28 พ.ย. 2022 เวลา 11:56 • ความคิดเห็น
"อย่าเลย วงการก่อสร้างภาครัฐ แม่มเถื่อน!!!...."
เชื่อว่าหลายท่านคงเห็นข่าววิศวกรหนุ่มจบชีวิตตัวเอง
เพราะทนระบบอันเละเทะในวงการก่อสร้างภาครัฐไม่ได้
...ผมนึกถึงวลีที่จั่วหัวทันที ที่เห็นข่าว...
ผู้เสียชีวิต นอกจากเป็นเพื่อนร่วมวงการแล้ว
ยังบังเอิญว่าเป็นรุ่นน้องร่วมสถาบันอีกด้วย
จึงขอแสดงความเสียใจมา ณ. ที่นี้ด้วยนะครับ
.... ....
ท่านที่ติดตามผมมานานหน่อย น่าจะเคยผ่านตากับบทความที่ผมเขียนถึงวงการก่อสร้างในทางไม่ค่อยดี
มาบ้างแล้ว
วันนี้ขอเขียนอีกสักครั้งเถอะ หลังจากคิดว่า
จะไม่เขียนเรื่องนี้แล้ว
เพราะมันเหมือนบ่นเรื่องงานตัวเอง
และเราก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้ คงไม่มีใครอยากอ่าน
ปกติ ผมจะเขียนเรื่องงานภาคเอกชน
แล้วบ่นในส่วนของงาน ที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับ
งานธุรการ เอกสารการขออนุญาตต่างๆ
จากภาครัฐเป็นหลัก
 
เพราะส่วนนี้เป็นประสบการณ์ตรงของตัวเอง
ที่โดนรีดไถบ่อยๆ จากความไม่โปร่งใสของระบบ
1
งานที่รับภาครัฐตรงๆ ผมไม่ค่อยเขียนนัก
เพราะตัวเองห่างหายจากงานแบบนี้มานานแล้ว
งานสุดท้ายที่ทำเป็นของหน่วยงานหนึ่ง
ตั้งแต่ปี 57-58 โน่น...
ซึ่งบอกเลยว่า "โคตรเจ็บปวด" จนเข็ดแหละ
แต่ถึงแบบนั้น ผมก็มีเพื่อนฝูงในวงการอีกไม่น้อย
ที่ทำงานกับภาครัฐเป็นหลัก
ทำให้เราได้ฟัง ได้เห็นกับตา ถึงเรื่องราวเหล่านี้มาตลอด
2
กล้าบอกว่า ที่น้องวิศวกรคนนั้นเขียนในจดหมายนั้น...
มันแค่จิ๊บๆ กับความเละเทะของทั้งระบบงานภาครัฐ....
ก็มันกินกันกระจาย กินกันปากมัน ทุกยุค ทุกสมัย...
นี่คือความจริง และในรัฐบาลที่ชูความดีทุกวันนี้
ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
พูดตรงๆนะ หนักกว่าสมัยทักษิณที่ว่าโกงอีก
ผมผ่านงานมาหมดแล้วทั้งสองยุค กล้าพูดเลย...
ที่นัองเขาว่าไอ้งานหกแสนชักสองแสน เหลือสี่แสน
หรือสามสิบกว่าเปอร์เซ็นต์นั้น และความเละเทะในการตรวจรับงานระดับนี้นี่นะ
บอกเลยมันแค่ปลีกย่อย เบสิคมากๆ
ทั้งตัวขนาดเงิน และพฤติกรรมข้าราชการ
เอาลึกจริงๆ อุบาทว์กว่านี้มาก...
โดยเฉพาะกับข้าราชการยุคนี้....
นี่ถ้าน้องเขาไปโดนโปรเจคใหญ่ๆ ในหน่วยงาน
ใหญ่กว่านี้ ผมว่าเขาจะยิ่งรู้สึกแย่กว่านี้อีกมากล่ะนะ...
งานภาครัฐยุคนี้บอกเลย โกงกันมโหฬารแบบสุดๆ
ทั้งระบบ และข้าราชการก็โคตรลุแก่อำนาจ
ถามว่าทำไม?
ก็เพราะตอนนี้มันเป็นรัฐราชการเต็มรูปแบบน่ะสิ
มีลุงคนนึง เปลี่ยนประเทศเป็นรัฐราชการมาตั้งแต่ปี 58
ข้าราชการก็เลยพากันตัวพอง เป็นอึ่งอ่างกันหมด...
และด้วยระบบราชการ ที่มันมีระเบียบการสอบกันเอง
มันก็ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะไงมันก็กินอยู่ด้วยกัน
ไม่หักกันเองอยู่แล้ว ไม่งั้นโดนกันหมด
ไอ้ตัวเล็กๆ ก็กลัวจะไม่โต จะอยู่ให้ได้
ก็ต้องพลอยกับเขาไปด้วย เพื่อความอยู่รอด
...หรือกระทั่งความปลอดภัยในชีวิต...
ระบบแบบนี้ทำให้เกิดพฤติกรรมอภิมหาโกง
ในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ที่หนักหนากว่าทุกยุคสมัย
เรื่องการร้องเรียนก็แทบเป็นไปไม่ได้
เพราะเส้นสนกลใน ของสิ่งที่มันเป็นอยู่
จะสาวโยงไปถึงนักการเมือง ข้าราชการเบ้งๆได้ทั้งนั้น
อย่าดูแคลนว่าเป็นงานเล็กๆ
ความจริงคอนเนคชั่นในเรื่องคนในระบบ วงจรอุบาทว์
มันไกลกว่านั้นมาก
บางคนบอกว่า ตัวใหญ่ไม่ใช่คนกิน
แล้วลุงคนนั้นเกี่ยวอะไรล่ะ
โทษเขาได้ไง...
ผมบอกเลยว่าเกี่ยว
เพราะระบบที่ลุงคนนั้นสร้างมาตลอดแปดปี มันทำให้เกี่ยว
อย่างกรณีที่เป็นข่าว เรื่องเกิดกองช่างเทศบาลแห่งหนึ่ง
ในพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งส่วนมาก ก็จะเป็นแดนสนธยา
ในการตรวจสอบการทุจริตอยู่แล้ว
มันไม่ค่อยมีการตรวจสอบ เพราะความห่างไกลส่วนกลาง
หน่วยงานพวกนี้ ดูเผินๆเล็กนิดเดียว งบก็น้อย
แต่ความจริง เรื่องมันโยงไปไกลกว่านั้น
เพราะผลประโยชน์เหล่านี้
มีความเกี่ยวข้องกับนักการเมือง
และผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น
ไอ้นักการเมืองท้องถิ่น ผู้มีอิทธิพล
มันก็หัวคะแนนนักการเมืองระดับชาตินั่นแหละ
2
...มันถึงกล้าโกงไง ถือดีว่ามีคนคุ้มกะลาหัว...
ไปไล่ดูเถอะ ผู้มีอิทธิพล หัวคะแนนที่ฝังอยู่ในระบบนี้
ในทุกวันนี้มาจากพรรคการเมืองในรัฐบาลเองทั้งนั้น
พวกหัวคะแนนฝ่ายค้าน ที่เป็นกลุ่มอำนาจเก่า ที่ไม่ยอมย้ายข้าง โดนเช็คบิลไปหมดแล้ว
ในตลอดแปดปีที่กลุ่มอำนาจปัจจุบันเข้ามา
มันต้องโกง เพื่อหาเงินส่งนายมันใช้ในทางการเมือง
เพื่อจะเวียนกลับมา เอื้อประโยชน์ให้ตัวพวกมันเอง
ถ้านายตัวใหญ่อยู่ในอำนาจได้ พวกมันก็อยู่กินยาว...
...นี่คือสิ่งที่เป็นจริงในบ้านเรา...
นักการเมืองท้องถิ่นจำนวนมาก จึงตั้งตัวเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างบ้าง บริษัทขายโน่นนี่บ้าง
เพื่อรับอานิสงส์จากโครงการจัดซื้อจัดจ้าง
 
ที่ส่วนมากก็เขียนโครงการเพื่อหาเรื่องผลาญงบ
หากินกันเองนั่นแหละ
ไม่ใช่โครงการจำเป็นอะไร
( แต่เวลามีโครงการจำเป็นมักบอกว่าไม่มีงบ )
ง่ายๆคือ รัฐมีโครงการอะไร
พวกนี้มันก็ให้คนที่ไว้ใจไปเปิดบริษัทเฉพาะกิจทำธุรกิจนั้น
แล้วก็เข้ามาประกวดรารับงานภาครัฐ
จะหักเปอร์เซ็นต์เท่าไหร่ ส่งนายเท่าไหร่ จ่ายฮั้วเท่าไหร่
มันคิดเงินออกมาเสร็จ
และรู้กันตั้งแต่เขียนโครงการแล้ว
1
จำเป็นไม่จำเป็น ก็ทำแม่มไว้ก่อน เพื่อผันงบเข้ากระเป๋า
...ตัวเองได้เงินส่วนหนึ่ง ส่งนายส่วนหนึ่ง...
...นายมีเงินไปซื้ออำนาจ ก็ผันงบลงมาให้ใหม่...
 
แล้วก็กินวนกันอยู่แบบนั้น เป็นวัฏจักรอุบาทว์
เรื่องพวกนี้ลำพังนักการเมืองท้องถิ่นทำเอง มันไม่ได้
มันจำเป็นต้องมีข้าราชการประจำด้วย ถึงจะสำเร็จสมบูรณ์
ก็เลยต้องไปลากข้าราชการประจำมาเป็นพวก
1
โดยเฉพาะคนที่มีตำแหน่งสูงสักหน่อย
1
ในระบบที่ไอ้ตัวใหญ่ว่าไง ตัวเล็กต้องตามอย่างเดียวแบบราชการ มันก็ง่ายสิ
คุมตัวใหญ่ให้ได้ก็พอ
ส่วนตัวเล็กก็ได้เศษเนื้อไปบ้าง
เพื่อให้อิ่ม ปากไม่ว่างเกินไป จะได้ไม่บ่น ไม่แฉ
แล้วก็ผูกพันให้ตัวเล็กร่วมรับผิดชอบด้วยระเบียบที่มี
ข้าราชการประจำ จำนวนมาก
ต้องสร้างยอดส่งนายในสายงานแข่งกัน
เพื่อความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
...คนไหนไม่ได้ยอด ก็มักจะแป๊ก...
...คนดีๆ มันถึงไม่โตในระบบบ้าๆนี้ไง...
ในวงการข้าราชการพลเรือน มันก็ไม่ต่างกับบางหน่วยงาน ที่ทำยอดส่วย ยอดค่าปรับ ที่โดนชาวบ้านด่าอยู่ทุกวันหรอก แค่มันคนละรูปแบบ และไม่หน้าด้านเท่า...
ไม่ส่งยอด ก็ไม่โต ขวางมือขวางตีน ก็ไม่โตพอกัน
พอคนดีไม่โต ก็กลายเป็นพวกโกงครองระบบ
สร้างวงจรอุบาทว์ต่อไป อย่างไม่รู้จักจบ...
1
นี่แหละระบบราชการไทย
ดังนั้น การรวมหัวกันโกงแบบเป็นระบบ
กับนักการเมืองทุกระดับ มันจึงเกิดขึ้น
และใครอย่ามาโลกสวยว่า "รู้ว่ามีโกงก็ไปร้องเรียนสิ"
เพราะในความจริง การร้องเรียนนั้นแทบไม่มีผลอะไร
ก็มันสอบกันเองอย่างที่บอกไปแล้ว
ไอ้ตัวเล็กๆก็กลัวตัวใหญ่
แถมถูกผูกมัดให้รับผิดชอบตามระเบียบปฏิบัติ
แล้วใครมันจะสาวไส้กันเอง ให้ติดคุกไปด้วย
หรือต่อให้เรื่องออกสื่อก็ไฟไหม้ฟางแป๊บเดียว
เดี๋ยวเรื่องเงียบก็กลับมากินกันต่อ เพราะคนเดิมๆรู้มือกันดี
และลงเรือลำเดียวกันแล้ว จะได้เงียบ...
...วงจรอุบาทว์ มันเป็นแบบนั้น....
กับประเด็นที่น้องผู้ตายกล่าวถึง
เท่าที่อ่านดู แยกสองเรื่องหลักๆ คือ
การตรวจรับงาน และเรื่องการไปเห็นความไม่ชอบมาพากลของระบบ และเขารับไม่ได้
อันหลังนี่ก็อย่างที่ผมเขียนมาทั้งหมดนั่นแหละ
ว่าอะไรมันเป็นอะไร และทำไมต้องโกงกินกัน
อันนี้คืออยู่ที่ใจคน รับได้ ทำใจตามน้ำได้ ก็อยู่ได้
ปัญหาหลัก ผมว่ามันเป็นผลจากประเด็นแรก
คือ การตรวจรับงาน
การตรวจรับงานของคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบ
ในโครงการภาครัฐที่มีการโกงนั้น
บอกได้เลยว่า "เสี่ยงมาก" ที่จะมีความผิดในอนาคต
แต่ที่กล้าทำกัน เพราะมั่นใจเส้นสาย
หรือบางคนอาจเลี่ยงไม่ได้ ด้วยเหตุผลทางการงาน
หรือความปลอดภัยของตัวเอง
1
ผมว่านี่คือเหตุผลหลักที่น้องเขาเครียด
จนตัดสินใจยุติชีวิตตัวเองแบบนั้น
จากจดหมายลา น้องบอกว่า
เขาลาออกก่อนหน้าแล้วเพราะทำใจไม่ได้กับระบบ
แต่บังเอิญว่าเขามีงานติดอีกสามงาน
ที่จะต้องรับตรวจว่าผ่านหรือไม่ผ่าน
ปัญหามันอยู่ตรงนี้แหละ
เขาชี้แจงในจดหมายว่า งานชุ่ยมาก ไม่สามารถเซ็นผ่านให้ได้ ถนนมีการแตกร่อน
แต่...ธรรมเนียมปฏิบัติของต้นสังกัด คือไปรับค่าทดสอบวัสดุเอกชนมาแล้ว ไอ้หัวหน้าก็กินเงินเขาไปแล้ว
...จะไม่ให้ผ่านได้ไง ลูกพี่คงเล่นงานตาย...
...จะหลับหูหลับตาเซ็น ก็เหมือนเอาอาชีพตัวเองไปเสี่ยง
ชาวบ้านร้องสื่อขึ้นมาก็หมดกัน ใบประกอบวิชาชีพ อย่างเบาก็โดนพัก หนักหน่อยคือเพิกถอน...
...จะร้องเรียน ก็อย่างที่บอก มันสอบกันเอง แทบไม่มีประโยชน์ที่จะร้อง แถมร้องไป อะไรจะตามมาอีกล่ะ
ความปลอดภัยในชีวิตจะเหลือไหม...
ถ้าเป็นท่านผู้อ่าน ท่านจะตัดสินใจอย่างไรล่ะ ?
ผมเชื่อว่าท่านผู้อ่านที่ผ่านมาอ่านบทความนี้
มีหลายท่านที่เป็นอาชีพที่ต้องมีใบอนุญาต
ท่านรู้ดี ว่าเอกสารรับรองพวกนี้
พวกเราทุ่มเทไปเท่าไหร่เพื่อจะได้มา
มันไม่คุ้มหรอกที่จะเอาตัวเองไปเสี่ยง ในยุคปัจจุบัน
เพราะมีปัญหาขึ้นมา ไอ้หัวหน้าก็เซฟเราไม่ได้
แถมจะโยนขี้เอาตัวรอดมาให้เราอีกต่างหาก
พูดตรงๆ บางคนบอกเขาอ่อนแอไป
แต่ผมเห็นใจและเข้าใจเขามาก...
และมันก็เป็นอย่างที่เขาเขียนท้ายจดหมาย...
ว่าไม่ควรมีใครตาย เพราะรับราชการด้วยความซื่อสัตย์
1
กับระบบราชการของประเทศไทยที่เป็นมาตลอด
มันเป็นเครื่องถ่วงความเจริญของประเทศอย่างมาก
ลองคิดดูนะ โครงการเล็กๆแค่หกแสน
มันโกงสองแสนคือ สามสิบกว่าเปอร์เซ็นต์เข้าไปแล้ว
...แล้วโครงการใหญ่ๆ มันเท่าไหร่ล่ะ...
ไอ้พวกนี้ตัดราคาเพื่อให้ได้งาน
พองานเสร็จ คุณภาพมันก็ตามงบนั่นแหละ
คือ คุณภาพก็ต้องหายไป 30% จากการลดสเป็กให้ได้ตามราคาที่เสนอไป
 
...นี่ยังไม่รวมส่วนที่ต้องหักให้ผู้รับเหมา ที่ต้องจ่ายเปอร์เซ็นต์อีกนะ เอาเข้าจริงๆ คุณภาพงานเหลือไม่ถึงครึ่ง
1
คุณภาพสิ่งก่อสร้างเมืองไทยมันถึงเป็นงี้ไง...
อ้าว! สร้างพังแล้วไงล่ะ ?
ก็ไปตั้งงบซ่อมบำรุงอีกในอนาคตสิ!
แล้วก็โกงกันอีก อีคนเดิมก็มารับงานไปอีก วนอยู่งั้น
...แ-ก กันจนพุงกางนั่นแหละ...
1
...ยิ่งมีภัยพิบัตินะ ไอ้พวกยิ่งชอบเลย พังเยอะ ซ่อมเยอะ...
...ก็...นะ...ไม่พังยังจงใจทำให้มันพังเลย...
...นี่คือเรื่องจริง...
ผมเอง ทั้งชีวิตอยู่ในวงการก่อสร้างมาตลอด
เพราะครอบครัวทางพ่อ เกือบทุกคนก็ทำอาชีพนี้
มีอาหลุดไปเป็นหมออยู่อเมริกาคนเดียว ที่ไม่ใช่
ตอนรุ่นๆ พ่อยังทำธุรกิจในเมืองไทย
ผมเคยถามพ่อว่า ทำไมไม่เอางานภาครัฐ
เงินมันเยอะดีนะ ไม่มีชักดาบด้วย
พ่อผมตอบว่า "วงการนี้ แ-่ง บัดซบ อย่าไปยุ่งกับมัน"
2
พอผมเริ่มอายุงานมากขึ้น เก๋าเกมส์มากขึ้น
ก็เข้าใจได้ถึงสิ่งที่พ่อผมพูด
และพอไปทำเองก็เข็ดขยาดกับระบบราชการ
บอกตรงๆผมเห็นมาหมดแล้ว...
อย่าว่าแต่สร้างถนนแบบในข่าวเลย
โรงพยาบาล โรงเรียนเด็ก แ-่ง ยังโกงเลย !
เจอแบบเจ็บที่สุดคือระบบไฟฟ้า งานระบบท่อต่างๆ
ในโรงพยาบาลมันก็ยังโกงกัน
...คนไข้โรงพยาบาลรัฐเยอะแค่ไหนล่ะคิดดู
ถ้าไฟฟ้าไม่พอ ท่ออ๊อกซิเจนมีปัญหา คนไข้จะเป็นอย่างไร
...หรือโรงเรียน ฝนมาทีพังที ไฟฟ้าใช้ไม่ได้ทีละเป็นสิบวัน เด็กบ้านนอกเรียนไม่ต่อเนื่อง ขาดคุณภาพ ซ้ำเติมปัญหาความเหลื่อมล้ำส่วนนึงก็เหตุผลนี้แหละ
...แต่พวกขี้โกงมันไม่เคยสนใจหรอก...
นี่คือผลพวงของรัฐราชการ ที่นับวันจะยิ่งเติบโตมากขึ้นทุกที จากนโยบายของส่วนกลาง
และเครือข่ายมันก็ยิ่งแน่นหนา
เมื่ออำนาจมันเข้าไปอยู่ในมือคนกลุ่มเดียว
เพราะมันไร้การตรวจสอบ คนเหล่านี้ก็ยิ่งย่ามใจ
...น้องคนนี้ คงไม่ใช่คนสุดท้ายที่เจอปัญหานี้แน่...
...แต่ผมหวังให้เป็นคนสุดท้ายที่ตัดสินใจแบบเขา...
...ขอแสดความเสียใจกับครอบครัวน้องอีกครั้งครับ....
...ไม่ใช่ข้าราชการทุกคนที่โกง...
...แต่คนไม่โกงมันอยู่ไม่ได้ หรืออยู่ได้ก็ไม่โต...
...ในรังที่พินาศ ย่อมไม่มีไข่สมบูรณ์...
1
...ฉันใด...
...ในระบบที่เลว ย่อมไม่ให้ผลงานที่ดี...
1
...ฉันนั้น....
...ไม่ควรมีใครต้องตายจากการทำงานอย่างซื่อสัตย์...
1
...ทั้งจากน้ำมือของตนเอง หรือผู้อื่น...
...โดยเฉพาะ ถ้าคนนั้นเป็นข้าราชการ...
...ซึ่งแปลว่า "ข้าแห่งพระราชา"...
เนื้อหาจดหมาย
โฆษณา