13 พ.ย. 2022 เวลา 07:38
ฎีกาที่ 4093/2559
คดีนี้เดิมศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีสิทธิเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยมาไล่เบี้ยเอาจากจำเลย โจทก์อุทธรณ์ในประเด็นอำนาจฟ้องของโจทก์ในฐานะที่เป็นผู้รับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันภัย มาเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยซึ่งเป็นนายจ้างของนายธีรวัฒน์ผู้กระทำละเมิด ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า...ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าพนักงานของจำเลยขับรถโดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยถือว่าเป็นผู้เอาประกันภัยเอง
โจทก์จึงไม่มีสิทธิรับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยมาไล่เบี้ยจากจำเลยนั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย จึงให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทข้ออื่นแล้วพิพากษาตามรูปคดี จำเลยหาได้ฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่วินิจฉัยในประเด็นว่าโจทก์มีสิทธิรับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันภัย ปัญหาดังกล่าวยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทข้ออื่นแล้วพิพากษาให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์
จำเลยยังอุทธรณ์ในปัญหาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจเข้ารับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันภัยมาฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยอีก โดยอ้างเหตุเดิมที่ว่า จำเลยและนายธีรวัฒน์ได้รับการคุ้มครองความรับผิดของผู้ขับขี่ตามเงื่อนไขที่ผู้รับประกันภัยจะถือว่าบุคคลซึ่งขับขี่รถยนต์โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเอง อุทธรณ์ของจำเลยจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำในประเด็นแห่งคดีที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144
จำเลยจะอ้างว่าเดิมโจทก์เป็นผู้อุทธรณ์แต่ครั้งนี้จำเลยเป็นผู้อุทธรณ์โดยอ้างบทกฎหมายต่างกันหาได้ไม่ ในเมื่อคดีมีประเด็นปัญหาเรื่องการรับช่วงสิทธิและอำนาจฟ้องของโจทก์ซึ่งศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดไว้ในการดำเนินกระบวนพิจารณาครั้งก่อนแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยจึงชอบด้วยเหตุผลแล้ว

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา