25 พ.ย. 2022 เวลา 14:36 • บันเทิง
ไปดูกันมารึยังคะ "Speak No Evil" พักร้อนซ่อนตาย
เมื่อการไปพักร้อน เปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาล
ไปดูเรื่องนี้กันมารึยังคะ ภาพยนต์สัญชาติเดนมาร์ก ที่นานๆจะมีให้เห็นว่า มาฉายที่บ้านเรา
โดยเนื้อเรื่อง ดำเนินไปแบบเรียบๆ เริ่มจาก ครอบครัวชาวเดนมาร์ก พ่อ แม่ ลูก ไปพักร้อนที่ ทัสคานี และได้พบกับ ครอบครัวชาวดัชท์ ที่ผู้ชายแนะนำตัวเองว่าเป็นหมอ ซึ่งพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกัน คุยกันถูกชะตามาก หลังจากกลับจากทริปนั้น ทางครอบครัวชาวเดนมาร์ก ได้รับจดหมายเชื้อเชิญให้ไปเที่ยวที่เนเธอแลนด์ "เป็นคุณจะคิดอย่างไร เมื่อได้รับจดหมายเชิญให้ไปเที่ยวบ้าน จากคนที่เพิ่งเคยรู้จัก" เป็นคำถามที่ครอบครัวนี้ถามกับญาติ "ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ ลองไปเที่ยวดูก็ได้" จึงได้ตอบรับคำเชิญที่จะไปในวันหยุดสุดสัปดาห์
โดยนำรถส่วนตัว นั่งเรือข้ามฟากจากเดนมาร์กไปเนเธอแลนด์ และขับรถไปที่บ้านของครอบครัวชาวดัชท์ ที่อยู่ในป่าลึกและเปลี่ยว คนที่ไม่รู้จักสองครอบครัว มาใช้ชีวิตร่วมกัน ต้องปรับตัวอย่างหนัก ภรรยาครอบครัวเดนมาร์ก เป็นวีแกนที่รับประทานปลาได้ และได้เน้นย้ำกับครอบครัวดัชท์ว่า ตนเป็นวีแกนที่รับประทานปลาได้ แต่อาหารที่เตรียมให้ มีเนื้อสัตว์ทุกมื้อ รวมทั้งการพาไปรับประทานมื้อค่ำนอกบ้าน โดยที่ไม่ให้ลูกของตนไปด้วย ให้อยู่บ้านกับเด็กชาย และมีพี่เลี้ยงชายมาดูแล บอกว่าไว้ใจได้
เมื่อไปถึงร้านอาหาร ครอบครัวดัชท์สั่งอาหารที่บอกว่าอร่อย แนะนำให้ทาน ที่มีแต่เนื้อสัตว์ มาเต็มโต๊ะ รวมไปถึงการเต้นรำของ ครอบครัวดัชท์ที่แสดงออกถึงความรักกันโจ่งแจ้ง ไม่เกรงใจอีกครอบครัวที่มาด้วย จุดพีคสุดท้ายที่ร้านก็คือ ให้ชายเดนมาร์กเป็นคนจ่ายค่าอาหาร "นี่หมายความว่า คุณให้ผมเป็นคนเลี้ยงมื้อนี้เหรอ" ซึ่งสร้างความอึดอัดให้กับครอบครัวเดนมาร์กมาก และค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในการกระทำที่ชาวดัชท์กระทำรุนแรงหลายๆอย่างกับเด็กชาย ซึ่งเข้าใจว่าเป็นลูกของครอบครัวดัชท์ เด็กพูดไม่ได้เพราะไม่มีลิ้น
ในขณะที่หญิงชาวเดนมาร์กกำลังอาบน้ำอยู่ในส่วนที่อาบน้ำที่มีกระจกใสๆกั้น ชายชาวดัชท์ ก็เข้ามาในห้องน้ำเพื่อทำกิจส่วนตัวในห้องน้ำ ความอึดอัดก็เพิ่มมากขึ้นหญิงเดนมาร์กต้องรอให้ ชายดัชท์ทำธุระจนเสร็จ แล้วตนถึงจะออกมาจากห้องน้ำ ด้วยความกลัว และมากอดสามี มีอะไรกัน ระหว่างนั้นลูกที่นอนอยู่อีกห้อง ร้องขอมานอนด้วย และก็เงียบไป การมีอะไรกันนั้น อยู่ในสายตาของชายดัชท์ ที่มองเห็นมาจากด้านบน
เมื่อเสร็จกิจแล้ว หญิงเดนมาร์กออกมาดูลูกที่ห้องเด็ก แต่ไม่พบ ไปพบลูกนอนอยู่ในห้อง สามีภรรยาชาวดัชท์ซึ่งนอนเปลือยอยู่ทั้งคู่ เธอตกใจมาก อุ้มลูกกลับมา และบอกว่า ไม่ไหวแล้วต้องการจะกลับบ้าน จึงได้เก็บของ และขับรถออกจากบ้านไปขับไปได้ซักพัก ลูกสาวบอกว่าลืมหยิบตุ๊กตากระต่ายมา และต้องการตุ๊กตาตัวนั้น พ่อก็เลยต้องวนรถกลับไปที่บ้านหลังนั้นอีก เพื่อเอาตุ๊กตาให้ลูก เมื่อถึงบ้านหลังนั้น พ่อบอกให้แม่และลูกรออยู่ในรถ เดี๋ยวจะลงไปเอาตุ๊กตาเอง เมื่อพ่อลงจากรถไปแล้ว ปรากฏว่าเด็กเจอตุ๊กตาอยู่ที่พื้นรถ
แม่จึงให้เด็กรออยู่ในรถ เพื่อตนจะไปบอกพ่อเด็กว่าเจอตุ๊กตาแล้ว ปรากฏว่าเจอ พ่อเดนมาร์ก กำลังถูกสองสามีภรรยาชาวดัชท์ว่า ว่าไม่มีมารยาท ไปโดยไม่ลาเจ้าของบ้านก่อน และยังไม่ยอมให้กลับ ให้อยู่ต่อ บอกว่า คืนนี้จะมีเรื่องเด็ด สุดท้ายครอบครัวชาวเดนมาร์กก็ต้องอยู่ต่อ และพบว่า จริงๆแล้ว ชายดัชท์ไม่ได้เป็นหมอ เป็นคนตกงาน บรรยากาศระหว่างที่อยู่กันนั้นสร้างความอึดอัดมาก เมื่อ ชายดัชท์กระทำรุนแรงกับเด็กโดยที่ หญิงดัชท์ไม่ได้ห้ามเลย
คืนนั้น ชายเดนมาร์กได้ยินเสียงเด็กชายร้อง จึงเดินออกมาดู พบว่าระหว่างทางเดิน สามารถมองเห็นห้องนอนที่ตนนอนได้ เขาเดินไปตามเสียงเด็ก แต่ยังไม่พบ เดินไปเจอบ้านอีกหลัง เข้าไปในนั้น พบว่า มีรูปเด็กชาย ยืนถ่ายกับพ่อแม่ และมีครอบครัวดัชท์ยืนข้างพร้อมเด็กอีกคน ไปดูอีกรูปก็เห็นเป็นรูปครอบครัวตน และครอบครัวดัชท์พร้อมเด็กชาย เขาตกใจมากและรีบออกมาจากบ้านหลังนั้น พบเด็กชาย ลอยคว่ำหน้า เสียชีวิตอยู่ในบ่อน้ำ เขารีบวิ่งกลับไปที่ห้องบอกภรรยา รีบเก็บของแล้วออกไปจากที่นี่กัน โดยไม่ได้เล่าอะไรให้ภรรยาฟัง
ขณะที่รีบสตาร์ทรถออกไปไม่ทันสังเกตว่าน้ำมันหมด ขับไปได้ซักระยะ รถไปติดหล่ม เขาจึงบอกให้ภรรยาและลูกให้รออยู่ที่นี่ เขาจะไปหาคนมาช่วย แต่ก็ไม่เจอใครจึงกลับมา พบว่า ภรรยาและลูกหายไป เขาจึงออกตามหา และพบว่า ภรรยาและลูกอยู่ในรถของครอบครัวดัชท์ เขาขอโทษชายดัชท์ ชายดัชท์บอกกับเขาว่า "แค่คุณทำตามผมโดยไม่ขัดขืนก็พอ" ชายดัชท์ขับรถออกนอกเส้นทาง และตบตี ชายเดนมาร์กทำให้หญิงเดนมาร์กที่นั่งกอดลูกอยู่ด้านหลังกลัว พยายามจะเปิดรถหนีแต่เปิดไม่ได้
รถมาจอดอยู่ตรงที่เปลี่ยวแห่งหนึ่ง ชายพี่เลี้ยงเดินมาเปิดประตูรถด้านฝั่งหญิงเดนมาร์ก พยายามกระชากเด็กหญิงออกมา ได้ตัดลิ้นเด็กหญิง และพาเด็กหญิงไป ชายดัชท์ขับรถไปในที่เปลี่ยวอีกที่หนึ่งกลางหิมะ และให้ ชายหญิงเดนมาร์ก ลงจากรถ บังคับถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมด และเดินลงไปที่หนองน้ำด้านล่าง ชายหญิงกอดกันร้องไห้ "I'm sorry" เป็นคำพูดของ ชายที่พูดกับหญิง ได้เพียงเท่านั้น ก็ถูกก้อนหินจาก ชายหญิงชาวดัชท์ปาใส่ จนเสียชีวิตทั้งคู่ เด็กหญิงถูกตัดลิ้นก็กลายเป็นเด็กในการดูแลของครอบครัวชาวดัชท์
สุดจะโศกนาฏกรรมจริงๆสำหรับเรื่องนี้ เราไว้ใจใครไม่ได้เลย ในยุคสมัยนี้ บางทีต้องถามว่า กับคนอื่นเรารู้จักเค้าดีแค่ไหน "รู้หน้า ไม่รู้ใจ" มีอยู่จริง เราต้องฝึกเป็นคนดูคนให้ออก และระวังตัวอยู่เสมอ กับฆาตกรในเรื่องนี้ วิเคราะห์ได้ว่า อาจจะ ฆ่าชิงทรัพย์ เพราะฆาตกรไม่มีงานทำ แหล่งที่มาของรายได้มาจากที่ไหน หรือ เป็นฆาตกรโรคจิตที่มีพฤติกรรมใช้ความรุนแรง ควบคุมตัวเองไม่ได้ และการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันส่งผลให้ คนที่อยู่ด้วยอาจจะมีพฤติกรรมคล้ายคลึงกัน ดังที่ว่า "ไม่มีใครห้ามใคร"
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนแบบนี้อาจมีอยู่จริงในสังคม ขอให้ทุกคน มีความระแวดระวัง กับการใช้ชีวิต หรือ ตามหลักคือ ดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท นั่นเอง....
โฆษณา