4 พ.ย. 2022 เวลา 14:10 • ดนตรี เพลง
ตอนที่ 18: Recap ความทรงจำคอนเสิร์ตรอบหลายสิบปี - จากความทะเยอทะยานสู่ความทะเยอทะยาน #nontep01ทะเยอทะยานconcert
สวัสดีค่ะ กลับมาเจอกันอีกครั้งกับโหมดการบันทึกเรื่องราวที่ดีๆ กันนะคะ :)
วันนี้ก็ไม่ค่อยมีอะไรมากเลยค่ะ ตามชื่อหัวข้อเป๊ะๆ เลย นั่นก็คือ ดิฉันจะมาเล่าและบันทึกถึงถึงประสบการณ์การไปคอนเสิร์ต #nontep01ทะเยอทะยานconcert ให้ทุกคนฟัง เพราะสำหรับตนเองแล้วมองว่าเป็นคอนเสิร์ตที่ดีมั๊กๆ รวมถึงประสบการณ์กว่าจะได้เข้ามามีประสบการณ์ร่วมในคอนเสิร์ตนี้ก็มีคอนเทนต์มากมายเกิดขึ้นพอย้อนมองกลับไปก็สร้างความตื่นเต้นและรอยยิ้มให้ตนเองมากอยู่เหมือนกัน
(ต้องขออภัยกับความดองคอนเทนต์ของดิฉันด้วยนะคะ เพราะต้องยอมรับว่าคอนเสิร์ตนี้ก็ผ่านมานานสักพักแล้ว สักพักใหญ่ ๆ แล้วจริง ๆ แฮ่ 555555)
ปล. chapter นี้ขอไม่ใส่รูปภาพประกอบนะคะ เนื่องด้วยเรื่องลิขสิทธิ์ต่าง ๆ รวมถึงอยากลองเปลี่ยนโหมดอยากให้ลองดื่มด่ำกับตัวหนังสือดูค่ะ :)
Chapter 1: ประสบการณ์การไปคอนเสิร์ตของดิฉัน - Nearly ZERO
ปกติดิฉันไม่ค่อยไปดูคอนเสิร์ตค่ะ เป็นเพราะในสมัยเด็ก ๆ ดิฉันเป็นเด็กเรียบร้อย อยู่ในโอวาสของคุณพ่อคุณแม่ ที่ปกติเวลาออกไปไหนข้างนอกก็จะไม่กลับดึก รวมถึงเนื่องจากว่าช่วงวัยนั้นอาจเด็กมากอยู่ประมาณหนึ่ง การเดินทางไปดูคอนเสิร์ตเองจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากและต้องพึ่งพิงผู้ปกครองค่อนข้างมาก ทั้งในเรื่องการไปรับไปส่งและการซื้อบัตรเข้าชม ดิฉันก็เลยไม่ค่อยกล้าขอไปคอนเสิร์ตสักเท่าไหร่
ส่วนใหญ่ดิฉันเลยมักจะได้ไปจอยคอนเสิร์ตฟรีมากกว่า อย่างเช่น คอนเสิร์ตที่เขาร้องเพลงตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ คอนเสิร์ตที่จัดขึ้นในโรงเรียน อารมณ์พี่ ๆ น้อง ๆ ตั้งวงดนตรีแล้วได้มีโอกาสมาเล่นตามงานภายในโรงเรียนต่าง ๆ เพื่อสร้างบรรยากาศ
พอโตขึ้นมาหน่อยสมัยอยู่มหาวิทยาลัยก็จะไปจอยงานคอนเสิร์ตตามงานเทศกาล อย่างลอยกระทง งาน#ปล่อย (ชาวมธ. น่าจะรู้กัน อิอิ) งาน freshy game งานรับเพื่อนใหม่ หรืองานคอนเสิร์ตของพวกชุมนุมดนตรีต่าง ๆ แต่เนื่องจากเรามักเป็นผู้เล่นคอนเสิร์ตนั้นกว่าผู้ชม ประสบการณ์ที่ได้เลยมักจะเป็นในมุมมองของความสุขจากการที่ได้เป็นผู้สร้างสรรค์ความบันเทิงและความสนุกแก่ผู้ชมมากกว่า
ประสบการณ์ล่าสุดที่ดิฉันได้ไปดูคอนเสิร์ต เวอร์ชั่นซื้อบัตรแพง ๆ เข้าไปใน hall ใหญ่ ๆ น่าจะเป็นคอนเสิร์ตของพี่เบิร์ด ‘เบิร์ด ธงไชย อาสาสนุก’ ที่เพลง ‘Too much so much very much’ ของเขากำลังเรืองรอง
ตอนนั้นดิฉันไปกับครอบครัว ความทรงจำลาง ๆ ที่มีอยู่เกี่ยวกับคอนเสิร์ตนี้ก็คือคนเยอะมาก ดิฉันจำได้ว่านั่งอยู่บน ๆ อยู่ด้านขวาของเวที เวทีขนาดใหญ่มาก มีจอขนาดใหญ่ขนาบอยู่ทางด้านซ้ายและขวาอยู่บนเวที บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงกรี๊ดและเสียงดนตรีที่ดังมาก ผู้คนต่างมีป้ายไฟและลุกขึ้นร้องเพลงอย่างเมามัน แต่ตอนนั้นฉันไม่รู้สึกมันขนาดนั้นเลย 555555 รู้สึกว่าอึดอัดมากกว่า บวกกับเสียงที่ค่อนข้างดังและอาจด้วยวัยที่เรายังไม่กล้า express ความจอยของตนเองเวลาไปคอนเสิร์ตด้วย ดิฉันก็เลยไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่
แต่พอเวลาผ่านไป เมื่อเราเริ่มโตขึ้น เริ่มบ้าดารา เริ่มต้องการสร้าง adrenaline เพื่อสูบฉีบร่างกายให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า เริ่มเอนจอยและเข้าใจแสงสีเสียงมากขึ้นว่ามันสร้างความสนุกให้ตนเองได้อย่างไร เราก็เริ่มอยากเข้าหามันมากขึ้น ประกอบกับประสบการณ์โควิดที่ทำให้ใครหลายคนต้องเหี่ยวเฉา ความต้องการการปลดปล่อย การสังสรรค์ การพบเจอผู้คนเลยมากขึ้นเป็นเท่าตัว
สิ่งนี้เลย mainly drive ให้ดิฉันยอมจ่ายเงิน (ของตัวเอง) กว่าหลายพันบาทอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ศิลปินท่านหนึ่งได้โพสต์ลง IG ของเขาเองว่าจะทำ ‘คอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกในชีวิต’
Chapter 2: Why นนท์ ธนนท์?
ต้องเคลมตัวใหญ่ ๆ ตรงนี้ก่อนเลยว่าดิฉันไม่ได้เป็นสมาชิกของ #nontfam แต่อย่างใดนะคะ5555 ดิฉันเป็นเพียงผู้เสพย์ผลงานดนตรีของเขาคนหนึ่งเท่านั้น
ดิฉันเริ่มรู้จักนนท์ ธนนท์ มาตั้งแต่สมัย the voice ค่ะ ทราบว่าเขาเป็นผู้ชนะรายการ แต่หลังจากนั้นดิฉันก็ไม่ได้ติดตามอะไรเป็นพิเศษ แต่ก็เห็นผลงานดนตรีของเขามาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเพลง ‘เพื่อนสนิท’ ‘เจ็บที่ยังรู้สึก’ ‘ฝืนตัวเองไม่เป็น’ ‘ความรักกำลังก่อตัว’ หรือ ‘ยังมีผลต่อหัวใจ’ ซึ่งดิฉันรู้สึกชอบในผลงานเพลงเขาเพราะมันมีความ R&B ที่ดูมีลูกเล่นหลายอย่างแต่ฟังสบายดี
แล้วพอเริ่มเห็นเขาผ่านการปรากฎตัวในสื่อต่าง ๆ มากขึ้น ดิฉันก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนมี personality ที่น่ารักดี ดูเป็นคนที่มีความจริงจังแต่ก็มีความเฮฮาในแบบฉบับของตัวเอง นั่นเลยทำให้ดิฉันเริ่มชื่นชอบในศิลปินคนนี้มากขึ้น
อีกจุดสำคัญหนึ่งที่ทำให้ดิฉันเริ่มสนใจในตัวเขามากขึ้นจริง ๆ คือตอนได้ดูเขาให้สัมภาษณ์ในรายการ The Chair ของ Gene Lab ที่เอาศิลปินหลายคนมานั่งคุยกันในประเด็นที่ซีเรียสหน่อยแต่น่าสนใจ อย่างเรื่องของกระแส social ที่สร้างผล กระทบต่ออาชีพการทำงานในฐานะศิลปิน รายการนี้ทำให้เราเห็นถึง mindset มุมมองหลาย ๆ อย่างของเขาที่มีต่อการทำงาน การมองโลก วิธีคิดบางอย่างที่ทำให้เขา get through มาจนถึงทุกวันนี้ได้ นั่นทำให้ดิฉันรู้สึก amazed มาก เลยทำให้เราชื่นชอบเขาในฐานะของศิลปินมากขึ้นไปอีก
สิ่งนี้เลยทำให้เรามองว่าเขาเป็นศิลปินคนนึงที่ ‘คูลและเก่งมาก’ นี่เลยเป็นจุดที่ทำให้ดิฉันอยากเข้าไปดูคอนเสิร์ตของเขาอย่างไม่ลังเลใจ เพราะดิฉันอยากเห็นเหลือเกินว่า คอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกของศิลปินคนนี้มันจะหน้าตาเป็นอย่างไร
และด้วยความที่ดิฉันเป็นคนจริงจัง ก่อนไปดูคอนเสิร์ตดิฉันก็เลยแอบทำการบ้านด้วยการฟังเพลงอัลบั้มใหม่ของเขาไปด้วยแหละค่ะ ซึ่งบอกเลยว่าดิฉันประทับใจมาก ๆ เป็นอัลบั้มที่ดีงามมากจริง ๆ ค่ะ อยากส่งต่อให้ทุกคนลองไปฟังดูกันเยอะ ๆ เลยนะคะ (ซึ่งดิฉันเชื่อว่าหลายคนคงฟังมาแล้วแหละ แต่หากใครยังไม่ได้ฟัง ดิฉันแนะนำให้ฟังเรียง track ไปเลยยาว ๆ หรืออาจสลับ part กันก็ได้แต่ต้องเรียง track เพื่อเพิ่มอรรถรสในการฟังเพลงเพราะเขาไล่เรียง story มาดีมั๊ก ๆ!!)
Chapter 3: ประสบการณ์ความทะเยอทะยานสู่ความทะเยอทะยาน
ช็อตนี้ถือว่าเป็นประสบการณ์ #highlight ที่เป็นหัวเรื่องของ chapter ไดอารี่นี้เลยค่ะ เมื่อที่ดิฉันตกลงปลงใจไปคอนเสิร์ตเดี่ยวของนนท์ ธนนท์แล้ว หลังจากนั้นดิฉันก็ mark วันเปิดจองตั๋วไว้บนปฏิทิน พร้อมกับนัดแนะเพื่อนสนิทอีก 1 คนเพื่อมาช่วยกดบัตรกันในตอนเช้าเวลา 10 โมงตรง
ต้องบอกก่อนว่าดิฉันเคยมีประสบการณ์การกดบัตรอยู่ 1 ครั้งถ้วนค่ะ ก่อนหน้านี้ดิฉันเคยกดบัตรคอนเสิร์ต Trinity มาครั้งหนึ่ง ซึ่งประสบการณ์นั้นบอกเลยว่าไม่ทรหดเท่าไหร่ กดได้แบบสบาย ๆ เลย ดิฉันก็เลย assume ไปว่าคอนเสิร์ตนี้ก็คงน่าจะไม่ยากเช่นเดียวกัน เพราะเป็นคอนเสิร์ตของศิลปินชาวไทยเช่นกัน
แต่เพื่อนของดิฉัน ผู้ซึ่งมีประสบการณ์การกดบัตรมากกว่าดิฉันอยู่เล็กน้อย ก็บอกว่าอย่าได้ประมาทไป เพราะมันก็ไม่แน่เหมือนกันที่มันจะกดยาก เนื่องด้วยเป็นการจัดคอนเสิร์ตใน paragon hall พื้นที่มันเลยมีความจำกัดอยู่ประมาณหนึ่ง
พอถึงตอนเช้าใกล้เวลา 10 นาฬิกา ดิฉันได้โทรหาเพื่อน และวอร์มมือวอรม์ใจเตรียมพร้อมกดบัตร
Mission การกดบัตรตอนแรกเป็นการกดบัตรสำหรับ 5 คน คือมีฉัน เพื่อนสนิทของฉันคนนี้ แฝดน้อง และเจ้าคุณแม่กับคุณแม่เพื่อนสนิทคนนี้ของดิฉันอีก 2 คน (พวกนางก็คลั่งไคล้ในเพลงนนท์ ธนนท์เช่นเดียวกัน!) โดยเราวางแผนกันว่าให้ดิฉันกดให้กับแก๊งคุณแม่ในที่นั่งราคา 1,800 บาท (คุณแม่ขอมาในราคานี้) และเพื่อนของดิฉันกดให้พวกเราในที่นั่งราคา 2,500 บาท (ฉันกับเพื่อนยอมทุ่มทุนขึ้นมานิดนึง!)
ทุกอย่างก็ดูจะ settle และเป็นไปตามแผนดี จนกระทั่งถึงเวลา 10 นาฬิกานี่แหละค่ะ! ดิฉันบอกก่อนว่าดิฉันแอบเข้าไปในเว็บไซต์จองตั๋วก่อน 10 โมงแล้วคาหน้านั้นไว้ เผื่อมันจะได้เด้งเข้ามาเลย แต่ผลที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้ามเลยค่ะ หน้าเว็บนั้นดันค้าง ค้างแบบไม่รู้ด้วยว่าต้องทำอะไรอย่างไรต่อ
ดิฉันเลยกัดใจ log out ออกมาก่อน แต่หลังจาก log out ออกมาแล้วดิฉันก็เข้าหน้าเว็บนั้นไม่ได้อีกเลย ฝั่งเพื่อนก็ประสบปัญหาเฉดเช่นเดียวกัน พวกเราเลยพอรู้แล้วว่าเว็บล่มอย่างแน่นอน เพื่อนของฉันลองสืบเรื่องจากผู้คนอื่น ๆ ใน twitter ข่าวก็มีทั้งเว็บล่ม และมีบางคนที่สามารถจองบัตรได้เช่นเดียวกัน เหตุการณ์นั้นทำให้พวกเราเริ่มหวั่น ๆ เพราะทางค่ายหรือทางแอพลลิเคชั่นก็ไม่ประกาศอะไรออกมาเป็นชิ้นเป็นอันว่าเกิดอะไรขึ้น
ยอมรับเลยค่ะว่าดิฉันเป็นเครียดมาก แต่ดิฉันก็มองว่าน่าจะมาจากเว็บล่มเนี่ยแหละ ก็พยายามมองอย่าง bright side ที่สุดไว้ก่อน 555555
และแล้วเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 30-45 นาที ทางเพจค่ายเพลง รวมถึงเพจของเว็บจองตั๋วก็ได้ออกมาประกาศว่าเว็บล่มจริง ๆ ซึ่งกำลังทำการปรับปรุงระบบอยู่ และจะเปิดให้จองตั๋วอีกครั้งในเวลา 12 นาฬิกา
บอกเลยว่าเหตุการณ์นั้นก็ทำให้พวกเราเซ็งไปเลยค่ะ เพราะหลายคนคงไม่คิดว่าเว็บจะล่มทำให้ต้องจองตั๋วอีกทีในเวลาเที่ยง หลังจากที่รอมากว่า 2 ชม. สิ่งที่เกิดขึ้นมันสามารถสร้างผลกระทบหลายอย่างแก่ชาวจองตั๋วมาก บางคนอาจทำงานอยู่แล้วลางานมาแค่เวลานี้ก็ได้ หรือบางคนก็อาจมีแผนที่จะต้องไปทำอย่างอื่นต่อ สิ่งนี้เลยทำให้ทุกอย่าง delay ไปหมด
โชคดีที่ในส่วนของดิฉันมีการทำงานอีกทีตอนบ่ายสองครึ่ง ก็ยังพอไปได้บ้าง ส่วนเพื่อนของดิฉันก็ติดธุระอีกตอนช่วงเที่ยง แต่เลทได้มากสุดประมาณเที่ยงครึ่ง พวกเราก็พยายามกันเต็มที่เพื่อให้ได้ปคอนเสิร์ตนี้แหละค่ะ ฮึบๆ!
และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง เมื่อถึงเวลาเที่ยงตรง พวกเราก็เปิดเข้าเว็บไซต์อีกรอบ ดิฉันก็พยายามทำใจให้ร่มและเป็นชิวไว้ก่อน เพื่อจะได้สงบความตื่นตระหนกและสามารถทำภารกิจได้ลุล่วง
แต่พอกดเข้าไปในโซน 1,800 เท่านั้นแหละค่ะ ดิฉันก็ค้นพบว่าภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที ที่นั่งก็เต็มไปเกินครึ่งแล้ว และที่เหลือก็เป็นไฟกระพริบๆ ระหว่างว่างหรือไม่ว่างที่กดเท่าไหร่ก็กดไม่ติด สิ่งนี้เลยทำให้ดิฉันรู้เลยว่าการแข่งขันเพื่อเข้ามารับชมคอนเสิร์ตนี้มันดุเดือดกว่าที่คิดมาก ทำให้ดิฉันรู้ว่ามีคนสนใจและรักนนท์ ธนนท์มากเพียงใด
แต่เพื่อนสนิทของดิฉันถือว่าเป็นผู้มีแต้มบุญสูงสุด นางสามารถกดบัตรให้พวกเราแบบ 3 ที่เกือบติดกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ (เพื่อนก็บอกว่าไม่น่าเชื่อกับตนเองอีกเหมือนกัน) แก๊งลูก ๆ 3 คนก็เลยได้รับชมคอนเสิร์ตไปแล้วโดยปริยาย ดิฉันดีใจมาก แต่ก็ยังดีใจไม่สุดเท่าไหร่เพราะยังไม่สามารถจองให้คุณแม่อีก 2 ท่านได้
ดิฉันก็พยายามต่อไปค่ะ ทะเยอทะยานต่อไปตามชื่อคอนเสิร์ตแบบที่ใจเริ่มท้อและเริ่มจะหมดหวังละ 55555 ดิฉันรู้สึกปลงมากจนกระทั่งสามารถเอาก๋วยเตี๋ยวมานั่งทานระหว่างกดบัตรได้
เมื่อเจ้าคุณแม่ทราบถึงการแข่งขันที่แย่งชิงอย่างไม่คาดคิดนี้ นางก็เริ่มกัดฟันให้ดิฉันลองกดแบบ 2,500 แทนเผื่อจะได้ที่ แต่ผลปรากฎว่าก็เต็มเกือบหมดอีกเหมือนกัน และด้วยความที่แม่ของดิฉันอยากนั่งติดเพื่อน โอกาสการกดที่จะได้ที่ติดกันนี่ก็เป็นเรื่องยากอีก ระหว่างนั้นดิฉันก็กดได้บ้างแหละ แต่เนื่องจากว่ามันไม่ติดกัน เจ้าคุณแม่ก็ไม่เอาอยู่ดี
และพอเวลาผ่านไปหลายนาที เมื่อดิฉันรับประทานก๋วยเตี๋ยวหมด บัตรก็เต็มและ sold out ดิฉันเลยไม่สามารถทำภารกิจจองบัตรให้คุณแม่ได้ ดิฉันก็เลยรายงานให้ท่านทราบ นางก็บอกว่าไม่เป็นไร ถือว่าเราทำเต็มที่สุดความสามารถของเราแล้ว
ผลสรุปก็คือดิฉัน เพื่อนสนิท และแฝดเป็น 3 ใน 5 คนที่ได้ไปดูคอนเสิร์ตเดี่ยวของนนท์ ธนนท์ค่ะ บอกเลยว่าดิฉันตื่นเต้นมาก ๆ ถึงขั้นคิดชุดไว้ในหัวเรียบร้อยแล้วว่าจะใส่ชุดอะไรไปดี 55555 ที่เหลือก็แค่เพียงรอให้ถึงวันแสดงเท่านั้น….
ความทะเยอทะยานอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอาจไม่ได้อยู่ที่นั่นเสียทีเดียวนะคะทุกคน เพราะมันต้องผนวกคู่กับแต้มเน็ต และแต้มบุญด้วยจริง ๆ ! 55555
Chapter 4: โมเมนต์คอนเสิร์ตสุดประทับใจ
หลังจากที่ตบตีกับการจองบัตรในวันนั้น ในที่สุดก็มาถึงวันที่รอคอยค่ะ!
ดิฉันกับแฝดนั่งรถไฟฟ้าไปที่จัดแสดงคอนเสิร์ต ก่อนหน้านั้นเราไปกินข้าวกันก่อนที่ห้างข้าง ๆ และก็ได้นัดเพื่อนสนิท กับเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่ง (ที่เพิ่งรู้ว่าไปคอนเสิร์ตเดียวกันวันเดียวกันเหมือนกัน!) มาร่วมกินข้าวด้วยกันเพื่อเติมพลังไปมันส์ในคอนเสิร์ต
หลังจากกินข้าวเสร็จ พวกเรา 4 คนก็เดินทางไปที่ฮอลล์คอนเสิร์ต มีพวกเรา 3 คนไม่ได้ตรวจโควิดตอนเช้ามาในวันนั้นเลยยังเข้างานไม่นาน (ด้วยความไม่รู้เพราะไม่อ่านโพสต์ก่อนเข้างาน!) ก็เลยต้องไปใช้บริการการตรวจโควิดอย่างรวดเร็วของงานก่อนที่เข้างาน
หลังจากนั้นเราก็ไปเข้าคิวต่อแถวเพื่อรับบัตรแข็งก่อนเข้าฮอลล์ และก็ต้องตกตะลึงกับจำนวนคนที่ต่อแถวอยู่ในตอนนั้น เพราะคนเยอะมากค่ะ! มากจริง ๆ จำได้เลยว่าตอนจะไปต่อแถวยังหาหางแถวไม่เจอเลยว่าอยู่ตรงไหน 555
แต่ในที่สุดพวกเราก็ได้บัตรแข็งมาจนได้ และก็เข้าคอนเสิร์ตเลยทันทีทันใด (ไม่ทันดูบูทด้านนอกที่ขายของเพราะกว่าจะเข้ามาได้ก็จวนจะถึงเวลาคอนเสิร์ตแล้ว 555555) เรานั่งอยู่ตรงโซนด้านซ้ายสุดของเวที แต่แม้ว่าจะซ้ายสุดของเวทีเราก็ยังสามารถเห็นวิวเวทีได้หมด ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นมุมอับของการมองเห็นเท่าไหร่ เพราะเนื่องจากฮอลล์มันไม่ได้ใหญ่มากด้วยส่วนหนึ่ง
และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง.....
ศิลปินคนนี้ไม่ทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ!
โดยรวมก็คือดิฉันรู้สึกว่าคอนเสิร์ตนี้นอกจากจะเต็มไปด้วยสีสันและความอลังการงานสร้าง ตั้งแต่เรื่องการจัดไฟเพื่อ set mood ในแต่ละเพลงที่ ‘สวยทุกซีน’ การร้อยเรียงโชว์ที่ทำให้รู้เลยว่าได้คิดและคัดกรองมันมาอย่างดิบดีแล้ว รวมถึงการแสดงโชว์ต่าง ๆ ที่น่าทึ่งและเรียกเสียงหัวเราะแล้ว บรรยากาศของคอนเสิร์ตก็อบอุ่นมากอย่างไม่น่าเชื่อเช่นกัน ดิฉันมองว่าส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะจัดในฮอลล์ขนาดเล็ก ศิลปินเลยสามารถเข้าถึงผู้ชมได้มากขึ้น มันทำให้เราเห็นได้เลยว่าศิลปินใส่ใจกับผู้ชมมากจริง ๆ
ช็อตที่โบกไฟสีฟ้ากับเพลงดังอย่าง ‘พิง’ คือช็อตที่ดิฉันประทับใจที่สุด มันเหมือนกับดาวที่ส่องระยิบระยับบนท้องฟ้า ยิ่งพอได้ยินเสียงทุกคนร้องท่อนฮุคไปพร้อม ๆ กัน ในขณะที่ตัวศิลปินนั่งฟังอยู่ตรงกลางฮอลล์ ดิฉันคิดว่าโมเม้นต์นั้นคงทำให้ตัวศิลปินและผู้ชมกันเองรู้สึกอิ่มเอมไปไม่น้อยเลยทีเดียว :)
จำได้เลยว่าหลังจากคอยเสิร์ตจบ แม้ดิฉันจะรู้สึกเหนื่อยล้าเพราะเอนจอยกับคอนเสิร์ตมากจนพลังเกือบหมด แต่ก็รู้สึกอิ่มเอมมาก ๆ เลย รู้สึกว่าเป็น 2-3 ชม. ที่ฮีลใจของตนเองมาก ๆ เหมือนได้มาเสพย์ความสุขที่ถูกสร้างมาจากความตั้งใจและความใส่ใจจริง ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าในยามที่สถานการณ์บ้านเมืองเต็มไปด้วยความเครียด ความเหนื่อยล้า ความโกลาหล ความบ้าคลั่ง และพลังงานลบอีกมากมายที่ไม่อาจพูดถึงได้หมด ความสุขเล็ก ๆ ก็คงเป็นสิ่งที่หลายคนต้องการ แม้มันจะเป็นเพียงชั่วระยะเวลาสั้น ๆ ก็ตาม
อยากขอบคุณตัวเองมากที่ 'ทะเยอทะยาน' อย่างถึงที่สุดในวันนั้น 55555 และอยากขอบคุณศิลปิน ทีมงานทุกคนที่ 'ทะเยอทะยาน' สรรสร้างผลงานที่ดีออกมาให้พวกเราได้เสพย์ เป็นประสบการณ์หนึ่งที่ดีมากเลยจริง ๆ :)
#nontep01ทะเยอทะยานconcert #20082022
โฆษณา