18 พ.ย. 2022 เวลา 14:12 • ท่องเที่ยว
กาลครั้งหนึ่ง ณ พระราชวัง แวร์ซายส์ มรดกโลก ประเทศฝรั่งเศส
เครดิตภาพ:  Dr. TC
ประเทศฝรั่งเศส เป็นประเทศหนึ่งที่นักท่องเที่ยวอยากมาเยือน ผู้เขียนได้มีโอกาสมาเที่ยวฝรั่งเศสประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ประทับใจเมื่อได้เยือน พระราชวังแวร์ซายส์ ซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์ 1 ใน 7 ของโลกในยุคปัจจุบันที่ชาวโลกต่างกล่าวขวัญถึงว่า “เลิศล้ำยิ่งใหญ่ที่สุด สมกับเป็นวิมานบนดินของจักรพรรดิจริงๆ” และเป็นสถานที่ที่เราได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์โลกไปด้วย เรามาดูประวัติ ที่มาของ พระราชวังแวร์ซายส์กันเลยค่ะ
เครดิตภาพ:  Dr. TC
พระราชวังแวร์ซายส์ เป็นพระราชวังหลวงแห่งหนึ่งของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ที่เมืองแวร์ซายส์ (Versailles) เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และสวยงามแห่งหนึ่งของโลก อยู่ห่างจากเมืองปารีสประมาณ 17 กิโลเมตร
เครดิตภาพ:  Dr. TC
ประวัติความเป็นมาของพระราชวังแวร์ซายส์นั้น ต้องย้อนไปจนถึงพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 แห่งฝรั่งเศส ด้วยพระองค์นั้นชอบไล่ล่าสัตว์และชอบใกล้ชิดกับธรรมชาติ พระองค์มีโอกาสมาล่าสัตว์ในป่ารอบ ๆ เมืองแวร์ซายส์อยู่หลายครั้ง
จนในปี ค.ศ. 1622 ก็ได้เริ่มซื้อผืนป่าในเมืองนี้เพื่อล่าสัตว์ส่วนพระองค์ จนต่อมาปี ค.ศ. 1623 ก็ทำที่พักขนาดเล็กขึ้นที่นี่ และในปี ค.ศ. 1631 ก็มีการสร้างใหม่ให้กลายเป็นชาโตว์ขนาดย่อม ๆ
 
ต่อมาในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส พระองค์ทรงตัดสินพระราชหฤทัยย้ายราชสำนักมาอยู่ที่เมืองแวร์ซายส์ และได้ปรับปรุงพระตำหนักหลังเก่าให้กลายมาเป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่ สวยงามและหรูหราที่สุดในยุโรป
อนุสาวรีย์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงม้า หน้าพระราชวังแวร์ซายส์   เครดิตภาพ: Dr. TC
เริ่มดำเนินการในปี ค.ศ. 1661 และมีการสร้างเรื่อย ๆ ใช้เวลาในการก่อสร้างร่วมกว่า 30 ปี ตลอดสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส
พระองค์ทรงใช้ที่นี่เป็นสถานที่ในการต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ซึ่งรวมทั้งคณะทูตจากสยามในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งอยุธยาของเราอีกด้วย
ต่อมาเป็นสถานที่พำนักของกษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์เรื่อยมา จนถึงสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศส จนเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสขึ้น นับแต่นั้นพระราชวังแวร์ซายส์ก็ไม่เคยได้เป็นที่พำนักของกษัตริย์อีกเลย
จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1837 พระเจ้าหลุยส์-ฟีลิปที่ 1 แห่งฝรั่งเศส ก็ได้มีคำสั่งให้เปลี่ยนพระราชวังแวร์ซายส์มาเป็นพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสจนถึงปัจุบัน
โดยตัวอาคารทุกส่วนสร้างด้วยหินอ่อนสีขาว มีสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบบาโรค และรอคโคโค ตกแต่งอย่างสวยงาม มีขนาดพื้นที่ขนาดพื้นที่ ทั้งหมด 5,000 ไร่
รายล้อมด้วยสวนสวยที่ตกแต่งให้มีลวดลายวกวนราวกับเขาวงกต ตกแต่งด้วยต้นไม้ สวนดอกไม้แบบเรขาคณิต มีประติมากรรมสัมฤทธิ์และหินอ่อนปั้นโดยได้รับแรงบันดาลใจจากเทพนิยายกรีกโรมัน โดดเด่นด้วย น้ำพุจากเทพนิยายกรีก
เครดิตภาพ:  Pixabay
ตัวพระราชวังแบ่งออกเป็น 5 ส่วนใหญ่ๆ ด้วยกัน ได้แก่ The Palace, The Gardens เป็นสวนที่อยู่หน้าอาคารพระราชวังแวร์ซายส์ ซึ่งมีการออกแบบและตกแต่งให้สวยงาม จนได้รับการชื่นชมให้เป็นสวนที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก,
The Estate of Trianon พระตำหนักเล็ก ๆ ของพระนางมารี อ็องตัวแน็ต (Marie Antoinette) ที่มีการเนรมิตสวนสวยแบบชนบทของอังกฤษไว้ด้านหลัง และมีหมู่บ้านชนบทอยู่ด้วย,
The Royal Stables เป็นโซนแกลลอรี่ และ The Park อันเป็นสวนกว้างใหญ่ไพศาล
ในส่วนของ The Palace หรือด้านในของพระราชวัง มีห้องมากมายถึง 700 ห้อง จัดแสดงภาพวาด กับงานแกะสลัก มีการติดตั้งหน้าต่าง 2,153 บาน บันได 67 อัน และเตาผิงกว่า 1,315 เตา และยังมีการประดับตกแต่งด้วยแชนเดอเรีย มีห้องกระจก(The Hall of Mirrors) เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในพระราชวังและเป็นไฮไลท์สำคัญที่เราต้องเข้าชมเมื่อมาฝรั่งเศสนั้นเองค่ะ
ห้องกระจก    เครดิตภาพ:  Dr. TC
ห้องกระจก    เครดิตภาพ:  Pexels
ห้องกระจก (The Hall of Mirrors)
เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดของแวร์ซายส์ในรอบ 4 ศตวรรษ ออกแบบโดยสถาปนิกเอก มอนสาร์ท ห้องนี้พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงกำกับการก่อสร้างเอง ทั้งห้องประกอบด้วยกระจกบานยักษ์ 17 บาน เมื่อเปิดออกแล้ว สวนแวร์ซายส์อันสวยสดงดงามดุจสวนสวรรค์จะปรากฏบนกระจกทั้งแถบของกำแพงด้านใน เป็นที่ตระการตาแก่ผู้ได้พบเห็น
โดยห้องกระจกนี้ได้ใช้ต้อนรับแขกเมือง หรือจัดพิธีเลี้ยงรับรองคณะราชทูต เป็นเวลาถึง 300 ปี หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ห้องนี้ได้ใช้เซ็นสนธิสัญญาครั้งสำคัญถึง 2 ครั้ง คือ สนธิสัญญาตั้งอาณาจักรเยอรมัน และสนธิสัญญาแวร์ซายส์ “สงบศึกสงครามโลกครั้งที่ 1”
นอกจากนี้ ในสมัยพระเจ้าหลุยส์ ที่ 14 นั้น ได้ตรงกับสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งอยุธยา ซึ่งเป็นยุคที่ชาติตะวันตกเริ่มเข้ามามีบทบาทกับสยามมากยิ่งขึ้น และเพื่อเป็นการให้ทางฝั่งฮอลันดาเกรงขาม สมเด็จพระนารายณ์มหาราชจึงได้เจริญพระราชไมตรีกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 มีการส่งคณะทูตไปสู่พระราชสำนักฝรั่งเศสถึง 2 ครั้ง แต่ครั้งที่ประสบความสำเร็จก็คือครั้งที่ 2 อันเป็นคณะทูตของโกษาปาน ซึ่งในสมัยนั้นยังคงดำรงตำแหน่งเป็นพระวิสุทธสุนทร
สมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้แต่งตั้งให้ออกพระวิสุทธสุนทรเป็นราชทูต ออกหลวงกัลยาราชไมตรีเป็นอุปทูต และออกขุนศรีวิสารวาจาเป็นตรีทูต โดยคณะของออกพระวิสุทธสุนทรได้เข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ณ ห้อง The Hall of Mirrors พระราชวังแวร์ซายส์ เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2229 (ค.ศ. 1686)
ด้วยความเก่งกาจด้านการทูต การวางตัวที่ดี และทำถูกต้องตามขนบธรรมเนียมประเพณีของฝรั่งเศสของคณะทูตชุดนี้ ทำให้เป็นที่ยกย่องของทั้งพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และชาวฝรั่งเศส จนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วยุโรป นับเป็นการเจริญสัมพันธไมตรีที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง
ห้องวีนัส   เครดิตภาพ:  Flickr
ห้องวีนัส
เป็นห้องพักราชทูตที่เดินทางมาถวายพระราชสาส์นตราตั้งก่อนเข้าเฝ้า กำแพงห้องด้านหนึ่งเจาะลึก มีรูปปั้นชุนทรงศึกอันภูมิฐาน แบบโรมันของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ตามประวัติศาสตร์ระบุไว้ว่าโกษาปานราชทูตของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา ครั้งเดินทางไปถวายสาส์นแด่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ก็ได้เข้าพักในห้องวีนัสนี้ เพดานห้องวีนัสวิจิตรด้วยภาพเทพธิดาแห่งความงามและความรักล้ำเลิศเป็นที่น่าประทับใจ
เครดิตภาพ:   Pixabay
อุทยานแวร์ซายส์
เป็นสวนยิ่งใหญ่งดงามที่สุด ที่รายล้อมพระราชวังแวร์ซาย สถาปนิกแต่งสวนระดับโลกชื่อ เลอโนทด์ ร่วมกับช่างใหญ่ผู้ออกแบบสร้างวังทั้งสองท่านคือ เลอบรังและมอนสาร์ท
เริ่มตกแต่งอย่างสมบูรณ์แบบในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่15 อุทยานแวร์ซายส์มีเนื้อที่กว้าง 14,820 เอเคอร์ ประกอบด้วยสระน้ำเล็กๆขึ้นไป จนถึงทะเลสาบจำลองขนาดใหญ่ ทรงรับสั่งให้สร้างรูปปั้น รูปหล่อทองแดงของธรรมชาติทุกสิ่งไว้ ตั้งแต่รูปสัตว์จนถึงรูปปั้นเทพเจ้าทั้งหลายตามตำนานกรีกโบราณ เพื่อประกาศความเกรียงไกรของวัฒนธรรมฝรั่งเศส
เทคนิคการชลประทานแบบใหม่ในครั้งนั้นได้ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกโดยขุดคลองต่อจากแม่น้ำเชนน์มาที่แวร์ซายส์ เพื่อใช้เครื่องปั้มน้ำพุ่งขึ้นมาเป็นน้ำพุทั่วอุทยาน
เมื่อผู้เขียนได้ไปชมพระราชวังแวร์ซายส์แล้ว ต้องบอกว่าเป็นพระราชวังที่ประทับที่สมบูรณ์แบบ ใหญ่โต สวยงามอลังการมากค่ะ ซึ่งทั่วโลกยกย่องว่าพระราชวังแวร์ซายส์ เป็นที่รวบรวมเอกลักษณ์แห่งศิลปกรรมของฝรั่งเศสที่เคยกระฉ่อนโลก จนมีคำกล่าวว่า ”คราใดใครได้เยือนแวร์ซายส์ ครานั้นเขาได้เห็นโลกอันศิวิไลซ์ที่แท้จริงแล้ว”
พระราชวังแวร์ซายส์จัดห้องเป็นสัดส่วนอย่างสมพระเกียรติที่สุดและแต่ละห้องได้สร้างอย่างวิจิตรบรรจงให้ความสอดคล้องกับเหตุการณ์และนามของห้องอย่างยิ่ง ดังนั้นถ้าท่านผู้อ่านมีโอกาสไปเยือนฝรั่งเศส อย่าพลาดที่จะไปชมพระราชวังแวร์ซายส์ มรดกโลกนี้นะคะ
อย่างไรก็ตาม เมื่อจัดโปรแกรมท่องเที่ยว ควรดูสถานการณ์โรคโควิด-19 เพื่อลดความเสี่ยงกันด้วยค่ะ
โฆษณา