14 ธ.ค. 2022 เวลา 00:00 • ธุรกิจ
ภาพของความเป็น ‘ญี่ปุ่น’ มักจะปรากฎความพิถีพิถัน และความเอาใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่ตลอด ไม่เว้นแม้แต่การทำสินค้าหรือบริการ
ทำให้การตลาดญี่ปุ่นขึ้นชื่อในเรื่องของความเอาใจใส่ลูกค้า ❤️ มากกว่าการยัดเยียดหรือส่งต่อสินค้า โดยไม่ได้คำนึงถึงผู้ใช้งานจริง
เผย 3 เทคนิค ป้ายยาเบอร์แรง ปิดการขายง่ายตามแบบฉบับญี่ปุ่น
ไม่เพียงแค่นั้น การตลาดของคนญี่ปุ่นยังขึ้นชื่อในเรื่องของการป้ายยาสินค้าโดยคำนึงถึงความจำเป็นในการใช้งานต่าง ๆ เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจซื้ออย่างไม่รู้ตัว
วันนี้ K SME จะมาเผยเคล็ดลับ 3⃣ เทคนิคป้ายยาเบอร์แรง ตามแบบญี่ปุ่น ว่าคนญี่ปุ่นมีเทคนิคยังไงในการป้ายยาแบบเนียน ๆ ให้ลูกค้าซื้อสินค้า จนได้รับความสนใจและเพิ่มยอดขายอย่างก้าวกระโดด
หาซีนการขายสไตล์ MUJI
1. หาซีนการขาย
การหาซีน (scene) ให้สินค้าว่าลูกค้าจะใช้สินค้าของเราในสถานการณ์ไหนได้บ้าง ถือเป็นสิ่งที่เจ้าของธุรกิจต้องคำนึงอันดับต้น ๆ
การยกตัวอย่างสถานการณ์ง่าย ๆ ที่ลูกค้าจะได้ใช้สินค้าของเรานั้น จะช่วยให้เราผลิตสินค้าออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพและนำไปสู่การตัดสินใจซื้อในที่สุด
Case study
MUJI แบรนด์อุปกรณ์ของใช้ในบ้าน และไลฟ์สไตล์ประจำวัน ดีไซน์เรียบง่ายที่ดู Minimal มองเผิน ๆ อาจจะคิดว่า MUJI ออกแบบสินค้ามาเพื่อกลุ่ม Minimalist เท่านั้น แต่เป้าหมายหลักคือการตอบสนองความต้องการใช้งาน ที่ไม่ว่าใครก็ใช้สินค้าของ MUJI ได้
ตัวอย่างการหาซีน “หน้าฝนก็ต้องพกร่มติดมือใช่ไหม แต่ก็คงไม่มีใครอยากถือร่มคันใหญ่เพราะมันเกะกะ โดยเฉพาะต้องขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงานหรือไปเรียน งั้นจะดีกว่าไหมถ้าเราสามารถเลือกขนาดร่มที่เหมาะกับเราได้ในแต่ละวัน
เช่น วันนี้ไปเรียน/ทำงาน ก็พกร่มพับอันเล็ก วันนี้ไปจ่ายตลาดกับคุณแม่ ก็เปลี่ยนมาใช้ร่มคันใหญ่ด้ามยามขึ้นมาหน่อย จะได้บังฝนได้พอดี”
สอน How to ให้ลูกค้าสไตล์ Domohorn Wrinkle
2. สอน How to ให้ลูกค้า
ในฐานะผู้ผลิตสินค้าย่อมรู้วิธีใช้ให้เกิดความคุ้มค่าที่สุดอยู่แล้ว ฉะนั้นเจ้าของธุรกิจต้องเป็น ‘ผู้สอน’ วิธีใช้สินค้า เพื่อให้ลูกค้าได้รับสิ่งที่ดีที่สุด หรือเกิดประสบการณ์ที่ดีระหว่างแบรนด์
Case study
Domohorn Wrinkle แบรนด์เครื่องสำอางจากญี่ปุ่น มีการเปิด Workshop วิธีดูแลผิวหน้าทั้ง 8 ขั้นตอนตามผิวเน็นเรฮาดะ (ผิวเสื่อมสภาพตามกาลเวลา) ตามลำดับ 1-8
โดยผู้เชี่ยวชาญที่มาสอนให้ถึงที่ นอกจากนี้ก็ยังมีลำดับการใช้งานบอกที่ด้านหลังของผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน โดยไม่ต้องท่องจำหรือเก็บคู่มือลำดับการใช้อีกต่อไป
เมื่อลูกค้าใช้สินค้าอย่างถูกวิธี ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด ก็จะช่วยให้เห็นผลของสินค้านั้นมากยิ่งขึ้น ทำให้กลับมาซื้อซ้ำเรื่อย ๆ โดยยอดซื้อซ้ำ 2 ครั้งประมาณร้อยละ 60 และลูกค้าที่ซื้อ 8 ครั้งขึ้นไป มีสูงถึงร้อยละ 90
สอนลูกค้าให้รู้จักตัวเองสไตล์ Asics
3. สอนให้รู้จักตัวเอง
เล่ารายละเอียดของสินค้าหรือยิ่งเข้าคำถามถึงปัญหาการใช้ชีวิตประจำวัน มีปัญหาอะไรจากสินค้าตัวเก่าที่เคยใช้ เช่น เครื่องสำอางติดแมสก์ ต้องเติมหน้าระหว่างวัน ผิวมันง่ายแม้อยู่ในห้องแอร์
เมื่อรู้ปัญหาแล้วก็จะง่ายต่อการเสนอสินค้าหรือบริการให้ลูกค้าได้เจาะจงมากขึ้น ทำให้ปิดการขายได้ไวกว่าเดิม
แบรนด์รองเท้า Asics ออกแบบ 2 รุ่นใหม่ พร้อมทำคอนเทนต์ให้คำแนะนำด้วยการสอนลูกค้าว่าสไตล์การวิ่งมี 2 แบบ คือ แบบ Stride (วิ่งก้าวยาว) และแบบ Cadence (วิ่งก้าวสั้น) ซึ่งจังหวะการก้าวขาและตำแหน่งสะโพกต่างกัน
หลังจากให้ข้อมูลแล้วก็เปิดคำถามว่า “เราเป็นคนวิ่งแบบไหน?” เพื่อให้ลูกค้าสังเกต และรู้จักสไตล์ตัวเองมากขึ้น ว่ารองเท้ารุ่นไหนเหมาะกับตัวลูกค้าที่สุด
การสอนให้ลูกค้ารู้จักตัวเอง จะทำให้ลูกค้ายิ่งรักแบรนด์นั้นมากขึ้น เพราะแสดงถึงความใส่ใจในตัวลูกค้าจริง ๆ
ที่มา : Marketingoops, Punpro, Readthecloud, Jeban และ Ad addict
📍ติดตามคลิปความรู้ดีๆ เพิ่มเติมได้ที่ 👉 YouTube K SME
#KSME #KBankLive
โฆษณา