12 พ.ย. 2022 เวลา 05:15 • ความคิดเห็น
เรื่องของความตระหนี่นี้มันเป็นกรรม กรรมที่เราใช้ กายวาจาใจ ใช้อารมณ์โลภ ..ไปเสาะแสวงหามา หาวัตถุปัจจัย ที่ไร่ที่นา เวลาไปหาก็ต้องใช้กายวาจาใจไปหา .ไปเอารัดเอาเปรียบ หากำไรมากๆ มีทรัพย์สินบ้านใหญ่โตมาก เอาเข้ามาๆ ยึดเข้ามาสู่เรือนกาย
มันยึดเสียเป็นอารมณ์กรรมเกิดขึ้น เนื่องด้วยจิตยึดกรรม จนแบ่งปันใครไม่ได้ มีแต่ไอ้นี้ก็ของเรา ไอ้นั่นของเรา วกเวียนอยู่ในตัวตน แท้จริงแล้วมันก็คือกรรม สิ่งที่ยึดอยู่ ..กรรมนั้นก็ส่งออกมาทางกาย
แม้มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย บ้านหลังใหญ่ๆโต พอบุญหมด กรรมมาทวง กรรมเค้าก็บันดาลให้ ทรัพย์สินมากมาย ก็กินได้แค่ไข่ต้มครึ่งซีก (มีเรื่องจริงนะ) พอใครเค้าเอาของดีๆมา ก็เอาขอดีเก็บ เอาของจะเสียมากิน มันหมุนอยู่อย่างนั้น ได้กินแต่ของจะเสีย ใครเอาของดีให้ ก็มีวาจาเสียดสีออกมา ลูกหลานก็เลยไม่อยู่ช่วยดูแล เพราะมันร้อน ..ใครเค้ามาก็ร้อน ..มีกายวาจาใจที่ร้อนออกไป..เราใครล่ะ อยากจะอยู่ใกล้ ถือของที่ร้อนๆไว้กับตัว
บางคน..ทำบุญ..ก็เรียกร้องหากรรม จะอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ก็จบท้ายขอให้ข้าพเจ้าร่ำรวยยศฐานบรรดาศักดิ์ มันก็ได้กรรมกลับคืน บุญกุศลก็ไม่ไปถึงเจ้ากรรมนายเวร เพราะเรียกร้องเอาคืน
เพราะสละความยึดถือ สละความโลภโกรธหลง ที่ไปหามาซ่อนเร้นอยู่ในวัตถุสิ่งของนั่นที่ยึดมาไปหามา ..จิตมันยึดอยู่ ใครขอก็ไม่ให้ ยื้อแย่งก็โกรธโมโห สาบแช่งเข้าไปอีก ..มันเกิดสิ่งที่ดีหรือไม่ดี เกิดขึ้นกับกายของผู้ที่ยึดถืออยู่ แม้ตัวเราเอง เราก็ยึด บ้านช่อง ทรัพย์สิน ลูกเมียภรรยา
แต่เราก็พยายามแบ่งปันสลัด ลดละออกไปออกไป แปรสภาพให้เป็นทานเป็นบุญ ทำด้วยความเต็มใจ ที่สละความโลภโกรธหลงออกจากจิต ทำด้วยความรู้จักบุญ .บรรเทาทุกข์ตัวเองที่เป็นผู้มีอารมณ์โลภโกรธหลงอยู่ เป็นผู้ที่ต้องใช้กรรมและสร้างกรรม..เราจึงต้องพยายามสร้างบุญกุศลขึ้น พยุงกายพยุงจิตของตนเอง
โฆษณา