2 ธ.ค. 2022 เวลา 14:20 • ครอบครัว & เด็ก
ความในใจ ....ถึงใครซักคน ที่นั่งฟังเราระบาย
รู้มั๊ยว่าเหนื่อยเหลือเกิน กว่าจะผ่านไปได้ในแต่ละวัน บางวันแอบร้องไห้ไม่มีน้ำตา
...จุดเปลี่ยนมันอยู่ที่ปี 2562 ในขณะที่ทุกอย่างกำลังไปได้ดี มีงานที่ดี มีเพื่อนร่วมงานที่ดี มีคนรักที่ดี ธุรกิจที่เริ่มต้น ก็กำลังไปได้ดี ทุกอย่างเกือบจะลงตัว ชีวิตทั้งหมดเกือบจะดี มีแผนจะจัดงานแต่งในอีก ปี สองปีข้างหน้า แต่แล้ว เหมือนฟ้าผ่าลงมา เรากลับต่างจังหวัดด่วน แม่ป่วยเป็นมะเร็งสมอง
แม่ป่วยเป็นมะเร็งสมอง.... ความกตัญญู มันวนอยู่ในหัว "มึงต้องกลับบ้าน" ไปดูแลแม่ในวาระสุดท้ายของชีวิต แม่กับเราใช้ชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาลหลายเดือน
มีเสื้อผ้า ชุดชั้นในติดตัว อยู่ราว 3-4 ชุด ซักตากแยู่ที่นั่น นอนใต้เตียงผู้ป่วย หรือระหว่างเตียง เพราะหมอไม่อนุญาติให้ย้ายไปห้องพิเศษ ทุกๆวัน พยาบาลจะปลุกให้ตื่นตั้งแต่
4.00น. เก็บที่นอน เก็บของ
5.00น.พาแม่เข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน
6.00น.ลงไปใส่บาตรให้แม่ ซื้ออาหาร ขนม ที่แม่อยากกินไปให้กิน
7.00น.ป้อนข้าว ป้อนอาหาร
8.00น.ญาติลงจากตึกทั้งหมด
แม่บ้านเริ่มทำความสะอาด
9.00น หมอเริ่มตรวจคนไข้ กรณีเร่วด่วนญาติต้องอยู่ฟัง หมอจะแจ้ง
ระหว่างนี้ สิ่งที่เราต้องทำคือ ไปอาบน้ำล้างหน้า แปรงฟัน ขับถ่าย ซักผ้า ห้องน้ำสาธาณะ กินข้าว ให้อิ่ม ตุนไว้ให้เยอะ เอาเข้าจริงกินได้ 2-3 คำ นั่งทำงานฟรีแลนด์ใต้ตึก หาเงินค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ
11.00 น.กลับขึ้นตึก พาแม่ไปเข้าห้องน้ำ เช็คแพมเพิร์ส เช็ดอึ เช็ดตัว รอป้อนข้าวเที่ยง
12.00 ป้อนข้าว ป้อนยาแม่
13.00 แม่นอน ออางานขึ้นมาทำ หาเงิน
15.00 แม่ตื่น แม่ฉี่ แม่หิว คุยกับแม่ รอเวลาอาหารเย็น แม่อยากกลับบ้าน
17.00 อาบน้ำให้แม่ เปลี่ยนเสื้อผ้า แผ่นรองซับ แพมเพิร์ส
18.00 ป้อนข้าวเย็น แปรงฟัน มีคนมาเยี่ยมพูดคุย
20.00 งดเยี่ยม ปิดไฟ แม่หลับ รีบไปอาบน้ำ กินข้าวใต้เตียง แปรงฟัน ทำงาน
21.00-23.00 น. ทำงาน ล่องลอย รอเวลา ไปรับผ้า เสื้อผ้าแม่ ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม เพราะถ้าไม่รอ แม่จะไม่มีชุดใหม่ใส่ เสื้อผ้าไม่พอคนไข้ปัญหาจริงในโรงพยาบาล
24.00 น.พยาบาลเดินตรวจ วัดความดัน เช็คยา น้ำเกลือ ทุกๆ 2 ชั่วโมง หลัง 2 ทุ่ม
02.00 ตื่น มาดูยา ความดัน เพราะพยาบาลต้องปลุกญาติมาดู
04.00 ต้องตื่น
ชีวิต วนอยู่แบบนี้ราวๆ 6 เดือน ไม่มีคนผลัดเปลี่ยน ไม่ได้กลับบ้าน ไปนอนที่นอนนุ่มๆ หมอนอุ่น ไม่มี มีแค่เสื่อ 1 ผื่น ใต้เตียงแม่
.....งานไม่ได้ทำ แต่รถยังต้องผ่อน
.....งานไม่ได้ทำ แต่บ้านยังต้องจ่าย
.....งานไม่ได้ทำ แต่ค่ามือถือก็ต้องจ่าย
.....งานไม่ได้ทำ แต่ก็ยังต้องซื้อของใช้ส่วนตัว
.....งานไม่ได้ทำ แต่ธุรกิจที่ทำก็ต้องไปต่อ
....จากเดิม เรากับแฟนข่วยกัน 2 คน มีคนผลัดเรื่องร้าน สุดท้าย เราไม่ไหวรับผิกชอบแค่เรื่องรถกับค่าใช้จ่ายส่วนตัว อื่นๆ คือแฟนเป็นคนดูแล ร้านก็เพิ่งทำเสร็จ
โควิตเจ้ากรรมก็มาซ้ำเติม มีใครเคยมาถามเรื่องค่าใช้จ่ายที่เราแบกไว้บ้าง....ไม่มีนอกจาก สามีคนปัจจุบัน
...ภาพที่คนเห็นคือมาดูแลแม่ แต่มีใครเคยถามมั้ยแต่ละเดือนยังต้องใช้เงินเท่าไหร่ ไม่ต้องถามว่าเงินเก็บที่เคยมีหายไปไหน
....ยัง ยังไม่พอค่ะ ยังมีดราม่างานศพอีก ฉันผู้ไม่ร้องไห้ในงานศพ 9 คืน เพราะอยู่กับแม่มาตลอดหลายเดือน คนตายเห็นทุกคืน เกือบทุกๆ 2 ชั่วโมง
จนเห็นสัจธรรมแล้วว่า เดี๋ยวเราก็ตามไป ถูกมองว่า เป็นคนไม่รักแม่ ไม่นอนเฝ้าศพแม่คือไม่มีน้ำใจ ....ค่ะเป็นมุมมองแบบนั้นจริงๆ ...นี่กุก็งง กับตรรกกะ นี้เหมือนกัน ว่าจะเศร้าซะหน่อยไม่รู้จะเอาเวลาไหนไปเศร้าดี ....ยังไม่จบเท่านี้ ชีวิตเริ่มดิ่งขาลง พ่อที่รวบตึงทุกอย่างตามความคิดตัวเองที่บอกว่า มันดีแล้ว ศพแม่เผายังไม่ครบ เดือน ให้ผู้ชายของฉันมาคุยว่าจะเอายังงัยสรุปไว้ตรงคำว่ามั่น แล้วผันไปเป็นแต่งๆกันไปเลย ไม่ต้องจัดงานอะไรทั้งนั้น
เอ๊าาาา..ไหนชุด ไหนรอยยิ้ม ดิฉันผู้เกือบจะเป็นบ้า เอาปืนยิงตัวเองให้ตายไปซะตั้งแต่วันนั้น คนทั้งหมู่บ้านจงเป็นพยาน แล้วเราทั้งสองก็ไปอยู่บ้านที่ปลายนา ที่ยังสร้างไม่เสร็จ และเดิมมันเป็นบ้านที่พ่อกับแม่สร้างจะมาอยู่เอง
สามีคนปัจจุบัน ..นางว่างั้นโอเค เราจะทิ้งทุกอย่างที่ กรุงเทพ เพื่อมาอยู่กับเธอที่นี่ ให้เธอได้อยู่ใกล้กับพ่อ
บ้าน...เราคืนเค้าไป ทิ้งไปซะจะได้ไม่เป็นภาระ
ของในบ้าน..เอาเท่าที่ได้ย้ยมานครฯ
รถ...ขับมาใช้ที่นคร
ร้าน...โดนพิษโควิดยังไม่ทันได้เปิด ปล่อยเซ้ง ถามว่าโควิดใครจะเซ้ง ที่ลงไปแล้ว แต่งร้าน อุปกรณ์ อย่าไปหวังจะได้เงินคืน
งาน ... ที่บริษัท เค้ายังให้ทำงานหาคอมมิชชั่นได้ก็บุญแล้ว สุดท้ายต้องยื่นออก ในตอนที่มันไปได้ดีซะด้วย
.."เรา"นับ 0 กันอีกครั้ง ถึงตอนนี้ ยังไม่มีใครถามเราเลย ว่าเราบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน 555555
ยังงงง ยังไม่พอค่ะ ผ่านไป 1 ปี เข้าสู่ปี 2563 เจ้าคุณพ่อบอกว่าสร้างบ้านให้แล้วก็ผ่อนบ้านไปด้วยเลย หนี้บ้านราวๆ 400,000 อ่ะโอเค ไม่เป็นไร เพราะเรา=ลูก ระหว่างทางปี 62-63 พ่อสายเปย์
ให้ใครหลายคน แต่ไม่ได้เปย์มาทางลูก เท่ากับว้าตั้งแต่ 62-63 ไม่มีการชำระเงิน เข้าระบบ มีการพักชำระหนี้ตามโครงการรัฐโดยอัตโนมัติ ปี 64 ฉันผู้มารับเรื่องผ่อน ผ่อนอยู่ดีๆ มีหนังสือไปแจ้งเรื่องดอกเบี้ย เรื่องการผ่อน ต้องหาเงินมาปิด ....บาท ภายใน วัน ... เอารถไปรีไฟแนนซ์ ซิค่ะ จะได้มีเงินไปจ่าย ธนาคาร เพราะเราถูกมองว่าไปรับผิดชอบ สิ่งที่เกิดขึ้น ค่ะ ภาวะจำยอม เพราะเราคือลูก สามีก็แสนดี โอเคแบบนี้ก็ได้ สุดท้ายช่วยกันหาเงินไปจ่ายบ้านจ่ายรถ
....พีค ในพีคกว่า ปี 2564 เรามีตัวเล็ก เป็นสมาชิกเพิ่ม 1 คน นั่นหมายความว่ามันจะทวีคูณ มีใคร...ถามถึงความสุข ของเรากันบ้างมั้ย 555555 เรา"ออมสุข" กัน นิดๆหน่อยๆ ก็สุขเอาแล้ว
ปี 2565 หาเงินยาก เนื่องจากพิษเศรษฐกิจด้วย โดนโกงเงินลงทุนด้วย มียืมแล้วไม่ได้คืนด้วยก็มี เวลาเราใจดีกับใคร ให้มีใครใจดีกับเราบ้าง อย่าใจร้ายกับเราอย่างเดียว ปีนี้ต้องปิดธนาคาร อีกราวๆ 20,000 กว่าๆ เราหมุนเงินกันไม่ทัน จากที่จ่ายไปแล้ว หลักแสน เจ้าคุณพ่อแก้ปัญหาโดยการโทรทางไกล ไปยืมน้องชาย ตอนแรกจะรับผิดชอบคนละครึ่ง
แต่ความจริงที่ได้ฟัง "สร้างบ้านให้อยู่แล้วก็ให้เรารับผิดชอบเอง" ฮ่ะมันเจ็บนะ
ทรัพย์มรดก ที่แบ่งครึ่ง คนนึงมารับไปโดยไม่ต้องจ่าย อีกคนคือมารับแต่ต้องจ่ายหนี้ให้หมดก่อน มันได้เสียใจที่ต้องจ่ายแต่น้อยใจและคับแค้นใจ ที่ทำไม เรามักเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำเสมอ แล้วสถานะลูกที่เปลี่ยนไม่ได้มันทำอะไรได้บ้าง
... อยู่ก็ผิด ไม่อยู่ ก็อกตัญญู
...คนใกล้ มันไร้ค่า คนไกลมันมีค่า
...เวลามีงาน มีเงินคนเกรงใจ แต่พอทำงานที่บ้านเพื่อนแลไม่สาไหร่
...เวลา เราช่วยใคร เราช่วยกันสุดใจ เงินที่จ่ายไประหว่างทางเราไม่เคยคิด
แต่เชื่อมั้ย ในยามที่เรามืดมิด แม้แต่มิตรที่เราเคยช่วย เค้ายังทวงเราเลย 55555
.... เรามักจะคิดถึง ความตาย อยู่เสมอ
.....เรากะท้อเป็น
.....เราก็เจ็บเป็น
.....เรากะเครียดเป็น
.....เห็นเราเป็นคนง่ายๆ ดูสบายดี มีความสุขกับสิ่งรอบตัว เท่าที่จะหาได้ แต่ลึกๆ เราอาจจะป่วยก็ได้ ถ้าเราไม่ได้ระบายออกมาบ้าง
.....เราพูดกับใครไม่ได้ เรามีตัวหนังสือ เป็นเพื่อนคุย
คุยกับพ่อ=เป็นไปไม่ได้
คุยกับน้อง=คนที่ไม่ได้ช่วยและไม่ฟังและพูดต่อในแบบลบ
คุยกับสามี=เอาความเครียดไปใส่ความเครียด
คุยกับลูก=เด็กน้อย1ขวบที่ต้องการความรักกับรอยนิ้ม
คุยกับเพื่อน= เพื่อนที่ไหนมันหายไปตั้งแต่เราเป็นคนไม่มีงาน และมีเงินน้อย
คุยกัยหมา=หมาไม่รู้
คุยกับตัวเอง=บ้าแล้ว1
ไม่แปลกที่ความตายเป็นเรื่องใกล้ตัว เพราะบางคน และบางครั้ง เค้าพร้อมจะตายเมื่อไหร่ก็ได้ ...ถ้าไม่มีห่วง "ลูก"
ขอบคุณสามี ที่อยู่ข้างๆเสมอ
ขอบคุณตัวเอง ที่ยังมีสติ
โฆษณา