31 ต.ค. 2022 เวลา 23:25 • ความคิดเห็น
⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯
ระบบนิเวศแห่งความโชคดี
⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯
ได้รับแรงบันดาลใจจาก
หนังสือ…
GIVE and TAKE – แค่รู้วิธีให้
คนรับได้เท่าไหร่ คนให้ได้มากกว่า
ADAM GRANT เขียน | วิโรจน์ ภัทรทีปกร แปล
เพื่อน ๆ เรียกสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนเราโดยที่เราไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ไม่รู้ที่มาที่ไปว่าอะไรคะ?
- บางคนเรียกว่า…ความบังเอิญ
- บางคนเรียกว่า…โชคดี
- บางคนเชื่อว่า…สิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นนี้ ฟ้าประทานมาให้
และเหตุผลที่เราเรียกสิ่งดี ๆ เหล่านี้ว่า…เรื่องบังเอิญหรือความโชคดี แท้จริงแล้วมันเป็นเพียงเพราะ…เราแค่ไม่ทราบที่มาที่ไป ไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร หรือเปล่าคะ?
แต่สำหรับ อิคิ ∙ 生き ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตล้วนมีต้นสายปลายเหตุทั้งหมดทั้งสิ้น เพียงแค่ว่า…พุทธิปัญญาของเรานั้นหยั่งถึงหรือไม่ค่ะ
ก่อนที่จะนำพาเพื่อน ๆ ไปสู่รายละเอียดของคำถามที่ว่า “ความโชคดีเกิดขึ้นในชีวิตของเราได้อย่างไร?” อิคิ ∙ 生き ขอถามคำถามชวนคิดกับเพื่อน ๆ ซักหนึ่งข้อนะคะ
“เพื่อน ๆ คิดว่าทุกเหตุการณ์ ทุกสถานการณ์หรือสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา เป็นผลจากการกระทำของเราทั้ง 100% หรือไม่?”
ถ้าใช่ ทำไมหลาย ๆ ครั้งเราพบเห็นคนทำดีมากมาย แต่ก็ยังต้องเผชิญกับสถานการณ์ชีวิตที่ยากลำบาก ในขณะที่บางครั้งบางคนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กลับมีชีวิตที่ดูดีในสายตาของเรา
อิคิ ∙ 生き คิดว่าเหตุการณ์ทำนองนี้กำลังบอกใบ้ว่า…หลาย ๆ เรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา ไม่ได้เป็นผลจากการกระทำของตัวเรา 100% ค่ะ
หากเป็นเช่นนั้น คำถามต่อมาก็คือ “เรื่องต่าง ๆ ในชีวิตทั้งดีและไม่ดี นอกจากจะมีต้นสายปลายเหตุมาจากตัวเราเองแล้ว ยังมีที่มาจากภายนอกตัวเราอีกหรือไม่?”
เพื่อน ๆ เคยได้ยินคำพูดทำนองนี้ไหมคะ…
- การเป็นคนประเทศนั้น ประเทศนี้นั้นโชคดีจังเลย
- เธออยู่จังหวัดนี้หรอ โชคดีจัง
- โชคดีจังที่ได้เกิดในครอบครัวนี้
- โชคดีจังที่ได้ทำงานบริษัทนี้
- โชคดีจังที่ได้เรียนโรงเรียนนี้
- โชคดีจังที่ได้อยู่หมู่บ้านนี้
บางครั้งบางคราวแค่เพียงได้เป็นสมาชิกของประเทศ กลุ่มก้อน สังคมใดสังคมหนึ่ง ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะเป็นคนดีหรือไม่ การเป็นสมาชิกภาพในสังคมก็ทำให้เราได้รับอานิสงค์แห่งความโชคดี (หรือความโชคร้าย) จากสังคมแห่งนั้นไปในตัว
แล้วทำไมบางสังคมจึงสร้างความโชคดีให้กับสมาชิก ในขณะที่บางสังคมสร้างความแร้นแค้นให้กับกลุ่มก้อนของเขา?
เมื่อใดก็ตามที่กลุ่มก้อนใดกลุ่มก้อนหนึ่งประกอบด้วยมนุษย์หลาย ๆ คน เช่น องค์กร บริษัท สังคม ประเทศ ในทัศนะของ อิคิ ∙ 生き มันคือระบบนิเวศค่ะ เพราะการกระทำของคนในสังคมย่อมส่งผลกระทบต่อสมาชิกที่เหลือด้วยเช่นกัน อีกทั้งพวกเราย่อมต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันเพื่อให้แต่ละคนมีชีวิตอยู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สำหรับ อิคิ ∙ 生き การอยู่ในสังคมเดียวกัน ก็เปรียบเสมือนการลงเรือลำเดียวกันค่ะ หากสมาชิกในเรือส่วนใหญ่ (ไม่จำเป็นต้องทุกคน) เป็นคนโอบอ้อมอารี เราในฐานะหนึ่งในสมาชิกของสังคมแห่งนั้น ก็จะได้รับอานิสงค์แห่งความผาสุขไปด้วยไม่มากก็น้อย
ในขณะเดียวกัน หากสมาชิกส่วนใหญ่ในเรือเป็นคนเลือดร้อน ไม่โอบอ้อมอารี คิดถึงแต่ประโยชน์ตนเอง แน่นอนค่ะ เราก็จะได้รับอานิสงค์แห่งความทุกข์ตรมไปด้วย
ดังนั้นสิ่งหนึ่งที่ อิคิ ∙ 生き คิดว่าเราต้องยอมรับก็คือ เราและคนที่แวดล้อมเรา ย่อมมีความเกี่ยวโยงกัน สร้างผลกระทบซึ่งกันและกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
คุณ Adam Grant ผู้เขียนหนังสือ “Give and Take – แค่รู้วิธีให้คนรับได้เท่าไหร่ คนให้ได้มากกว่า” ได้แบ่งมนุษย์เป็น 3 ประเภทดังนี้ค่ะ…
ผู้รับ คือคนที่ชอบรับมากกว่าให้ ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ตัวเองมากกว่าความต้องการคนอื่น
ผู้ให้ คือคนที่ต้องการให้ผู้อื่นได้ประโยชน์ คนกลุ่มนี้มักจะสนใจผลประโยชน์ของสังคมมากกว่าความต้องการของตัวเอง
ผู้แลกเปลี่ยน คือเป็นผู้รักษาสมดุลระหว่างการให้และรับ ยึดมั่นในหลักของความยุติธรรม คนที่เป็นผู้แลกเปลี่ยน จะเชื่อในการยื่นหมูยื่นแมว ความสัมพันธ์ของคนเหล่านี้จะอยู่บนรากฐานของการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์อย่างเท่าเทียมกัน
เพื่อน ๆ คิดว่าสังคมที่ประกอบด้วยคนประเภทไหนในสัดส่วนที่มาก จะเป็นสังคมที่สร้างความโชคดีให้กับสมาชิกมากที่สุดคะ?

อิคิ ∙ 生き คิดว่าเรื่องนี้ไม่ยากค่ะ สังคมที่ประกอบด้วย “ผู้ให้” ในสัดส่วนที่มาก น่าจะเป็นสังคมหรือระบบนิเวศที่สร้างความผาสุข ความโชคดีให้กับสมาชิกได้มากกว่าสังคมที่ประกอบด้วย “ผู้รับ” จำนวนมาก
อิคิ ∙ 生き ขอหมายเหตุตรงนี้ตัวโต ๆ ก่อนนะคะว่า…การให้ที่ได้ประโยชน์ จะต้องเป็นการให้ที่ผ่านการใคร่ครวญว่าเราจะ…ให้ใคร ให้อย่างไร ให้ที่ไหน ให้เท่าไหร่ ส่วนการให้ที่ไม่ได้ใคร่ครวญหรือสักแต่ให้หลาย ๆ ครั้งก็ไม่ก่อประโยชน์ใดให้กับทั้งตัวผู้ให้และผู้รับนะคะ
แท้จริงแล้ว “การให้” และ “การเห็นแต่ประโยชน์ของตนเอง” เป็นสิ่งที่สามารถแพร่กระจายได้ค่ะ เพื่อน ๆ ลองกลับที่เรื่องเรือที่ อิคิ ∙ 生き ได้กล่าวไปข้างต้นดูนะคะ
ถ้าเรือของเราประกอบด้วยสมาชิก 5 คน และ สมาชิกจำนวน 4 ใน 5 คนเป็นผู้ให้ อิคิ ∙ 生き เชื่อว่าจะมีสิ่งดี ๆ ที่เกิดจากการให้ในเรือลำนี้จะมากมาย จนท้ายที่สุด สิ่งดี ๆ เหล่านี้ก็จะนวดหัวใจของผู้รับหนึ่งเดียวในเรือ ให้อยากมอบสิ่งดี ๆ ให้ผู้อื่นกลับคืนเช่นเดียวกัน
ในทางกลับ หากเรือของเรามีสมาชิกที่เป็นผู้รับหรือผู้แลกเปลี่ยนมากกว่าผู้ให้ วันทั้งวันคนในเรือของเราก็คงจะคิดแต่ว่า เราจะได้อะไร หรือ เราจะเสียอะไร สิ่งนี้ก็จะส่งผลให้ทุกคนเอาแต่ปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองทั้งวี่ทั้งวัน ทำให้ผู้ให้ส่วนน้อยในเรือ เริ่มคิดอยากปกป้องผลประโยชน์ของตนเองด้วยเช่นกัน ท้ายที่สุดเรือลำนี้ก็คงมีแต่เรื่องผลประโยชน์และการปกป้องผลประโยชน์ ซึ่งความผาสุขในเรือก็คงเกิดขึ้นได้น้อย
ในหนังสือ Give and Take ได้กล่าวเช่นเดียวกันค่ะว่า…
“การให้เป็นสิ่งที่สามารถแพร่กระจายได้ ผู้ให้หนึ่งคนที่ให้อย่างใคร่ครวญ ให้มากกว่าที่ตัวเองได้รับอย่างสม่ำเสมอ จะสามารถจุดประกายให้เกิดพฤติกรรมการให้ต่อ ๆ กันไปเรื่อย ๆ ได้
ทุกครั้งที่เราให้ คือการส่งเสริมให้ผู้คนรอบข้าง (ไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะเป็น ผู้ให้ ผู้รับ หรือผู้แลกเปลี่ยน) เป็นผู้ให้ด้วยเช่นกัน ผู้ที่ได้รับความช่วยเหลืออย่างจริงใจจากคน ๆ หนึ่ง บุคคลผู้ได้รับนั้นมักนำความช่วยเหลือไปช่วยคนอื่นต่ออีกทอดหนึ่ง การให้ก็จะส่งต่อกันเป็นทอด ๆ เช่นนี้ไปเรื่อย ๆ
สิ่งนี้ทำให้ผู้คนในเครือข่ายการให้หันมาเพิ่มคุณค่าแทนที่จะแลกเปลี่ยนคุณค่า ซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกคนได้รับประโยชน์จากคนที่พวกเขาไม่เคยช่วยเหลือหรือพบเจอมาก่อน”
แม้การให้และการเห็นแก่ตัวจะแพร่กระจายได้ แต่ อิคิ ∙ 生き คิดว่ามีอย่างหนึ่งที่เราต้องยอมรับค่ะ นั่นคือพลังการให้ของคนแต่ละคนก็สร้างผลกระทบได้แตกต่างกัน
เรื่องนี้ทำให้ อิคิ ∙ 生き คิดถึง “ในหลวงรัชกาลที่ 9 “ ขึ้นมาจับหัวใจ หากผู้นำเป็นผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นเมตตาและเป็นผู้ให้ ประชาชนทุกหัวระแหง ไม่ว่าบุคคลผู้นั้นจะเป็น ผู้ให้ ผู้รับ หรือผู้แลกเปลี่ยนก็จะได้รับอานิสงค์เป็นความโชคดีจากความเมตตาของผู้นำท่านนั้นไปด้วย และผู้นำที่ อิคิ ∙ 生き กล่าวถึงในที่นี้คือ “ในหลวงรัชกาลที่ 9 “ ค่ะ
เมื่อคิดถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 และความผาสุขของประชาชนภายใต้การปกครองของท่าน อิคิ ∙ 生き ก็อดคิดไม่ได้ว่า…ตัวเรานั้นโชคดีจังที่ช่วงหนึ่งของชีวิตได้อยู่ภายใต้ “พระบรมโพธิสมภาร” ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ค่ะ
ดังนั้น อิคิ ∙ 生き คิดว่าเราคงปฏิเสธไม่ได้นะคะว่า…การเป็นผู้รับ ผู้ให้ ผู้แลกเปลี่ยนของผู้นำหรือบุคคลผู้มีบารมี จะส่งผลกระทบในทางดีและไม่ดีได้มากกว่าคนธรรมดาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ อิคิ ∙ 生き คิดว่าเราก็ไม่ควรดูเบาพลังการให้ของคนตัวเล็ก ๆ หลาย ๆ คนมารวมกันนะคะ แท้จริงแล้วการให้ไม่ว่าเกิดขึ้นจากคนตัวใหญ่หรือคนตัวเล็ก ก็จะส่งผลดีเป็นระลอกคลื่นต่อไปเรื่อย ๆ เช่นเดียวกันค่ะ และไม่ว่าพลังการให้จากผู้นำจะยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่ถ้าหากปราศจากผู้ให้ตัวเล็กตัวน้อยที่ให้กันต่อ ๆ ไป การให้นั้นก็ย่อมไม่เป็นผล
ยิ่งไปกว่านั้นคือ การให้ไม่ว่าจะจากคนตัวใหญ่หรือคนตัวเล็ก ก็สามารถส่งผ่านความโชคดีต่อหลายชั่วอายุคน สิ่งนี้ทำให้ อิคิ ∙ 生き เข้าใจว่า…เพราะเหตุใด เราควรต้องสำนึกบุญคุณของบรรพบุรุษ บุพพการีและชนรุ่นก่อน การที่เราเพียงแค่เกิดในประเทศ สังคม ครอบครัว ที่สั่งสมความโชคดีมายาวนาน แม้ว่าเราจะยังไม่ได้ทำสิ่งใดตอบแทนเลย แต่เราก็ได้รับอานิสงค์แห่งความโชคดีนั้นแล้ว
ที่สำคัญแม้ความโชคดีจะสามารถส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่นได้ แต่ถ้าหากคนรุ่นหลังไม่ได้ทำอะไรดี ๆ เพื่อเพิ่มพูนความโชคดีให้กับระบบนิเวศที่อาศัยอยู่ ท้ายที่สุดความโชคดีนั้นก็จะหมดไป ดังนั้น อิคิ ∙ 生き คิดว่าสิ่งที่จะตอบแทนความโชคดีที่เราได้จากชนรุ่นก่อนได้ดีที่สุด ก็คือการส่งต่อความโชคดีนั้นให้กับชนรุ่นต่อ ๆ ไป ด้วยการธำรงไว้ซึ่งสิ่งดี ๆ หรือ ทำสิ่งดี ๆ เพิ่มพูนเข้าไปในระบบนิเวศที่เราอาศัยอยู่ค่ะ
จากทั้งหมดทั้งมวลที่ได้กล่าวมา อิคิ ∙ 生き คิดว่าความโชคดีในชีวิต ไม่ใช่สิ่งเหนือธรรมชาติแต่อย่างใด แต่เกิดจากการที่สมาชิกส่วนใหญ่ช่วยกันสร้างมวลพลังแห่งการให้ในระบบนิเวศที่เราอาศัยอยู่ขึ้นมา
หลายครั้งความโชคดีที่เราได้รับ นั้นเกิดจากความตั้งใจที่จะเป็นผู้ให้ของใครสักคน รวมไปถึงการให้จากตัวเราที่ส่งต่อกันป็นทอด ๆ จนท้ายที่สุดความโชคดีนั้นก็กลับมาหาเราอย่างค้นหาต้นสายปลายเหตุไม่ได้ 

อิคิ ∙ 生き เชื่อว่าสิ่งสำคัญที่จะทำให้ระบบนิเวศแห่งความโชคดีนั้นคงอยู่อย่างยั่งยืนต่อไปก็คือ…การสร้างสังคมแห่งการให้ ให้แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ
หากสังคมของเรามีแต่ผู้รับเป็นส่วนใหญ่ ระบบนิเวศแห่งความโชคดีก็จะค่อย ๆ หดตัวเล็กลง ๆ เรื่อย ๆ แต่ในขณะเดียวกันหากมีคนให้มากขึ้น ๆ เรื่อย ๆ ระบบนิเวศแห่งความโชคดีของสังคมเราก็จะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกันค่ะ
และแม้เราจะค้นหาต้นสายปลายเหตุไม่ได้ว่าความโชคดีของเรานั้นมาจากแห่งหนใด แต่เราสามารถเป็นส่วนหนึ่งของความโชคดีในสังคมที่เราอาศัยอยู่ได้นะคะ แค่เพียงเราเป็นผู้ให้ในจุดที่เราทำได้ ทำไปวันละเล็กละน้อย เพียงแค่นี้เราก็จะได้เป็นทั้งผู้ให้ความโชคดีและได้รับความโชคดีไปในตัว และที่สำคัญการให้ก็จะทำให้เรามีส่วนช่วยให้ระบบนิเวศแห่งความโชคดีที่เราอาศัยอยู่เติบโตและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยนะคะ
ดังนั้นหากจะให้ อิคิ ∙ 生き สรุปเรื่องราวในวันนี้ อิคิ ∙ 生き ก็จะขอสรุปไว้ดังนี้ค่ะ…
“โชค” คือสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต โดยที่เราไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ แต่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีต้นสายปลายเหตุนะคะ ในความคิดของหลาย ๆ คน โชคคือสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นแบบสุ่ม แต่สำหรับ อิคิ ∙ 生き “โชคดี” “โชคร้าย” ไม่มีคำว่า “บังเอิญ” ทุก “โชคดี” ทุก “โชคร้าย” ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราล้วนมีต้นสายปลายเหตุทั้งหมดทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าเรารู้ที่มาที่ไปหรือไม่
เมื่อ อิคิ ∙ 生き ได้รับรู้ว่า…ความโชคดีที่เกิดขึ้นในชีวิต นั้นเกิดจากสิ่งดี ๆ ที่คนในสังคมร่วมด้วยช่วยกันสร้าง
ดังนั้นเวลาที่ อิคิ ∙ 生き กำลังทำอะไรดี ๆ จึงคิดเสมอว่า…นี่เรากำลังเพิ่มพูนความโชคดีให้กับสังคมของเราอยู่นะเนี่ย ส่วนในเวลา อิคิ ∙ 生き เป็นผู้ได้รับ อิคิ ∙ 生き ก็จะระลึกว่า…นี่เรากำลังได้รับอานิสงค์แห่งความโชคดีจากใครสักคนที่ได้ทำบางสิ่งบางอย่างที่ดีให้กับระบบนิเวศที่เราอาศัยอยู่
อิคิ ∙ 生き จึงบอกตัวเองอยู่เสมอว่า…
เวลาที่ “โชคดี” เกิดขึ้นกับเรา มันต้องมีต้นสายปลายเหตุแน่นอน อาจจะเป็นจากใครสักคนที่อยู่ห่างไกล และให้กันเป็นทอด ๆ จนสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นกับเรา โดยที่เราไม่สามารถสาวกลับไปที่สาเหตุได้
ดังนั้นเมื่อ “โชคดี” เกิดขึ้นในชีวิต อิคิ ∙ 生き ก็จะรับด้วยใจที่เปิดกว้าง และส่งต่อความ “โชคดี” นั้นด้วยการทำสิ่งดี ๆ ในจุดที่เราทำได้ และนี่คือการสร้างระบบนิเวศแห่งสังคมการให้และการรับที่มีคุณภาพ ที่เรา…
- ไม่จำเป็นต้องรู้ต้นสายปลายเหตุ
- ไม่จำเป็นต้องขอให้โชคดีนั้นเกิดขึ้นกับเราบ่อย ๆ
แต่สิ่งสำคัญคือการรู้เพียงแค่ว่า…เราคือสมาชิกคนหนึ่งในระบบนิเวศแห่งนี้ที่มีหน้าที่สร้าง รักษา ต่อยอด ระบบนิเวศแห่งการให้และรับที่มีคุณภาพให้แข็งแกร่งต่อไปเรื่อย ๆ
และนี่คือ “ระบบนิเวศแห่งความโชคดี” ในทัศนะของ อิคิ ∙ 生き ค่ะ
สำหรับวันนี้ อิคิ ∙ 生き ขอลาไปทำหน้าที่ให้และรับในฐานะหนึ่งในสมาชิกของระบบนิเวศแห่งความโชคดีแห่งนี้ก่อนนะคะ
สำหรับเนื้อหาในวันนี้ อิคิ ∙ 生き ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเพื่อน ๆ จะได้รับประโยชน์ แล้วพบใหม่ในบทความต่อ ๆ ไปจาก อิคิ ∙ 生き กันนะคะ…
สวัสดีค่ะ🙏🏻☺️
⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯
ตะกอนความคิด จาก…
ชีวิต ∙ อิคิ ∙ 生き : ใช้ชีวิตแบบที่อยากมีชีวิต
⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯⎯

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา