5 พ.ย. 2022 เวลา 08:35
ฎีกาที่ 3167/2564
แม้การบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นกำหนดให้ต้องบังคับเอาแก่ทรัพย์จำนองก่อน หากไม่ครบจำนวนหนี้จึงจะบังคับเอาแก่ทรัพย์สินอื่นได้ก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาที่ดินทรัพย์จำนองเป็นเงิน 1,560,000 บาท และในวันที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ยึดที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 2 เพิ่มเติม จำเลยทั้งสองเป็นหนี้ผู้ร้องตามคำพิพากษา 3,346,102.39 บาท
หากขายทอดตลาดที่ดินทรัพย์จำนองไปตามราคาดังกล่าวก็ยังคงเหลือหนี้ตามคำพิพากษาอีกมากเพียงพอสมควรแก่การให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 2 เพิ่มเติมเพื่อบังคับชำระหนี้แก่ผู้ร้อง และผู้ร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินทรัพย์จำนองก่อนครบกำหนดระยะเวลาการบังคับคดี แต่ยังไม่สามารถขายที่ดินดังกล่าวได้ ถือได้ว่าผู้ร้องขอให้บังคับคดีแก่ทรัพย์จำนองภายในกำหนดระยะเวลาการบังคับคดีแล้ว ประกอบกับที่ดินทรัพย์จำนองที่ผู้ร้องนำยึดมีราคาประเมินไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้แก่ผู้ร้องตามคำพิพากษา
หากต้องรอให้มีการขายทอดตลาดที่ดินทรัพย์จำนองเสร็จสิ้นก่อนถึงจะกลับมายึดทรัพย์สินอื่นได้ ย่อมพ้นกำหนดระยะเวลาบังคับคดีเป็นเหตุให้ผู้ร้องอาจเสียสิทธิในการบังคับคดีทั้งๆที่การขายทอดตลาดที่ดินทรัพย์จำนองยังไม่เสร็จสิ้นนั้น มิใช่เกิดจากความผิดของผู้ร้องแต่อย่างใด
การยึดที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 2 ไว้ก่อนแต่ยังไม่ต้องนำออกขายจนกว่าจะมีการขายทอดตลาดที่ดินทรัพย์จำนองเสร็จสิ้นและได้เงินไม่พอชำระหนี้จึงค่อยนำที่ดินดังกล่าวออกขายทอดตลาดก็ไม่ขัดต่อขั้นตอนการบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและก่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ผู้ร้องจึงมีสิทธินำยึดที่ดินของจำเลยที่ 2 เพิ่มเติมได้ ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษาไม่อนุญาตให้ผู้ร้องนำยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 2 เพิ่มเติมนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
อนึ่งผู้ร้องยื่นคำร้องขออนุญาตยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 เพิ่มเติมภายในกำหนดระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 274 แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งและคำพิพากษายกคำร้องและในชั้นฎีกานี้ล่วงเลยกำหนดระยะเวลาบังคับคดีแล้ว กรณีถือว่ามีเหตุสุดวิสัยที่ผู้ร้องไม่สามารถบังคับคดีภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นสมควรขยายระยะเวลาการบังคับคดีให้ผู้ร้องออกไปอีก 180 วัน นับแต่วันอ่านคำพิพากษาให้คู่ความฟัง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา