14 พ.ย. 2022 เวลา 06:02 • หุ้น & เศรษฐกิจ
Disney เกือบไม่ได้เป็นเจ้าของ Marvel เพราะผู้บริหารกลัวว่าแบรนด์จะเสื่อมเสีย
🎬 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเพื่อน ๆ คนไหนได้ดู Black Panther 2 กันแล้วบ้าง ? กับภาคต่อของตัวละครที่แฟน ๆ ต่างหลงรักในความเท่ รวมถึงเป็นภาคที่ไว้อาลัยแก่คุณแชดวิก โบสแมน นักแสดงผู้รับบททีชัลลาอีกด้วย
และด้วยการมาของ Black Panther 2 เราเลยอยากพาย้อนเวลากลับไปเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่ทำให้จักรวาล Marvel ปรากฎขึ้นบนจอภาพยนตร์ และกลายเป็นอีกหนึ่งอีเวนต์ที่ใคร ๆ ก็ตั้งตารอคอย
แม้ว่า Marvel ถูก Disney ซื้อกิจการในปี 2552 แต่รู้หรือไม่ว่าจริง ๆ แล้ว Disney จะซื้อกิจการก่อนหน้านั้นก็สามารถทำได้ แต่ที่เกิดขึ้นช้ากว่าที่ควรจะเป็น เพราะว่าผู้บริหารบางคนไม่เห็นด้วยนั่นเอง โดยพวกเขามองว่าตัวละครของ Marvel นั้นจะทำให้แบรนด์ของ Disney เสื่อมเสียลง และในปี 2550 - 2551 ก็เป็นช่วงที่เกิดวิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ด้วย ดังนั้นการใช้เงินจึงจำเป็นต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะการเข้าซื้อกิจการที่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่
อย่างไรก็ดี บ็อบ ไอเกอร์ ซีอีโอ ณ ขณะนั้นมองว่า Marvel เป็นแหล่งขุมทรัพย์ เพราะมีตัวละครมากกว่าพันตัว และแต่ละตัวก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจ Disney น่าจะสามารถนำมาผลิตคอนเทนต์ได้ดี รวมถึง Iron Man ที่รับบทโดย โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ซึ่งเพิ่งฉายไปได้ไม่นานก็ประสบความสำเร็จ สามารถทำรายได้ถึง 21,100 ล้านบาท จากทุนสร้าง 5,000 ล้านบาท
1
เขาจึงขอความร่วมมือจากเพื่อนของเขาอย่าง สตีฟ จอบส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมการบริษัท Disney ณ เวลานั้น ในการช่วยโน้มน้าวผู้บริหารและคณะกรรมการคนอื่น ๆ จนในที่สุด Disney ก็ได้ทำดีลซื้อกิจการ Marvel ด้วยมูลค่า 151,300 ล้านบาท ขณะที่ Marvel มีรายได้ 24,400 ล้านบาท กำไร 7,400 ล้านบาท เท่ากับว่า Disney ซื้อกิจการที่ PE = 21 เท่า
แต่ด้วยความที่ผู้ถือหุ้น Disney เห็นว่าเพิ่งผ่านวิกฤติการเงินได้ไม่นาน และราคาที่ค่อนข้างสูง ทำให้หลังจากประกาศดีลครั้งนี้ หุ้น Disney ก็ลดลงกว่า 3% ถ้าเพื่อน ๆ อยากรู้ว่าราคาหุ้น Disney ในอดีตเคลื่อนไหวยังไง ก็โหลดแอป Dime! แล้วค้นหาหุ้น DIS ได้เลยนะ
โหลดแอปได้เลยที่ https://bit.ly/3qFsL89
📍 และอย่างที่เรารู้กัน สุดท้ายภาพยนตร์ของ Marvel ก็ทำเงินให้ Disney ไว้มากมาย โดยหากนับตั้งแต่แรกจนถึงต้นปี 2565 จะมีรายได้ถึง 958,400 ล้านบาท จากทั้งหมดกว่า 20-30 เรื่อง
โดย 3 ภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดของ Marvel
1. Avengers: Endgame 100,800 ล้านบาท
2. Avengers: Infinity War 73,800 ล้านบาท
3. Spider-Man: No Way Home 69,000 ล้านบาท
จะเห็นได้ว่าเพียงแค่ 3 เรื่อง ก็มีรายได้รวม 243,600 ล้านบาท ซึ่งแซงมูลค่ากิจการของ Marvel ที่ Disney ได้ซื้อมาแล้ว ไม่นับว่า Disney จะมีรายได้จากการต่อยอดต่าง ๆ จากลิขสิทธิ์ตัวละครด้วย ไม่ว่าจะเป็นการใช้คาแรกเตอร์กับสวนสนุก หรือของที่ระลึกและของเล่นก็ตาม
รวมถึงปัจจุบันมีการนำไปผลิตคอนเทนต์ประเภทซีรีส์บน Disney+ ด้วย เช่น Loki, WandaVision และ Moon Knight ทำให้ไตรมาสที่ผ่านมา Disney+ มีจำนวนสมาชิกนำหน้า Netflix เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
📍 สำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจอยากเป็นเจ้าของค่าย Marvel และรับเงินค่าตั๋วหนังจากคนดูคนอื่น ๆ สามารถซื้อหุ้น DIS (The Walt Disney) บนแอป Dime! ได้เลย โดยมีเงินเพียง 50 บาทก็ลงทุนได้ และหากเปิดบัญชีภายในปี 2565 ฟรีค่าคอมมิชชันทุกรายการซื้อขายถึง 30 มิ.ย. 66 และถ้าทำภารกิจซื้อหุ้นสหรัฐฯ หรือกองทุนรวมบนแอป ก็รับหุ้นสหรัฐฯ เพิ่มอีกสูงสุดถึง 200 บาท*  มาลองค้นหาหุ้นอื่น ๆ ชั้นเยี่ยมในแอป Dime! กันด้วยนะครับ
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น โดยไม่ถือว่าเป็นการให้คำแนะนำด้านการลงทุน บทวิเคราะห์ หรือการเสนอขายแต่อย่างใด ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
◤ = = = = = = = = = = = = = = =
"เพราะการเงินเป็นเรื่องของทุกคน"
= = = = = = = = = = = = = = =  ◢
Dime! ครบเครื่องเรื่องการเงิน แอปพลิเคชันที่ทุกคนสามารถเข้าถึงการลงทุนได้อย่างเท่าเทียม
บริษัทหลักทรัพย์ เคเคพี ไดม์ ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์จากสำนักงาน ก.ล.ต. เป็นผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน Dime! และแนะนำบัญชีเงินฝากของธนาคารเกียรตินาคินภัทร
ติดตามเราหรือศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ https://linktr.ee/dime.finance
โฆษณา