวไกล เล็งเห็นแม้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่พระองค์เสด็จปรินิพพานไปแล้ว
ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะเสด็จปรินิพพานไม่นาน จึงได้ตรัสกับพระอานนท์ว่า “ดูกรอานนท์ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา ถ้าสงฆ์ต้องการก็จงถอนสิกขาบทเล็กน้อยเสียบ้างก็ได้” ซึ่งแม้คำตรัสนี้จะมีความคลุมเครือในการตีความ แต่ก็สร้างความยืดหยุ่นให้กับพระพุทธศาสนา ให้สามารถหลอมรวมกับวัฒนธรรมในแต่ละท้องที่ได้
พระพุทธศาสนานิกายมหายาน ถึงแม้จะมีการแยกออกไปอีกถึงราว 20 นิกายด้วยกัน แต่สิ่งที่ยังคงยึดถือเหมือนกันคือ พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า โดยมีลักษณะเด่นก็คือ การมีพระโพธิสัตว์จำนวนมากมาย เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าในด้านต่างๆ
พระโพธิสัตว์ คือ ผู้ดูแลและเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า
พระโพธิสัตว์มีความแตกต่างจากเทพเจ้าที่ศาสนาฝ่ายพหุเทวนิยมมี คือ พระโพธิสัตว์ไม่ใช่ผู้สร้างหรือผู้ทำลาย พระโพธิสัตว์ไม่ได้สร้างโลก สวรรค์ นรก พระจันทร์ หรือ พระอาทิตย์ แต่เป็นผู้ที่คอยช่วยเหลือพระพุทธเจ้าดูแลสรรพชีวิต
พระโพธิสัตว์องค์ที่เป็นหัวหน้าของเหล่าพระโพธิสัตว์ทั้งหมด คือ พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ เป็นตัวแทนด้านสติปัญญาของพระพุทธเจ้า แต่พระโพธิสัตว์ที่ได้รับความนิยมศรัทธาสูงสุดในหลายท้องที่ คือ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ เป็นตัวแทนด้านความเมตตากรุณา โดยเฉพาะในจีนเรียกว่า กวนอิมโพธิสัตว์ จึงทำให้เกิดพระพุทธศาสนามหายานนิกายสุขาวดี เป็นนิกายแรกในจีน ตั้งขึ้นโดยพระฮุ่นเจียง สมัยราชวงศ์จิ้น
พระพุทธศาสนานิกายสุขาวดี หรือ นิกายวิสุทธิภูมิ มุ่งเน้นการเจริญสติถึงพระอมิตาภพุทธะ ควบคู่ไปกับพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ หรือ กวนอิมโพธิสัตว์ และ พระมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์ โดยมุ่งปรารถนาไปเกิดในแดนสุขาวดี
ศาสนาพุทธนิกายสุขาวดี
ในญี่ปุ่นก็มีนิกายสุขาวดีด้วย เรียกว่า นิกายโจโด ก่อตั้งโดยพระโฮเน็น ในยุคสมัยคามากูระ ตรงกับราชวงศ์หยวนของจีน และพ่อขุนรามคำแหงของสยาม ซึ่งนิกายของพระพุทธศาสนามหายานหลายๆนิกาย ได้ลดความสำคัญลงไปตามกาลเวลา จนเหลือที่สำคัญเพียงเท่าที่ยกมาค่ะ
ในไทยแม้ไม่ได้เป็นต้นกำเนิดของพระพุทธศาสนานิกายมหายาน แต่ก็ได้ให้กำเนิดพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท ถึง 2 นิกายย่อย คือ มหานิกายหรือลังกาวงศ์ ซึ่งเป็นแบบดั้งเดิม และธรรมยุตินิกาย ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยวชิรญาณเถระ หรือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ชาวไทยจึงได้ศรัทธานับถือพระพุทธศาสนาทั้งเถรวาทและมหายานควบคู่กันจนทุกวันนี้
โฆษณา