25 พ.ย. 2022 เวลา 03:58
ฎีกาที่ 9953/2559
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านเพียงว่าตราสารการโอนหุ้นเป็นเพียงสำเนาไม่มีต้นฉบับและเป็นเอกสารปลอม นายแอนโทนีโอไม่ใช่ผู้ถือหุ้น ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องเป็นคดีนี้เท่านั้น ข้อที่ผู้คัดค้านฎีกาว่าการโอนหุ้นระหว่างผู้คัดค้านกับนายแอนโทนีโอ มิได้ปฏิบัติตามข้อบังคับของบริษัทว่าด้วยการโอนหุ้นดังกล่าวแม้ผู้คัดค้านจะได้นำสืบในชั้นพิจารณาก็เป็นการนำสืบนอกคำคัดค้าน
ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ทั้งมิใช่ปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง (ที่ใช้บังคับขณะยื่นฟ้อง) ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
แม้ตราสารการโอนหุ้นที่ผู้ร้องอ้างส่งจะเป็นสำเนาเอกสารซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93 บัญญัติว่า ให้ศาลยอมรับฟังได้เฉพาะต้นฉบับเท่านั้น แต่ตามาตราดังกล่าวก็ได้บัญญัติข้อยกเว้นไว้ใน (2) ว่า ถ้าต้นฉบับเอกสารนำมาไม่ได้เพราะสูญหายหรือถูกทำลายโดยเหตุสุดวิสัยหรือไม่สามารถนำต้นฉบับมาได้โดยประการอื่น ศาลจะอนุญาตให้นำสำเนาหรือพยานบุคคลมาสืบก็ได้
ซึ่งตามทางพิจารณาผู้ร้องนำสืบยืนยันว่า ต้นฉบับตราสารการโอนหุ้นมีอยู่จริงแต่ได้สูญหายไป และผู้ร้องได้แจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจไว้เป็นหลักฐานแล้ว คำเบิกความของผู้ร้องจึงไม่มีข้อพิรุธแต่อย่างใด น่าเชื่อว่ามีต้นฉบับเอกสารจริงแต่ได้สูญหายไป และเมื่อปรากฏว่าเป็นการรับฟังสำเนาเอกสารเป็นพยานหลักฐานแทนต้นฉบับเอกสารจึงหาใช่เป็นการรับฟังต้นฉบับเอกสารเป็นพยานหลักฐานอันจะต้องปิดอากรแสตมป์
ตามประมวลกฎหมายรัษฎากรดังที่ผู้คัดค้านอ้างไม่ นอกจากนี้ยังปรากฏว่าก่อนศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ผู้ร้องยื่นคำแถลงขอชำระค่าอากรแสตมป์ตามราคาในตราสารการโอนหุ้นแล้ว ดังนั้น สำเนาตราสารการโอนหุ้นจึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าสำเนาตราสารการโอนหุ้นรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้นั้นชอบแล้ว
โฆษณา