7 ธ.ค. 2022 เวลา 03:43 • ท่องเที่ยว
พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ยื่งใหญ่ที่สุดในโลก ที่ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต
เครดิตภาพ: Pixabay และ Dr. TC
พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Louvre Museum) พิพิธภัณฑ์ทางศิลปะที่มีชื่อเสียงที่สุดใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อมาถึงปารีสแล้ว พลาดไม่ได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะผู้ที่รักประวัติศาสตร์ ศิลปะ และการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ เรามาดูกันว่ามีอะไรน่าชมบ้าง และมีประวัติเป็นมาอย่างไร พร้อมกับความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศฝรั่งเศสและของโลก
พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ เปิดให้สาธารณชนเข้าชมได้เมื่อปี ค.ศ. 1793 (พ.ศ. 2336) มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยราชวงศ์กาเปเซียง ตัวอาคารเดิมเคยเป็นพระราชวังหลวง แรกเริ่มลูฟวร์เป็นพระราชวังสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าฟีลิปที่ 2 ในปี ค.ศ. 1190 พอมีการสร้างวังใหม่ในสไตล์เรอเนซองส์แทนป้อมเก่าที่ถูกรื้อทิ้งในสมัยระเจ้าฟร็องซัวที่ 1 ราชวงศ์ฝรั่งเศสจึงมาพำนักในวังนครปารีสเรื่อยมา
กษัตริย์แต่ละพระองค์ต่างก็ต่อเติมตกแต่งในพระราชวังมีความโอ่งอ่า ยิ่งใหญ่สวยงามอวดบารมีจนกระทั่งการปฏิวัติฝรั่งเศสในสมัยพระเจ้าหลุยส์ 16
หลังจากนั้นพระราชวังลูฟวร์ได้ปรับเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ ภายในพิพิธภัณฑ์ออกเป็น 3 ปีก (Wing) ได้แก่ Richelieu อยู่ทางทิศเหนือ Sully เป็นอาคารสี่เหลี่ยมทางทิศตะวันออก และ Denon อยู่ทิศใต้ขนานกับแม่น้ำแซน แต่ละปีกแบ่งเป็นสัดส่วนจัดเก็บศิลปะแบ่งตามประเภทและยุคสมัย
โดย Denon Wing และ Sully Wing จะมีประติมากรรมและวัตถุโบราณของกรีกและโรมัน อียิปต์ ในชั้น 0 และ 1 และที่ Denon Wing ชั้น 2 จะมีงานศิลปะอิสลามที่ชั้น 1 ถึง 2 ส่วนใครชอบงานประติมากรรมฝรั่งเศส ควรเข้าชมด้าน Richelieu Wing ชั้น 0 ถึง1
นอกจากนี้ยังมีภาพจิตรกรรมฝรั่งเศสที่ ชั้น 2 Sully Wing และ Richelieu Wing รายละเอียดการจัดแสดงในปีกตึกต่างๆ นี้เราสามารถดาวโหลดได้ที่เว็บไซต์ของลูฟว์ หรือขอแผ่นพับที่เคาน์เตอร์สอบถามที่โถงกลางใต้พีระมิดแก้ว
เครดิตภาพ:  Dr. TC
นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ยังเป็นหนึ่งในฉากสำคัญของภาพยนตร์ชื่อดังระดับโลกอย่าง รหัสลับดาวินซี (The Davinci Code) ผลงานศิลปะบางชิ้นในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ เราจะเห็นได้ว่าแต่ละผลงานนั้นมีความงดงามน่าตื่นตาตื่นใจอีกทั้งยังเป็นศิลปะที่ทรงคุณค่า ประเมินราคาไม่ได้
ถ้าได้มาที่นี้รับรองว่าจะหลงใหลในความสวยงามของศิลปะที่ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพเป็นประติมากรรมที่บ่งบอกแสดงถึงประวัติศาสตร์และความรุ่งเรืองของแต่ละสมัย
สำหรับไฮไลต์สำคัญที่มีชื่อเสียงของพิพิธภัณฑ์ซึ่งพลาดไม่ได้ อาทิเช่น
1. โมนาลิซา (Mona Lisa)
เครดิตภาพ:   Pixabay
ภาพวาดหญิงสาวผู้มีรอยยิ้มเป็นปริศนาที่ไม่รู้ว่าเธอยิ้ม หัวเราะ หรือร้องไห้ เป็นผลงานภาพเขียนสีน้ำมันอันมีชื่อเสียงของเลโอนาโด ดา วินชี ภาพวาดมีขนาดสูง 77 เซนติเมตร กว้าง 53 เซนติเมตร ใช้เวลาวาดภาพนี้ 4 ปี ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ระหว่าง ตั้งแต่ ค.ศ. 1503 –1507
เป็นภาพที่มีชื่อเสียงทั่วโลกภาพหนึ่ง เป็นที่รู้จักในฐานะภาพของสุภาพสตรีที่มีรอยยิ้มอัน ที่ถูกจัดแสดงอยู่กลางห้องโถงใหญ่ มีภาพวาดอื่นๆแขวนอยู่รอบด้าน ผู้คนล้นหลามเบียดเสียดเพื่อชมความงามของเธอที่ถูกดูแลรักษาอย่างดีภายในตู้กระจกปรับอากาศกันกระสุน
ก่อนหน้านี้ภาพโมนาลิซาเคยถูกขโมยออกไปจากพิพิธภัณฑ์ ต้องตามหากันตั้ง 2 ปี กว่าจะพบและเอาคืนมาได้
2. ประติมากรรมหินอ่อนแกะสลักรูปเทพีวีนัส (Venus De Milo) หรือเทพีแห่งความรักของกรีกโบราณ
เครดิตภาพ:  Dr. TC
คาดว่ามีอายุกว่า 2,100 ปี ถูกค้นพบเมื่อวันที่ 8 เมษายน ปีค.ศ. 1820 โดยเกษตรกรที่มีชื่อว่า Yorgos Kentrotas เขาได้ค้นพพชิ้นส่วนของรูปปั้นวีนัส บริเวณที่พบที่เกาะมิโล แถบทะเลเอเจียน ขณะที่หักเป็นสองท่อนโดยบังเอิญไม่พบแขนทั้งสองข้าง แต่ถูกยกให้เป็นงานประติมากรรมสตรีที่สวยที่สุดในโลก
รูปปั้นนี้ถูกปั้นโดย Alexandros of Antioch ประติมากร ยุคประติมากรรมกรีกโบราณ แม้ว่าแขนทั้งสองข้างของรูปปั้นจะขาดไป แต่ก็ยังคงความสวยงาม และความละเอียดอ่อนของงานศิลป์ไว้อย่างครบถ้วน
ด้วยวีนัสเป็นเทพีแห่งความรัก นักท่องเที่ยวจึงนิยมขอพรด้านความรักกับรูปปั้นนี้ เพื่อให้ได้มีความรักที่สมหวังยืนยาว
3. อนุสรณ์ชัยชนะที่ซาโมเทรซ หรือ เทพีไนกี้แห่งซาโมเทรซ (The Winged Victory of Samothrace)
เครดิตภาพ:   Pixabay
เป็นประติมากรรมยุคกรีกเฮเลนิสติก แกะสลักจากหินอ่อนแสดงภาพเทพีไนกี้หัวขาดกางปีก สร้างขึ้นในราว 300 ปีก่อนคริสตกาลเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะของกรีซในการรบที่ซาโมเทรซ ถูกค้นพบบนเกาะซาโมเทรซ ประเทศกรีซในปี ค.ศ. 1863
ตั้งแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1884 นับเป็นหนึ่งในสุดยอดงานศิลปะล้ำค่าของพิพิธภัณฑ์ และหนึ่งในประติมากรรมที่มีชื่อเสียงของโลก ด้วยเส้นสายที่อ่อนช้อยของปีกที่กางออก และเสื้อผ้าที่พริ้วไหวราวกับต้องกระแสลม เมื่อเทพีไนกี้กำลังร่อนลงสู่พื้นดิน
4. ภาพ The Wedding at Cana
เครดิตภาพ:   อ้างอิง 5
สร้างงานนี้ขึ้นในปี ค.ศ. 1563 เป็นผลงานชิ้นเอกของ Paolo Veronese ศิลปินยุคเรอเนสซองส์ผู้นี้จะเป็นภาพที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนา ซึ่งเป็นเรื่องราว ขณะพระเยซูแสดงปาฏิหาริย์ เสกน้ำเปล่าให้เป็นไวน์ ในงานเลี้ยงแต่งงานที่คานาร์ ปรากฎว่าไวน์หมด
พระองค์จึงรับสั่งให้คนรับใช้ในงานนำโถที่บรรจุน้ำเต็มมาให้กับพระองค์ เมื่อพระองค์เทน้ำออกจากโถนั้นอีกครั้ง ปรากฎว่ามันได้กลายเป็นไวน์ไปแล้ว ปรากฎการณ์ในครั้งนั้นได้ถูกบันทึกว่าเป็นปาฏิหาริย์ครั้งแรกของพระองค์
5. ภาพ July 28: Liberty Leading the People หรือ เสรีภาพนำทางชาวประชา
เครดิตภาพ:  Dr. TC
เป็นภาพวาดโดยเออแฌน เดอลาครัว (Eugène DELACROIX) เพื่อเป็นอนุสรณ์ของการปฏิวัติเดือนกรกฎาคมใน ค.ศ. 1830 ซึ่งล้มพระเจ้าชาร์ลที่ 10 แห่งฝรั่งเศส ภาพวาดนี้ใช้สีน้ำมันบนผ้าใบ แสดงสตรีคนหนึ่ง (ซึ่งเป็นบุคลาธิษฐานของแนวคิดเสรีภาพ) กำลังพาผู้คนเดินข้ามเครื่องกั้นและกองศพไปข้างหน้า โดยถือธงการปฏิวัติฝรั่งเศส ในมือข้างหนึ่งและปืนคาบศิลาในมืออีกข้างหนึ่ง ภาพนี้ถือเป็นภาพที่ดีที่สุดภาพหนึ่งของเดอลาครัว
นอกจากนี้ หน้าพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ เราจะเห็นพีระมิดแก้วซึ่งออกแบบโดย ไอ. เอ็ม. เป สถาปนิกชาวจีน-อเมริกัน ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อปี ค.ศ.1988 โดยเป็นหนึ่งในโครงการที่ริเริ่มของประธานาธิบดีฟร็องซัว มีแตร็อง เพื่อใช้สอยเป็นทางเข้าหลักของพิพิธภัณฑ์ โดยผู้เข้าชมจะต้องเข้าผ่านล็อบบี้ใต้ดิน ที่อยู่ใต้ฐานพีระมิด
เครดิตภาพ:  Dr. TC
และมีพีระมิดกลับหัว หรือ The Inverse Pyramid ซึ่งเป็นพีระมิดแก้วเช่นเดียวกัน ที่สามารถมองเห็นได้จากใต้ดิน โดยฐานพีระมิดจะอยู่บนพื้นผิวระดับถนน ซึ่งโครงการนี้เสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ.1993
เครดิตภาพ:  อ้างอิง 6
เครดิตภาพ:   อ้างอิง 6
พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ถือเป็นหน่วยงานของรัฐบาลฝรั่งเศส โดยตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 ได้มีความพยายามทำการแปรรูปขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีการปรับลดงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลจาก 75% เหลือเพียง 62% ในปี ค.ศ. 2006 โดยภาพยนตร์ชื่อดังจากนวนิยายเรื่อง ดาวินชี่โค้ด ของแดน บราวน์ พิพิภัณฑ์ได้รับเงินสนับสนุนค่าพื้นที่การถ่ายทำถึง 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
และในปี ค.ศ. 2008 รัฐบาลฝรั่งเศสได้สนันสนุนงบประมาณทั้งหมด 180 ล้านเหรียญฯ จากงบประมาณที่ต้องการทั้งหมด 350 ล้านเหรียญฯ โดยส่วนต่างที่เหลือมาจากเงินบริจาค และค่าเข้าชม
ในปี พ.ศ. 2549 พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์มีผู้มาเยี่ยมชมเป็นจำนวน 8.3 ล้านคน ทำให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดในโลก และยังเป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในกรุงปารีส
การเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ในครั้งนี้ ผู้เขียนมีเวลาจำกัด จึงไม่ได้ชมอย่างละเอียดนัก ครั้งหน้าถ้ามีโอกาส จะต้องชมให้ละเอียดทุกปีก ทั้งภาพศิลปะ ที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์โลก ประติมากรรมต่างๆ โบราณวัตถุที่สำคัญของโลก ซึ่งคงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 วันเป็นแน่ค่ะ
โฆษณา