29 พ.ย. 2022 เวลา 13:08 • หุ้น & เศรษฐกิจ
VI หุ้นลงทุน By คุณเชาว์ เฉลิมเดช ลีวงศ์เจริญ 🚀
1
🙏คลิปดีๆจากพี่เชาว์ และ พี่เนา Money Chat มากๆครับ
📌ปีนี้ประเทศไทยกำลังอยู่ในโหมด recovery จากวิกฤติโควิด โดย 2 ปีที่ผ่านมามีหลายธุรกิจที่แย่ลงไป ทำให้ปีนี้เป็นปีที่ธุรกิจมีรายได้เริ่มกลับมาแล้ว บางตัวรายได้มากกว่าตอนโควิดอีกด้วย และกลุ่มทีได้ประโยชน์จากการเปิดเมือง จะฟื้นตัว turn around เป็นกลุ่มหุ้นที่โตกำไรเยอะ
📌ก่อนหน้านี้คุณเชาว์ได้เข้าไปเล่นหุ้น tech ต่างประเทศ แถว 2 แถว 3 แต่ไปเข้าซื้อในจังหวะที่ไม่ดี เพราะหุ้นขึ้นมาเยอะแล้วไปตามทีหลัง ถ้ามัน correct มาแรงๆ อาจจะทำให้ขาดทุนหนักได้ แต่ตอนนั้นคุณเชาว์มองว่ามันอาจจะไปต่อหรือ correction จึงจำกัดความเสี่ยง ลองซื้อไป 10% ของพอร์ต แต่ว่าพอซื้อมาก็ลงมาเรื่อยๆ ไม่ถึง 10% โดยที่ไม่ได้ขายเลย ก็ถือว่าเป็นบทเรียนค่อนข้างแพงสำหรับคุณเชาว์ และต้องเข้าใจและยอมรับมัน
📌เวลาตลาดขาลงจะเหมือนแพนดูรัม เวลาแกว่งขึ้น ก็จะขึ้นเกินพื้นฐาน เวลาแกว่งลง ก็จะลงเกินพื้นฐาน เพราะตลาดหุ้นเวลาลงจะลงเกินความเป็นจริงอยู่แล้ว
📌ภาพของตลาดหุ้นสหรัฐของคุณเชาว์ยังมองเหมือนเดิม คือ ตอนนี้เป็นโลกใหม่ เป็นโลกของดิจิตอล ซอฟแวร์ ในอนาคตจะเป็นธุรกิจมา dominate โลกอนาคต แต่ว่าตอนนั้นเข้าไปซื้อตอน bubble พอมันแตก ราคาก็เลยตกลงมา แต่ถึงอย่างไรก็ยังมองภาพยาว 10 ปีข้างหน้า ว่าเป็นหุ้นที่มีอนาคต และถึงหุ้นจะลงมาเยอะ ก็ไม่ได้ปรับพอร์ตอะไร ในระยะสั้นต้องอดทนไป เราต้องมองธุรกิจที่เราซื้อใน 10 ปีข้าวหน้าว่าจะโตไปเป็น 10 เท่า แต่ตอนนี้ถือมาแค่ปีเดียว
📌คุณเชาว์บริหารพอร์ตโดยแบ่งเป็น exploit คือ ได้ประโยชน์จากหุ้นที่เราทำเงินอยู่แล้วคือหุ้นไทยเป็นหลัก อีกส่วนคือ explore แบ่งเงินบางส่วนไปศึกษาสิ่งใหม่ๆ อย่างเช่น หุ้น tech ต่างประเทศ ถ้าเราเจอแล้วค่อยเพิ่มเงินลงทุนเข้าไป
📌ในส่วนของหุ้นเวียดนาม คุณเชาว์ยังไม่ค่อยมั่นใจ จึงลงไปไม่เยอะ ลงมากสุดคือ สหรัฐ และจีน ตามลำดับ
📌ในส่วนของหุ้นไทย ที่คุณเชาว์ชอบเลยคือ กลุ่ม domestic consumption หุ้นในเซเว่น เพราะนักท่องเที่ยวกลับมา เป็นกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก recovery ตอนนี้หุ้นไทยให้ผลตอบแทนมากกว่าหุ้นต่างประเทศ คุณเชาว์นั้นถือหุ้นระยะยาว 10-12ปี ยังไม่ได้ขายไปหมด มีขายบ้าง ซื้อคืนบ้าง ปีนี้ขึ้นมาเยอะ และคิดว่าปีหน้าจะขึ้นต่ออีก เพราะเปิดเมืองมากกว่าเดิม ซึ่งก็มีหลายตัวที่น่าสนใจ มีบางตัวตอนโควิดราคาไม่แพง แต่ว่าผลประกอบการกลับดีมาก
📌คุณเชาว์บอกว่าการเลือก model ธุรกิจ ต้องดูเป็นรายตัว ยกตัวอย่าง หุ้นถุงมือยาง นี้เป็น หุ้นวัฎจักร ก็คือมีขาขึ้น-ขาลง หากกำไรมากก็ขาขึ้น กำไรน้อยก็ขาลง ถ้าเราไปซื้อตอนกำไรมากๆ เราก็จะขาดทุน เพราะเข้าไปก็ติดดอย
สำหรับหุ้น เช่น Netflix , E-Commerce พวกที่ได้ประโยชน์จากโควิด กำไรโตแรง แต่เป็นกำไรไม่จริง นั่นเป็นกับดัก อย่าเข้าไปซื้อ
📌คุณเชาว์บอกว่า ถ้าไม่มั่นใจ แต่อยากซื้อให้ซื้อน้อยๆ เพราะมีโอกาสติดดอยสูง เวลาเสียหายจะได้ไม่มาก ถ้ารู้จริง รู้มากๆค่อยซื้อเยอะๆ และconcept ง่ายๆไว้เลือกหุ้น คือ รายได้โต กำไรโต ปันผลโต ทุกปี ถ้าเจอแล้วซื้อใน PE ไม่สูง ยังไงก็ชนะ แต่คาดการณ์ว่ากำไรจะโตมันเป็นเรื่องที่ยาก มีหุ้นแค่ 3% เท่านั้นที่สามารถคาดการณ์ได้ คือ ธุรกิจที่ไม่มีคู่แข่ง หรือทำตามได้ยาก เป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และธุรกิจที่ทำได้นั้น ต้องดูว่าเค้าทำได้อย่างไร หุ้นนั้นไม่ควรแพงเกินไป ก็จะเป็นหุ้น super stock
🚀หุ้นที่คุณเชาว์ถือ
หุ้นเครื่องสำอางค์ คนส่วนใหญ่มองว่าแข่งขันสูง แต่ทว่า บริษัทที่ทำเครื่องสำอางค์จริงๆนั้นมีไม่กี่บริษัท เพียงแต่ว่ามีหลายแบรนด์ทำออกมาเพื่อแบ่ง segment และจากที่ศึกษาหุ้นต่างประเทศ เช่น L’OREAL SHISEIDO นั้นก็มองเป็น super stock
1
ถ้าเป็นที่ไทยก็มองว่า Mistine เป็น super stock พอมีหุ้นเข้ามาเกิดใหม่มี playbook คล้ายๆ mistine จึงเป็นโอกาสที่ดีในการซื้อ และถึงตอนนี้ก็ได้เห็นกำไรจริงๆ คุณเชาว์มีโอกาสถามบริษัทคู่แข่ง ทำให้รู้ข้อมูลจริง เพราะคู่แข่งจะมองเห็นจุดอ่อน อย่าไปคิดว่าตลาดแข่งขันรุนแรง ให้ดู Growth margin
🚀หุ้นธุรกิจขายข้อมูล เป็นหุ้นที่งบ 6 ปีย้อนหลัง YoY โตทุกไตรมาสติด หุ้นนี้ได้ประโยชน์จาก digital transformation, AI rending และ E-Government ซึ่งหลังๆนี้มีดีลเข้ามาเยอะ เพราะที่ผ่านมาคนไม่รู้ว่าต้องเอาข้อมูลมาใช้ยังไง มีประโยชน์อย่างไร ซึ่ง Database นั้นสามารถนำไปใช้ได้ในหลายหน่วยงาน จึงมองว่าหุ้นตัวนี้ยังไม่ถูก disrupt เพราะเป็นรายใหญ่ของประเทศ
1
แต่เราก็ต้องดูว่าธุรกิจนั้นอิ่มตัวหรือยัง ให้มองไปยาวๆ ซึ่งก็เป็นไปตาม commonsense ธุรกิจนั้นสามารถไปขายนอกตลาดไทยได้ เช่น Mistine Red Bull เพราะสินค้าไทย High Quality ของดีและถูก แถมมีนักท่องเที่ยวมาไทย ก็จะจำสินค้าไทยได้ ทั้งหมดนั้นก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมของธุรกิจนั้นว่าจะทำได้หรือไม่ มองว่ามีหุ้นไทยหลายตัวที่สามารถไปต่างประเทศได้
🚀ฉะนั้น หุ้นที่น่าลงทุนคือ ธีมเปิดเมือง สินค้าที่สามารถต่อยอดกับต่างประเทศได้ และ ส่งออกได้ สินค้าที่ว่าก็คือสินค้าดัง แบรนด์ดัง คนเริ่มติด ขายได้ทั้งไทยและต่างประเทศ แต่ถ้าเป็นพวกสินค้าบริการเช่น โรงแรม จะนำไปต่อยอดที่ต่างประเทศยากกว่า แต่ถ้าเป็นพวก consumption ที่เพิ่งจะ pick up คุณเชาว์จะชอบมากกว่าเพราะเป็นสินค้าไปขายต่างประเทศได้ง่ายกว่า และสามารถเช็คว่าขายดีหรือไม่ดีได้โดยไปที่ร้านขายได้เลย ซึ่งคุณเชาว์นั้นเล่นหุ้นง่ายๆ ก็คือหุ้นที่อยู่ในเซเว่น
1
🚀ถ้าให้เลือกหุ้นก็คือให้ดูที่แบรนด์ที่ติดตลาด เช่น McDonald Colgate หุ้นพวกนี้ใช้เวลาเกือบร้อยปี เพื่อติดตลาดโลก ซึ่งประเทศไทย ก็อาจจะทำแบรนด์ติดตลาดโลกได้ แค่ว่าต้องใช้เวลาอาจจะหลายสิบปี เราก็ต้องมองยาวๆ เลือกให้ถูกตัว อีกอย่างสินค้าไทยนั้นมีดีในตัวอยู่แล้ว ถ้าติดตลาดโลก market cap ก็เป็นหลักล้านล้าน ถ้าเราถือแค่ 5% ของบริษัท เราก็เป็นมหาเศรษฐีได้เลย
🚀ในการที่ถือหุ้นระยะยาว เราต้องมองภาพอนาคต ในระยะสั้นก็ตามได้แต่ไม่ต้องตกใจ เพราะธุรกิจย่อมมีความผันผวนบ้างตามไตรมาสได้ ถ้าระยะยาวมันใช่ มันก็ไปได้อีกไกล ธุรกิจยิ่งโต ยิ่งดี แต่ความเป็นจริงนั้นไม่สามารถที่จะโตต่อเนื่องตลอดได้
🚀ถ้าหากจะลงทุนหุ้นไทย ต้องรู้จักประเทศไทยด้วย ต้องหาธีมให้ถูก ปีหน้าคือธีมของการฟื้นตัว ปีนี้ขาขึ้น ปีหน้าก็จะดีขึ้นอีก ปิดท้ายด้วย แนะนำว่า ถ้ามองการลงทุนเป็นธุรกิจ นั้นมันไม่ยาก ทุกคนสามารถทำได้ ไม่ว่าจะอาชีพไหน ทำงานประจำไปแล้วแบ่งเงินมาซื้อหุ้นง่ายๆ ไม่ต้องตามมาก ถ้าหากอันไหนมั่นใจน้อยก็ลงน้อย อันไหนมั่นใจมากก็ลงมาก บริหารเงินให้ได้ เหมือนอย่างที่ จอร์จ โซรอส พูดว่า “ตอนถูกได้เท่าไหร่ ตอนผิดเสียเท่าไหร่” จะได้ไม่ผิดพลาดมาก
ผู้สนับสนุน
สนใจเปิดบัญชี ค่าคอมหุ้น 0.05%
TFEX สัญญาละ 18-20
กับโบรคเกอร์
แนะนำหุ้นโดยที่ผู้แนะนำการลงทุนที่มีใบอนุญาต
แจ้งชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรทาง INBOX ได้เลยครับ
โฆษณา