3 ธ.ค. 2022 เวลา 01:08 • ปรัชญา
เพราะเกิดมาแต่ละดวงจิต..เลือกเกิดไม่ได้ เกิดไปในดินแดนที่เค้ากำลังเข่นฆ่ากัน รบราฆ่าฟันกัน เกิดมาก็ย่อมถูกสอนหล่อหลอม เห็นอีกฝ่ายหนึ่งเป็นศัตรู ..ฝั่งจิตฝั่งใจตั้งแต่เล็ก เห็นญาตพี่น้องตาย ต้องวิ่งหนีลูกระเบิดจาก B52 ไปหย่อนลงไป ลงไปแต่ละลูก ก็มีบ่อเลี้ยงปลาเกิดขึ้น ภาพเหล่านี้ มันติดลงไปในจิตใต้สำนึก ..ที่ว่าตาบันทึกภาพหูบันทึกเสียง ลงไปในธาตุทั้งสี่ที่ประกอบเป็นเรือนกาย
..นั่นเป็นเรื่องราว ที่เราเคยไปนั่งกินเหล้า กับนำร่องเวียดนาม เรียนจบจากรัสเซีย นั่งกินเหล้า..ด้วยกัน ..พอเอ่ยพูดเรื่องอเมริกัน เท่านั่นแหละ เค้าก็ทุบโต๊ะ โมโหเหมือนอสูรลงพร่ำเพ้อ พร่ำพันระนา เล่าเรื่องราวของเขา ญาติพี่น้องที่ไฮฟอง ถูกทิ้งระเบิด ที่เค้าจดจำฝังจิตฝังใจอยู่ในจิตใต้สำนึกของเค้า คือ ความเกลียดชัง มากมายก่ายกอง แล้วความเกลียดชังนี่ ..พวกเค้าก็ไปฆ่านักเรียนอเมริกันที่เรียนด้วยกันอีก (เรื่องราวของความเกลียดชัง มันสร้างเวรกรรม..)
(หมายเหตุ เรื่องราวของอารมณ์โมโหโกรธ เป็นเหมือนอสูร มันน่ากลัว เวลามันเกิดขึ้นมันไม่เกรงกลัวอะไรทั้งนั้น คำว่าพ่อแม่เพื่อนฝูงมิตรสหายไม่มีหรอก มันขาดสติลืมตัวลืมตน เป็นยักษ์อันธพาล จะทำลายสิ่งที่ขวางหูขวางตาลูกเดียว นั่นเป็นพิษสงของอารมณ์ พออารมณ์อสูรมันไปแล้ว ..ก็มานั่งเสียใจทุกข์ในสิ่งที่ตนเผลอสติ..ไม่เท่าทันอารมณ์ให้สร้างกรรม)
เรื่องของการเกิด จิตแต่ละดวงนั่นมันเลือกเกิดไม่ได้ เกิดมามีกายเป็นมนุษย์ แล้วแต่ว่า กรรมจะนำพาไปเกิดในสถานที่ใด ..ชาติก่อนอาจเคยเป็นญาติเป็นเพื่อนสนิท คนที่เราชอบรัก เมื่อเกิดใหม่ที่เกิดเป็นสถานที่เกิด มีพ่อแม่ใหม่ อยู่ในสถานที่ต่างกัน เมืองนั่นเป็นศัตรูกับเมืองนี้ อดีตที่เคยชอบรักกันมา ก็ตั้งตัวเห็นอีกฝ่ายเป็นศัตรู อดีตที่เคยชอบกันมาเป็นเพื่อนกัน พอเกิดใหม่ ..กลับกลายเป็นศัตรูกัน อาจจะไปเจอกันในสนามรบ..เข่นฆ่ากัน ..เพราะเมื่อต่างคนต่างเป็นทหาร ..มีหน้าที่..
ต่างคนต่างมีกรรม มีอารมณ์ มีทิฐิ ความยึดถือ เชื่อในอารมณ์ในกายตน..อารมณ์กรรมต่างๆที่เกิดขึ้น ..ให้สร้างกรรม..มีกายกรรม วาจากรรม มโนกรรม เป็นของตน ..คนที่ผิดก็ใจของตนเองนี่แหละ ที่มัวเชื่อแต่อารมณ์นึกคิดในกายตน..พาไปสร้างภาระ สร้างความยึดถืออะไรมากมาย เบียดเบียนคนนั่นคนนี้ ..มากมาย..มันก็เกิดจากกายที่ตนเองหลงใหล เห็นคนนั้นคนนี้ไม่ดี ก็เกิดในกายนี้ ..ไม่ได้ไปเกิดที่อื่น ดีชั่วอะไร..ที่กระทำ ก็เกิดจากจิตที่ใช้กายนี้ ..
ใครล่ะ ที่ใช้กายนี้เป็นผู้กระทำ..เกิดมาเค้าก็ให้สติให้ปัญญามากับสังขารมนุษย์ ..ใครละที่ไม่เอาสติที่เค้าให้มา ..มากลั่นกรองหาเหตุผล หรือยับยั้ง หยุดยั้ง อารมณ์โลภโกรธหลงที่โลกเค้ามี..เกิดขึ้นในตัวตน ..ความเกลียด ความชัง อะไรต่างๆอารมณ์นึกคิดต่างๆ มีสติจับมันหงายขึ้นมา ..มาดูว่ามันนำพาชีวิตไปสู่เส้นทางอะไร ..ใช้กิริยา..กายวาจาใจดีชั่วอย่างไร ..เคยทำมั้ย.เคยพลิกมาดูมั้ย..ก็มัวทำตามอารมณ์ตามใจตัวเองเป็นนิสัย..ความผิดอยู่ที่ใคร
กายบิดามารดานี้มีพระคุณ ..กายพร้อมให้เราใช้ชั่วขณะหนึ่ง ..จะใช้อย่างไรเอาไปทำอะไรดีชั่วอย่างไร ..กายนี้ก็พร้อมเป็นผู้รับใช้ ..นั่นเป็นเรื่องราวสติปัญญา..ของผู้ที่ใช้กาย
ใช้กายไปสร้างกรรมก็ได้กรรม หรือจะใช้กายไปสร้างสิ่งดีๆ สร้างบุญกุศลบารมี จิตก็ได้บุญกุศลบารมี ..บรรเทาทุกข์ วิบากกรรมของตัวเอง..นั่นเป็นเรื่องที่จิตที่มาอาศัยกาย ..เป็นผู้เลือกจะใช้กายนี้อย่างไร..ใช้ให้เกิดเป็นสันติธรรม หรือ ไม่มีสันติธรรม ความสงบให้แก่จิต ..ก็ต้องเป็นผู้เพิ่มพูนกรรม ..อยู่กับกาย..กายที่ไม่คงที่ ..ถึงเวลาหยุดลม..ตาย ..จิตมีโทษทัณฑ์ติดตามไปกับจิต ..ไม่รู้ว่าไปต้องโทษที่ไหน มีสังขารอะไร ไม่รู้ได้เลย
..เมื่อไม่รู้..พระท่านบอกว่า..ก็ทำให้มันรู้ขึ้นมาที่จิต จิตของเราต้องเดินทางออกจากกายนี้แน่นอน ..อะไรที่จะช่วยเหลือจิตที่ต้องออกจากสังขาร..ก็กระทำขึ้นช่วยเหลือจิตของตนเอง เพราะจิตออกจากสังขารนี้ ..ต้องการบุญกุศลบารมี วัตถุสิ่งของ..ของโลกเอาไปไม่ได้เลย...เกิดมาพบศาสนาขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งที ..ไม่ศึกษาไม่ปฏิบัติ..แล้วจะไปรู้จักสัจจะธรรมที่แท้จริง..จิตพ้นทุกข์ พ้นกรรมได้อย่างไร ..มีใครเป็นผู้มีปัญญารู้จักโลก หนีโลกได้..ชี้แนะให้แก่จิตเรา..กระทำขณะอาศัยกายมนุษย์
โฆษณา