27 พ.ย. 2022 เวลา 04:12 • ความคิดเห็น
คำแนะนำจากคุณยาย
1
คุณยายลิลลี่ เอ๊บเบิร์ด เป็นผู้รอดชีวิตไม่กี่คนจากค่ายกักกันออทชวิทช์ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ค่ายกักกันออทชวิทช์เป็นค่ายที่นาซีใช้ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวด้วยความหฤโหด เจ็ดสิบปีผ่านไป บาดแผลและความทรงจำอันเลวร้ายยังอยู่กับคุณยาย
คุณยายเล่าถึงการถูกจับใส่รถไปค่ายกักกันในช่วงหน้าร้อนที่ร้อนระอุ ไม่มีน้ำหรืออาหารเป็นเวลาห้าวัน ผู้คนจำนวนมากล้มตายก่อนถึงค่าย พอถึงแล้วก็ถูกแยกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกไปถูกรมควันพิษให้ตาย อีกกลุ่มแยกไปปล่อยให้อดตายที่ค่ายอย่างช้าๆ ญาติๆของคุณยายถูกส่งไปรมควันเกือบทั้งหมด คุณยายถูกส่งไปค่ายที่แออัด แต่ละวันคนที่ทำงานไม่ได้ก็จะถูกสังหารทิ้งเพราะมีคนยัดกันอยู่มากกว่าพื้นที่หลายเท่า
2
คุณยายเอาตัวรอดอย่างทรหดจนเป็นผู้รอดชีวิตไม่กี่คนหลังสงคราม คุณยายบอกว่า คุณยายลงนรกจนสุดเท่าที่มนุษย์จะเจอได้ แต่ก็ยังรอดมาได้ ไม่ว่าจะเลวร้ายแค่ไหน ต้องหาทางทำเท่าที่ทำได้และไม่สิ้นหวังที่จะมีชีวิต
คุณยายเล่าถึงช่วงเวลาที่ได้แค่ขนมปังหนึ่งชิ้นต่อวันเพื่อประทังชีวิต “ บางคนในค่ายกักกันไม่สามารถใช้ขนมปังที่ได้อย่างเต็มที่ พอได้ปั๊บก็รีบกินเลยและหวังว่าจะได้อีก แต่มันก็ไม่มีแล้ว คนเหล่านั้นเป็นคนที่อยู่ไม่รอด ฉันเองพยายามกินขนมปังก้อนเดียวนั้นอย่างช้าๆ ช้าที่สุดเท่าที่ทำได้และพยายามเก็บบางส่วนที่เหลือโดยเอาแขนทับไว้ วิธีนี้แหละที่ทำให้ฉันรอดมาได้จนวันนี้“
3
เมื่อมีคนถามคุณยายว่า ถ้ามีคำแนะนำได้หนึ่งอย่าง มีอะไรจากเรื่องราวโหดร้ายที่คุณยายต้องเจอมาที่จะบอกคนรุ่นหลังได้บ้าง
คุณยายตอบว่า “ ให้พยายามหาสิ่งที่ดีที่สุดจากเท่าที่เรามีอยู่ ไม่ว่าที่เรามีนั้นมันจะน้อยแค่ไหนก็ตาม”……
20
หลังตอบคำถาม คุณยายโชว์จี้ทองเล็กๆที่ห้อยคออยู่แล้วเล่าว่าเป็นจี้ที่แม่ให้ไว้ก่อนถูกแยกจากกัน คุณยายซ่อนไว้ในรองเท้าตลอดเวลา แต่ผู้สัมภาษณ์คุณยายสงสัยว่าแล้วตอนกลางคืนล่ะ
“ ที่ตอบไปว่าต้องหาสิ่งที่ดีที่สุดที่เรามีแล้วใช้มันให้เต็มที่ ที่ยายมีตอนนั้นอย่างเดียวคือขนมปังก้อนเล็กๆที่อดทนกินไม่หมด ยายซ่อนจี้ไว้ในขนมปังแล้วเอาแขนทับไว้ พวกมันเลยหาไม่เจอ “ ยายตอบด้วยรอยยิ้ม
อ่านเรื่องนี้แล้ว นึกถึงเสียงเพลงของคุณยายอีกคนแว่วๆอยู่เหมือนกันนะครับ…
“ อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝันและทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด “
1
โฆษณา