2 ธ.ค. 2022 เวลา 09:33 • ความคิดเห็น
วิเคราะห์และสรุป: วิกฤติและโอกาส ที่นอน-หมอนยางพาราไทย ส่งออกไปจีน
มีคนถามผมบ่อยครั้งว่า "สินค้าไทยสินค้าไหน ที่ถือว่ามีโอกาสที่ดีในการทำตลาดจีน ทั้ง ณ ปัจจุบัน และอนาคต?"
เรามักจะนึกถึง สินค้าประเภทผลไม้ไทย เป็นหลัก
ในมุมมองของอ้ายจง ผมมองว่า "ที่นอนและหมอนยางพาราไทย" เป็นหนึ่งในสินค้าที่ได้รับการตอบรับอย่างดีในจีนครับ
ต้องยอมรับว่า ที่นอนและหมอนยางพารา นับเป็นสินค้าไทยที่ครองใจผู้บริโภคชาวจีนมานานแล้ว
และเป็นหนึ่งในสินค้าที่ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามในมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 บนแพลตฟอร์ม Tmall Global ของ Alibaba บริษัท E-commerce ยักษ์ใหญ่ของจีน ทั้งในปี 2563 และปี 2564
จากข้อมูล พบว่า 10 อันดับแบรนด์ไทยที่ขายดีที่สุดในช่วง 11.11 (เทศกาลช้อปแหลกวันคนโสด) ของ Tmall กว่าครึ่งเป็นแบรนด์ที่ขายสินค้าจากยางพารา
อย่างไรก็ตาม หากเราดูข่าวสารต่างๆ เราจะเห็นว่าข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ส่งออกยางพาราไทยในปัจจุบัน ดูจะไม่ค่อยสู้ดีนัก หลังพิษเศรษฐกิจโลกที่เข้าสู่ภาวะถดถอย
อีกทั้งยังเจอวิกฤตน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ส่งผลกระทบต่อผลผลิตยางพาราของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แล้วสถานการณ์ การส่งออก ที่นอนและหมอนยางพาราไทย ไปจีน จะเป็นไปในทิศทางใด? อ้ายจงขอพาไปดูงานวิจัยในประเด็นนี้ของผู้เชี่ยวชาญไทยทางด้านการค้าไทย-จีน ครับ
ภาพจาก สำนักข่าวซินหัว (Xinhua)
ดร.ภูมิพัฒณ์ พงศ์พฤฒิกุล วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) และ ดร.สุเทพ นิ่มสาย จากวิทยาลัยการจัดการมหาวิทยาลัยมหิดล หนึ่งในกลุ่มนักวิจัยที่มีผลงานด้านการค้าไทย-จีน
ได้ศึกษาภาพรวมของโซ่อุปทานการส่งออกที่นอนและหมอนยางพาราของประเทศไทย ไปยังประเทศจีนตอนใต้
โดยระบุว่า ประเทศไทยมีการการส่งออกที่นอนและหมอนยางพาราไปยังจีนตอนใต้ผ่าน 2 ช่องทางหลัก ได้แก่
เส้นทางบก (ทางรถ)
และ ทางน้ำ ผ่านทางท่าเรือแหลมฉบัง และ ท่าเรือสงขลา จากนั้นผู้นำเข้าจะกระจายสินค้าไปยังตลาดปลายทาง ณ หัวเมืองต่าง ๆ ในประเทศจีน
​จากการศึกษาของสองนักวิจัยไทยข้างต้น พบว่า
ปัจจุบันสหกรณ์และวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตที่นอนและหมอนยางพาราของประเทศไทยยังมีปัญหาและอุปสรรค
สามารถจำแนกตามอุตสาหกรรมขั้นต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ดังนี้
​- อุตสาหกรรมต้นน้ำ ปัญหาและอุปสรรค ได้แก่ คุณภาพของน้ำยางข้นจากโรงงานไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากมีปัจจัยด้านฤดูกาลเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยน้ำยางสดที่กรีดในฤดูฝนจะมีเปอร์เซ็นของน้ำเยอะมากกว่าปกติ
2
- อุตสาหกรรมกลางน้ำ ปัญหาและอุปสรรค ได้แก่
1
1) มาตรฐานการผลิตที่นอนและหมอนยางพาราของสหกรณ์หรือวิสาหกิจชุมชนแต่ละที่มีความแตกต่างกันทั้งในด้านคุณภาพ และเครื่องจักรหรือเทคโนโลยีในการผลิต อีกทั้งยังไม่มีการกำหนดมาตรฐานที่ชัดเจนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
2) ปัญหาคุณภาพการผลิตที่ไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากสหกรณ์หรือวิสาหกิจชุมชนมีการใช้แรงงานในการผลิตเป็นหลัก ทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการผลิตได้ อาทิ การเทน้ำยางข้นลงในแม่พิมพ์ โดยใช้แรงงานจะทำให้เกิดความล่าช้าในการเทน้ำยางลงแม่พิมพ์เนื่องจากน้ำยางข้นเซ็ตตัวเร็ว
3) สหกรณ์หรือวิสาหกิจชุมชน มีข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อจัดตั้งโรงงานผลิตน้ำยางข้นด้วยตัวเอง เนื่องจากต้องใช้จำนวนเงินลงทุนสูง ซึ่งหากสหกรณ์หรือวิสาหกิจชุมชนสามารถผลิตน้ำยางข้นด้วยตัวเองได้จะสามารถลดต้นทุนการผลิตที่นอนและหมอนยางพาราได้
4) สภาพอากาศและอุณหภูมิที่ร้อนเกินไปส่งผลกระทบต่อการผลิต โดยทำให้การตีน้ำยางข้นร่วมกับสารเคมีไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าที่ควร
​- อุตสาหกรรมปลายน้ำ ปัญหาและอุปสรรค ได้แก่
1) ที่นอนและหมอนยางพารามีราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับที่นอนและหมอนทั่วไป อีกทั้งมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ประมาณ 6-7 ปี ทำให้อุปสงค์ต่อที่นอนและหมอนยางพาราต่ำ นอกจากนี้ผู้บริโภคยังมีความต้องการที่แตกต่างกัน
2) มีการแข่งขันจากนักลงทุนชาวจีนที่เข้ามาตั้งโรงงานผลิตที่นอนและหมอนยางพาราขนาดใหญ่ในไทย ซึ่งมีต้นทุนการผลิตต่ำเนื่องจากมีการใช้เครื่องจักรในการผลิตเป็นหลัก จึงสามารถขายที่นอนและหมอนยางพาราได้ในราคาต่ำกว่าสหกรณ์หรือวิสาหกิจชุมชน
3) ขาดนโยบายการส่งเสริมด้านการตลาดและการใช้ที่นอนและหมอนยางพาราในประเทศ อาทิ การโฆษณาที่นอนและหมอนยางพาราของไทยให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
แล้ว "ที่นอนและหมอนยางพาราของไทย" ยังมีโอกาสที่ดีในตลาดจีน หรือไม่? หรือเริ่มเข้าช่วง "ขาลง"?
ดร.ภูมิพัฒณ์ พงศ์พฤฒิกุล วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) และ ดร.สุเทพ นิ่มสาย จากวิทยาลัยการจัดการมหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า
กระแสผู้บริโภคชาวจีนที่มองหาสินค้าเพื่อสุขภาพมากขึ้น ยังคงเป็นโอกาสที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการที่นอนและหมอนยางพาราไทย
แม้จะมีคู่แข่งหน้าใหม่เข้ามาในตลาดเพิ่มมากขึ้นก็ตาม
สรุป แนวทางในการปรับตัวเพื่อเพิ่มศักยภาพของอุตสาหกรรมที่นอนและหมอนยางพาราไทย
อ้ายจงขอสรุปแนวทาง จากการศึกษาของ ดร.ภูมิพัฒณ์ และ ดร.สุเทพ ดังที่กล่าวมาข้างต้น ดังนี้
1. เกษตรกรรายย่อย กลุ่มเกษตรกร/สหกรณ์ ควรมีการรวมกลุ่มให้เป็น smart farm เพื่อการผลิตน้ำยางคุณภาพสูง-ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย มีการจัด zoning พื้นที่ผลิตที่เหมาะสมกับทรัพยากรในท้องถิ่นและตลาดรับซื้อ
2. พ่อค้าคนกลาง/จุดรับซื้อ และโรงงานแปรรูปในท้องถิ่น ควรมีมาตรฐานกลางที่ใช้ในการซื้อขาย มีการส่งเสริมเครือข่ายผู้ประกอบการ รวมถึงการพัฒนาจุดรับซื้อ พัฒนาระบบโลจิสติกส์ และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ
3. โรงงานแปรรูปขนาดใหญ่ เพื่อพัฒนาโซ่คุณค่า ศึกษาความต้องการของตลาด รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมในแต่ละตลาด
ทั้งหมดที่กล่าวมาก็เป็นการวิเคราะห์และสรุปเกี่ยวกับโอกาสและอุปสรรคของสินค้าที่นอนและหมอนยางพาราไทยในตลาดจีน โดยมาจากการศึกษาของนักวิจัยไทย ใครมีข้อสงสัยใดๆ หรือมีข้อมูลเพิ่มเติม สามารถแลกเปลี่ยนกันได้นะครับ
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน
โฆษณา