20 พ.ย. 2022 เวลา 00:17 • การเมือง

ผลเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ: ความพ่ายแพ้ของพรรคเดโมแครตที่รู้สึกเหมือนชัยชนะ

ก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมเมื่อวันอังคารที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นักวิเคราะห์การเมืองอเมริกันต่างคาดเดาว่าพรรคเดโมแครตจะพ่ายแพ้อย่างหนัก โดยมีความเป็นไปได้สูงที่พรรครีพับลิกันจะสามารถชนะทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
ปัจจัยทั้งหลายต่างไม่เอื้ออำนวยต่อพรรคเดโมแครต ไม่ว่าจะเป็นคะแนนนิยมของประธานาธิบดีไบเดนที่ตกต่ำ อัตราเงินเฟ้อที่สูง และประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกาที่ชี้ว่า ในการเลือกตั้งกลางเทอม พรรคของประธานาธิบดีจะเสียที่นั่งเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่นในปี 2010 พรรคเดโมแครตภายใต้การนำของประธานาธิบดีโอบาม่าเสียที่นั่งถึง 60 ที่นั่ง ในสภาล่าง เพราะประชาชนที่นิยมพรรคฝ่ายค้านมีกำลังใจสูงในการออกมาแสดงความไม่พอใจกับรัฐบาล
แต่ผลการเลือกตั้งกลับพลิกล็อค พรรคเดโมแครตเสียที่นั่งเพียงเล็กน้อยในสภาล่าง และยังรักษาวุฒิสภาไว้ได้อีกด้วย ทำให้นักวิเคราะห์การเมืองอเมริกาบางคนถึงกับต้องกล่าวว่า เป็นผลเลือกตั้งที่แปลกประหลาดที่สุดครั้งหนึ่งเลยทีเดียว
เหตุผลที่ทำให้พรรคเดมโคแรตสามารถพลิกเทรนด์ประวัติศาสตร์ได้ น่าจะมีสามประเด็นหลักๆ
ประเด็นแรก นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังมีอิทธิพลสูงมากในพรรครีพับลิกัน เนื่องจากเขายังมีฐานเสียงที่มั่นคงภายในพรรค แต่คะแนนนิยมของทรัมป์ในกลุ่มคนหมู่มากต่ำกว่าของไบเดนเสียอีก และทรัมป์ยังใช้อิทธิพลของเขาภายในพรรคเพื่อผลักดันแคนดิเดตในสนามเลือกตั้งต่างๆ ที่จงรักภักดีกับเขา แต่แคนดิเดตเหล่านี้นับได้ว่า "ไม่น่าเลือก" และ "บ้าเกินไป" สำหรับคนหมู่มาก จนทำให้พรรครีพับลิกันแพ้เลือกตั้งในรัฐ swing state หลายรัฐ
ประเด็นที่สอง การตัดสินใจของศาลสูงสุดสหรัฐฯ ที่จะเลิกสิทธิการทำแท้งของผู้หญิงในอเมริกา และปล่อยให้ทุกรัฐตัดสินใจเรื่องสิทธิการทำแท้งเอง เป็นแรงผลักดันที่สำคัญที่ทำให้หญิงสาวเป็นจำนวนมากออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยไบเดนได้สัญญาว่า ถ้าพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้ง เขาจะออกกฎหมายใหม่ผ่านสภาคองเกรส เพื่อให้อเมริกามีสิทธิการทำแท้งในระดับ Federal อีกครั้ง
สุดท้ายแล้ว ถึงแม้ว่าคะแนนนิยมของไบเดนจะไม่สู้ดีนัก แต่เขาก็ประสบความสำเร็จหลายอย่างในสองปีแรกที่เขาเป็นประธานาธิบดี ไม่ว่าจะเป็นการผ่าน American Rescue Plan (มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงฟื้นตัวจากโควิด), Bipartisan Infrastructure Law (การลงทุนในการสร้างและฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี), Inflation Reduction Act (การลดราคายาและลงทุนในพลังงานสะอาดเพื่อสู้กับภาวะโลกร้อน) และ CHIPS Act (การลงทุนในการวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อแข่งขันกับจีน)
ทั้งหมดนี้ทำให้กล่าวได้ว่า ไบเดนเป็นประธานาธิบดีที่ประสบความเสร็จมากที่สุดคนหนึ่งในรอบหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมาในด้านการขับเคลื่อนนโยบายของตน ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันให้ฐานเสียเดโมแครตออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง เพื่อให้เดโมแครตสามารถออกกฎหมายต่อไป
แน่นอนว่า การ "เกือบชนะ" ของพรรคเดโมแครตไม่ได้หมายความว่าพรรคเดโมแครตชนะอย่างแท้จริง เพราะสุดท้ายแล้วพรรครีพับลิกันก็ได้ควบคุมสภาล่าง ซึ่งจะทำให้การออกกฎหมายของไบเดนหยุดชะงักลง และพรรครีพับลิกันจะมีอำนาจในการสืบสวนรัฐบาลไบเดนได้
แต่ในขณะเดียวกัน การที่พรรครีพับลิกันมีเสียงปริ่มน้ำในสภาผู้แทนราษฎร ก็คงทำให้ผู้นำในพรรครีพับลิกันต้องหนักใจเป็นอย่างมากเช่นกัน เพราะทุกเสียงในพรรคจะมีอำนาจต่อรองที่สูง โดยเฉพาะฝั่งขวาจัด/โปรทรัมป์ ที่พร้อมจะโค่นประธานสภาจากพรรครีพับลิกันคนใหม่ทุกเมื่อ
ด้วยความแตกแยกระหว่างพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันที่ทุกวันดูจะมากขึ้นเรื่อยๆ การเมืองอเมริกาอีกสองปีข้างหน้า ในสภาพของ "Divided government" คงวุ่นวายไม่น้อย
โฆษณา