29 พ.ย. 2022 เวลา 10:26 • ความคิดเห็น
ยิ่งเจริญ ยิ่งคุมยาก....
การประท้วงในจีนนั้น ถ้าเอาความเห็นส่วนตัว
ผมว่ามันก็คงไม่สะเทือนอะไรกับสี่จิ้นผิงหรอก
อย่างน้อยก็ในวันนี้ หรือไม่กี่ปีจากนี้
1
แต่อนาคตของชาวจีนกับพรรคคอมมิวนิสต์นั้นเป็นอีกเรื่อง
การประท้วง อาจเป็นเรื่องของมาตรการควบคุมโรค
ไม่ใช่ใช้ประเด็นการเมืองนำก็จริง
แต่อย่างน้อยที่สุด ชาวจีนก็ได้เรียนรู้ว่าจะส่งเสียงอย่างไรถึงคนมีอำนาจ หากไม่เห็นด้วยกับนโยบายรัฐ
ในอนาคต หากมีเรื่องอื่นที่ประชาชนไม่เห็นด้วยอีก
มันก็มีแนวโน้มเหมือนกัน ว่าพวกเขาจะทำแบบนี้เช่นกัน
ซึ่งนั่นจะเป็นค่านิยมทางการเมืองแบบใหม่ของชาวจีน
1
ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้อย่างหนึ่ง
คือ ความเจริญก้าวหน้านั้น จะนำมาซึ่งความแข็งแกร่งขึ้น
ของภาคประชาชนเสมอ
ความเจริญก้าวหน้า จะนำมาซึ่งการศึกษาที่มากขึ้นของประชาชนในประเทศนั้นๆ
เมื่อประชาชนส่วนใหญ่มีการศึกษา มีความคิด
ตรรกะต่อเรื่องต่างๆ รวมถึงการเข้าใจข้อมูลต่างๆ
มันก็มากขึ้น
ข้อมูลที่รัฐสร้าง อาจไม่ได้รับความเชื่อถือเหมือนเดิม
2
ในรัฐที่รวมศูนย์อำนาจไว้ กับคนเพียงไม่กี่คน
มักจะมีปัญหาในการควบคุมคนของตนเสมอ
เมื่อรัฐนั้นมีความเจริญก้าวหน้ามากขึ้นในระดับหนึ่ง
เพราะการเกลี่ยอำนาจ ระหว่างคนมีอำนาจกับชาวบ้านทำได้ยากกว่าตอนคนยังด้อยโอกาส และไม่มีทางเลือก
...นี่คือสิ่งที่เป็นจริงมาตลอด ในประวัติศาสตร์การปกครองทั่วโลก ไม่ว่าชาติไหนก็ต้องเจอสิ่งนี้...
อย่างกรณีจีน การล้มราชวงศ์ชิง ก็มีที่มาเพราะคนมีการศึกษามากขึ้นเช่นกัน นี่เป็นตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุด...
การเรียกร้องสิทธิของประชาชน ถ้าในภาวะปกติ
ประชาชนอยู่ดี กินดี มันก็คงไม่เกิดขึ้น
ชาวบ้านก็ไม่ใครพูดอะไรแน่ๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร
แต่เมื่อมีปัญหา ประชาชนจะเริ่มหาคำตอบมากขึ้น
มากกว่าข้อมูลที่รัฐให้ทางเดียว
และด้วยความรู้ที่สูงขึ้น ก็ย่อมมองปัญหาได้กระจ่างขึ้น
หากเขาพบว่าผู้มีอำนาจผิดพลาด จนเป็นที่มาแห่งปัญหา
พวกเขาก็จะโฟกัสไปที่ตรงนั้น และต่อต้านอำนาจรัฐ
จนกลายเป็นประเด็นการเมืองไปในที่สุด
กรณีจีนปัจจุบัน ยังมีข้อน่าสนใจอีกอย่าง
คือ คนจีนนั้นเป็นนักเดินทาง จึงได้เห็นโลกมาก..
ทำให้ แม้ในประเทศจะถูกปิดกั้นข้อมูลข่าวสารมากแค่ไหน มันก็ไม่มีผลกับคนจีนมากนัก
พวกเขายังรับรู้ได้ ถึงโลกภายนอกเสมอ
ว่าเป็นอย่างไร และอะไรดีหรือไม่
เมื่อเทียบกับสิ่งที่เป็นในบ้านเกิด
ยังไม่นับว่าหลายคน หลายครอบครัว
มีญาติพี่น้องอยู่ในประเทศเสรีอีกมาก
ทำให้คนจีนก็รับรู้ข่าวสารที่ถูกปิดกั้นได้ตลอดเวลา
จากการสนทนาในหมู่ญาติมิตร
เพื่อพิจารณา ชั่งน้ำหนักระหว่างข้อมูลของทางการ
และข้อมูลภายนอก
มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะปิดกั้น บิดเบือนข้อมูลต่อพวกเขา...
การปิดกั้นข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลจีน จะว่าไปมันค่อนข้างไร้สาระ เปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุเสียด้วยซ้ำ
ถ้าลองวิเคราะห์เหตุผลทั้งหมด
คนจีน ไม่ใช่คนเกาหลีเหนือ ที่ไม่ออกนอกบ้าน
รัฐบาลเกาหลีเหนือนั้นกีดกันการเดินทาง
ก็ด้วยเหตุผลที่ว่ามาแล้วนี่แหละ
และคนเกาหลีเหนือเองก็ไม่มีเงินจะไปไหน
นั่นก็เพราะระดับความเจริญมันต่ำ..
แต่กับคนจีนมันตรงข้ามเลย
นิสัยคนจีนเองชอบออกนอกบ้าน ชอบเดินทาง
และรัฐบาลจีนเองก็ชอบให้คนไปลงทุนต่างประเทศ
เมื่อประชาชนออกไปนอกบ้านแล้ว ก็ปิดอะไรไม่ได้อีก
สิ่งที่เกิดขึ้นตามมา คือ จะน้อยจะมาก ชาวจีนจะเอา
สิ่งที่เห็นติดตัวไปเมื่อกลับบ้าน
ซึ่งก็คือค่านิยมแบบโลกเสรี ที่เขาได้พบเห็นมา
และที่ชาวจีนมีเงินเดินทางได้ ก็เพราะความเจริญนั่นเอง..
สมการการเมืองเรื่องระดับความเจริญ
กับการควบคุมประชาชนนั้น
มันเป็นสมการที่มีการแปรผกผันเสมอ
ยิ่งเจริญมาก ก็ควบคุมยาก
นี่คือความจริงที่รัฐบาลจีนจะต้องเผชิญมากขึ้นเรื่อยๆ
ไอ้จะมาสั่งซ้ายหัน ขวาหันแบบสมัยคนจีนยังจนนั้น...
...บอกเลยว่ายาก ยากถึงขั้นเป็นไปไม่ได้...
การผูกขาดอำนาจของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
รวมถึงอำนาจของสี่จิ้นผิงเอง ก็จะถูกท้าทายมากขึ้น
ตามระดับความเจริญก้าวหน้าของจีนเอง
...ไม่มีทางที่จีนจะเป็นแบบที่เคยเป็นได้ตลอดไป...
...เพราะจีนเองก็ต้องเจริญขึ้นเรื่อยๆ
...เป้าหมายของสี่ก็เป็นเช่นนั้น...
...ดังนั้นความเจริญก้าวหน้าของจีนในอนาคต มีผลมากกับวิธีคิดของคนจีน และอำนาจของพรรคคอมมิวนิสต์...
ไม่ใช่แค่จีนหรอก ที่ต้องรับมือกับสมการอำนาจนี้
มันเจอกันทุกที่ในโลกนั่นแหละ ซึ่งส่วนมากบั้นปลาย
มักคือจุดจบของการปกครองแบบอำนาจนิยมเสมอ
ยุโรปนั้นผ่านเรื่องแบบนี้มาหมดแล้ว
พวกเขาเปลี่ยนผ่าน จากการรวบอำนาจของบรรดาขุนนาง
ท่านลอร์ด ท่านดยุค ทั้งหลายมา
ก็เป็นตามสมการอำนาจอันนี้นั้นแหละ
ดังนั้นตอนนี้ผู้มีอำนาจในเอเชียหลายชาติจึงควรศึกษา ทำความเข้าใจ
และจำเป็นต้องปรับตัวบ้าง ในการจะจัดสรรอำนาจกับประชาชน เพื่อไม่ให้โดนล้มล้างไปตามสมการ
1
ที่จริงมันก็มีวิธีที่จะรักษารัฐอำนาจนิยม ให้ผูกขาดอำนาจต่อเนื่องยาวนานตลอดไปได้เหมือนกันนะ
คือ เลี้ยงคนในชาติให้สบายมากๆอยู่ตลอดเวลา
และห้ามผิดพลาดในการทำงานเด็ดขาด
หรือถึงพลาด ก็ห้ามกระทบประชาชน
ต้นแบบประเทศที่ทำแบบนี้ได้ก็คือ ซาอุฯ , บรูไน
และบรรดาเศรษฐีน้ำมันทั้งหลายแถวตะวันออกกลาง
ดังนั้น ผู้ปกครองที่ผูกขาดอำนาจในประเทศเหล่านี้จึงอยู่ได้มาจนถึงทุกวันนี้
แต่คงยาก ที่ประเทศอื่นจะทำได้แบบพวกเขา
เพราะไม่มีทรัพยากรขนาดนั้น
...ดังนั้นบางประเทศจึงเลือกตัดตอนความเจริญก้าวหน้า ให้ประชาชนมีความอ่อนแอ
...เพื่อรักษาอำนาจของผู้ปกครองแบบผูกขาดเอาไว้ได้นั่นเอง...
...ที่ไหนก็ไม่รู้ล่ะนะ ที่เป็นแบบนั้น...
10
ภาพ BBC
โฆษณา