20 พ.ย. 2022 เวลา 00:09 • ธุรกิจ
War For Talent กับบทเรียนของการปลดพนักงานด้านเทคโนโลยีครั้งใหญ่ทั่วโลก
1
ในยุคอดีตบรรดาเด็กจบใหม่ยอดอัจฉริยะต่างคิดว่าพวกเขามีทางเลือกอาชีพมากมายให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นงานสุด hot ในวาณิชธนกิจชื่อดังหรือสำนักงานกฎหมายระดับแนวหน้า
War For Talent กับบทเรียนของการปลดพนักงานด้านเทคโนโลยีครั้งใหญ่ทั่วโลก
แต่หลังจากนั้นบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ก็เข้ามากลืนกินดึงเอาเหล่าพนักงาน talent สูงๆ ไปแทบจะหมด
เพราะมันได้เกิดสิ่งใหม่ขึ้นนั่นก็คือเหล่าพนักงานยอดอัจฉริยะในแวดวงเทคโนโลยี สามารถที่จะสนุกสนานและร่ำรวยในเวลาเดียวกันได้ ซึ่งบริษัทเทคโนโลยีดูเหมือนจะเป็นตัวแทนของโลกแห่งการทำงานรูปแบบใหม่ที่มีลำดับชั้นน้อยลง
1
วัฒนธรรมรูปแบบใหม่ซึ่งทุกคนสวมกางเกงยีนส์และเสื้อยืด และสิ่งที่สำคัญที่สุด เงินเดือนที่โครตสูงแถมยังมีตัวเลือกหุ้นมากมาย และหากโชคดี นายจ้างก็จะดูแลส่วนที่น่าเบื่อของชีวิตด้วย เช่น ช่วยดูแลเรื่องการซักผ้าหรืออาหารการกินให้
1
ในปีนี้บริษัทเทคโนโลยีติดอันดับ 5 ใน 10 อันดับแรก สถานที่ที่น่าทำงานมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาตามรีวิวของพนักงานในเว็บไซต์ Glassdoor
แต่มันก็มาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เพราะในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเหล่าบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่แห่กันเลิกจ้างพนักงานแบบที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน
1
Meta ได้เลิกจ้างพนักงาน 11,000 คนหรือ 13 เปอร์เซ็นต์ของพนักงานทั้งหมด Elon Musk เจ้าของใหม่ของ Twitter ได้ลดจำนวนพนักงานลงครึ่งหนึ่ง Amazon มีแผนปลดพนักงานประมาณ 10,000 ตำแหน่ง ขณะที่ Stripe ซึ่งเป็นบริษัทชำระเงินเอกชน ได้ลดพนักงานลง 14 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมันเป็นประสบการณ์ที่โหดร้ายสำหรับพนักงานส่วนใหญ่
บริษัทเทคโนโลยีเดิมพันกับความต่อเนื่องของสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจมหภาคที่ผิดเพี้ยนจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งกำลังจะสิ้นสุดลง
ผู้บริโภคไม่ได้ถูกจำกัดให้อยู่แต่ในบ้านอีกต่อไป มีเพียงแค่ธุรกิจอย่างอีคอมเมิร์ซเท่านั้นที่คนยังพร้อมที่จะใช้จ่ายเงิน อัตราดอกเบี้ยไม่ได้อยู่ที่จุดต่ำสุดอีกต่อไป ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เหล่านี้
Meta ยังคงมีพนักงานมากกว่าปีที่แล้ว แต่การปลดพนักงานจำนวนมากมีบทเรียนสองสามข้ออย่างแรกคือ ไม่ว่าทุกคนจะใส่ยีนส์หรือไม่ก็ตาม บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งก็มีระบอบที่มีความเป็นเผด็จการสูง
2
เป็นเรื่องที่น่าทึ่งที่ได้เห็นผู้บริหารระดับสูงรู้สึกรับผิดชอบต่อการปลดพนักงาน แต่มันก็เป็นเครื่องเตือนใจว่าพวกเขามีพลังมากแค่ไหนตัวอย่างเช่น ที่ Meta นักลงทุนรู้สึกผิดหวัง มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อ Mark Zuckerberg ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจมอยู่ในโลกของ “metaverse”
แต่ด้วยโครงสร้างการถือหุ้นของ Meta ช่วยให้เขาซึ่งถือหุ้นร้อยละ 13 สามารถควบคุมคะแนนเสียงได้มากกว่าครึ่งหนึ่ง มันแทบจะเป็นระบอบเผด็จการในโลกทุนนิยมดี ๆ นี่เอง
Zuckerberg เขียนไว้ในบันทึกที่ถูกส่งให้กับเหล่าพนักงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว “ผมผิดเอง ผมจะรับผิดชอบเอง”
และต้องบอกว่าความเร็วของการเลิกจ้างโดยบริษัทระดับโลกเหล่านี้ยังขัดกับเจตนารมณ์ของกฎหมายการจ้างงานในสหราชอาณาจักรและยุโรป
“ในหลายประเทศทั่วยุโรป คุณต้องเตือนหน่วยงานภาครัฐ สภาแรงงาน หรือสหภาพแรงงาน แม้ว่าบริษัทจะไม่ได้เป็นสหภาพ คุณต้องมีแผนที่จะลดผลกระทบทางสังคมจากการตัดสินใจทางด้านธุรกิจของคุณ” Valerio De Stefano ศาสตราจารย์แห่งโรงเรียนกฎหมาย Osgoode Hall ในโตรอนโต กล่าว
แนวคิดของกฎหมายเหล่านี้ไม่ใช่เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทต่างๆ ทำการปลดพนักงาน แต่เพื่อให้แน่ใจว่าเกิดขึ้นอย่างยุติธรรมและมีการตักเตือนอย่างเหมาะสม
1
“ตอนนี้มันเกิดขึ้นโดยไม่มีการควบคุมหรือการปรึกษาหารือ มีเพียงใครบางคนที่พูดว่า: ‘ขอโทษ มันเป็นความผิดของผม ผมจะปลดคุณออก’”
สำหรับพนักงานประสบการณ์ดังกล่าวเน้นย้ำข้อเท็จจริงที่ว่าระบอบเผด็จการที่ Meta ได้แสดงให้เห็นพลังบางอย่างแล้ว ซึ่งสถานการณ์ในตอนนี้แม้แต่คนที่ยังคงทำงานอยู่ก็พบว่าสวัสดิการบางอย่างของพวกเขาก็ได้เปลี่ยนไป
ที่ Twitter Musk ได้ประกาศให้ทุกคน ทำงานอย่างน้อย 40 ชั่วโมงในสำนักงาน และสร้างความผิดหวังให้กับคนที่วางแผนจะทำงานจากระยะไกล เพราะ Musk ต้องการให้พนักงานกลับมาทำงานที่ออฟฟิสเหมือนเดิม
สหภาพแรงงานหวังว่าการปลดพนักงานครั้งใหญ่นี้จะช่วยให้พวกเขาโต้แย้งว่าสหภาพแรงงานไม่ได้เป็นเพียงการพยายามปรับปรุงสภาพการทำงานที่ไม่ดีเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับการมีปากมีเสียงที่แท้จริงอีกด้วย
1
Mike Clancy เลขาธิการทั่วไปของ UK union Prospect กล่าวว่าสหภาพมีสมาชิกบางส่วนที่ Twitter และหวังว่าจะมีการรับสมัครเพิ่มเติมในภาคส่วนของบริษัทด้านเทคโนโลยี
อีกบทเรียนหนึ่งจากการปลดพนักงานครั้งใหญ่ในธุรกิจเทคโนโลยีครั้งนี้ก็คืออย่าหลงไปกับคำพูดที่ว่า “สงครามแย่งชิงผู้มีความสามารถ” ซึ่งแพร่หลายในภาคเทคโนโลยีจนกระทั่งเกิดการเลิกจ้างครั้งใหญ่ในครั้งนี้
1
ซึ่งก็ต้องบอกว่าคนเก่งนั้นมีอยู่ทุกวงการ สิ่งสำคัญในการจ่ายเงินคืออุปสงค์และอุปทานของอุตสาหกรรมนั้น ๆ
คนงานที่ได้รับค่าจ้างต่ำ ๆ ในสหรัฐฯ ก็ได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้นในปีนี้เช่นเดียวกันแต่ไม่มีใครเรียกสิ่งนั้นว่า “สงครามแย่งชิงความสามารถ”; พวกเขากลับเรียกมันว่า “การขาดแคลนแรงงาน”
1
ซึ่งในตอนนี้แม้บริษัทด้านเทคโนโลยีอาจเสนอสิทธิพิเศษที่น่าทึ่ง แต่ก็ต้องบอกว่าผู้คนไม่ต้องการงานในฝันมากเท่ากับที่พวกเขาต้องการงานที่ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเหมาะสมมากกว่านั้นเองครับผม
3
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
The original article appeared here https://www.tharadhol.com/war-for-tech-talent/
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย --> https://lin.ee/aMEkyNA
อย่าลืมเข้าไปพูดคุยกันในกลุ่มสำหรับ Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ
คลิกเลย --> https://bit.ly/3E2DdM8
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา