Audi Q8 E-Tron เปิดตัวเเล้วอย่างเป็นทางการ ด้วยรูปลักษณ์ที่ดีขึ้นและวิ่งได้ไกลกว่าเดิม
2
Audi ได้ปรับโฉม e-tron SUV พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อรุ่นเป็น Q8 e-tron ที่จะถูกนำเสนอทั้งในรุ่นตัวถังปกติและแบบ Sportback ซึ่งในรุ่นนี้จะมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ปรับปรุงใหม่ ความจุของแบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้นเพื่อมอบระยะเดินทางที่ไกลขึ้นและเวลาในการชาร์จที่เร็วขึ้น ส่วนการเปลี่ยนแปลงอื่นๆที่สำคัญๆ ได้แก่ การปรับปรุงมอเตอร์ไฟฟ้าที่เพลาหลัง ระบบช่วงล่างแบบถุงลม ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่ลดลงและกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
3
ย้อนกลับไปในปี 2018 เมื่อเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้ากำลังจะมา Audi E-Tron SUV ได้รับการเปิดตัวในฐานะรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นแรกของแบรนด์และสวมตรา e-tron อยู่เพียงรุ่นเดียว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Audi ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าอีก 7 รุ่น โดยแต่ละคันจะต่อท้ายด้วยคำว่า e-tron หลังชื่อรุ่น และตามกลยุทธ์เชิงรุกของ Audi ในอีก 3 ปีข้างหน้าจะเห็นรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 20 รุ่นในกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยตัวเลือกของเครื่องยนต์สันดาปจะถูกถอนออกจากการขายในปี 2030
ดังนั้น Audi จึงคิดว่า e-tron SUV และ Sportback ควรถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Q8 e-tron และ Q8 e-tron Sportback เพื่อเป็นรุ่นเรือธงสูงสุดของตระกูลรถยนต์ไฟฟ้า
การปรับโฉมของ Q8 e-tron ถูกออกแบบให้เข้ากับปรัชญาการออกแบบรถยนต์ไฟฟ้าของ Audi ด้วยกระจังหน้าแบบ Single Frame ในรูปแบบใหม่ ช่องไอดีที่กันชนหน้าที่ใหญ่ขึ้น ดิฟฟิวเซอร์หลังที่ได้รับการออกแบบใหม่และการปรับแต่งส่วนอื่น ส่งผลให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (cd.) จาก 0.28 เหลือ 0.27 สำหรับรุ่น SUV และจาก 0.26 เหลือ 0.24 สำหรับรุ่น Sportback
การเพิ่มประสิทธิภาพเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในรถยนต์ไฟฟ้า นั่นทำให้ในรุ่น Q8 50 e-tron ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้นมาพร้อมความจุของแบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้นจาก 69 kWh เป็น 89 kWh ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 29% และเมื่อรวมกับซอฟต์แวร์ในการจัดการแบตเตอรี่ที่ปรับปรุงใหม่ จะมอบระยะเดินทางจากเดิมที่วิ่งได้ไกล 341 กม. เป็น 491 กม. สำหรับรุ่น SUV และ 505 กม. สำหรับรุ่น Sportback
ต่อด้วยรุ่น Q8 55 e-tron และ SQ8 e-tron จะมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 106 kWh ที่เพิ่มขึ้นจาก 86 kWh ของรุ่นก่อน มอบระยะเดินทางสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 582 กม. สำหรับรุ่น SUV และสูงสุดถึง 600 กม. สำหรับรุ่น Sportback ส่วนรุ่นที่ทรงพลังที่สุดอย่าง SQ8 e-tron จะสามารถวิ่งได้ไกล 494 กม. สำหรับรุ่น SUV และสูงสุดถึง 513 กม. สำหรับรุ่น Sportback
ขณะที่ความเร็วในการชาร์จ DC 150 kW ของ Q8 50 e-tron ยังคงเท่าเดิม แต่ Q8 55 e-tron และ Q8 50 e-tron จะรองรับได้เพิ่มเป็น 170 kW ที่ยังห่างไกลจากที่พบใน e-tron GT ขนาด 270 kW แต่ก็เพียงพอที่จะชาร์จอย่างรวดเร็วจาก 10-80% ใน 31 นาที
มอเตอร์ด้านหลังของ Audi e-tron จะให้กำลังเพิ่มขึ้น ด้วยการเพิ่มขดลวด 2 ตัว ทำให้รวมเป็น 14 อัน ผลลัพธ์ที่ได้คือมอเตอร์มีประสิทธิภาพและทรงพลังมากขึ้น ขณะเดียวกันยังใช้พลังงานน้อยลง
สำหรับข้อมูลด้านระบบส่งกำลัง เริ่มที่ Q8 50 e-tron จะมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ที่ให้กำลังรวม 250 แรงม้าและแรงบิด 664 นิวตันเมตร เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ใน 6 วินาที, Q8 55 e-tron มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ที่ให้กำลังรวม 300 แรงม้าและแรงบิด 664 นิวตันเมตร เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ใน 5.6 วินาทีและปิดท้ายด้วย SQ8 e-tron SQ8 e-tron ที่มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ที่ให้กำลังรวม 503 แรงม้าและแรงบิด 973 นิวตันเมตร เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ใน 4.5 วินาที
Audi Q8 E-Tron ยังได้รับการรับรองว่าเป็น net-carbon-neutral ด้วยการใช้วัสดุรีไซเคิลหลายแบบในห้องโดยสาร ซึ่งรวมถึงฉนวนต่างๆ ที่หุ้มหัวเข็มขัดที่ทำจากขยะพลาสติกสำหรับยานยนต์ เบาะนั่งแบบสปอร์ตที่จากเส้นใยโพลีเอสเตอร์ถึง 45% ที่ผลิตจากขวด PET รีไซเคิล สิ่งทอใช้แล้วและกากใยธรรมชาติ
สำหรับราคาของ Audi Q8 e-tron ในประเทศเยอรมันจะมีราคาเริ่มต้นที่ 74,400 ยูโร หรือราวๆ 2.7 ล้านบาท ไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทย
Cr.CarScoops
1 ถูกใจ
1 แชร์
189 รับชม
แสดงความคิดเห็นของคุณ...
  • 1
    โฆษณา