4 ธ.ค. 2022 เวลา 05:57 • ความคิดเห็น
หากเขาพูดเพราะเป็นห่วงเรา เราก็ต้องทำให้เขาหายห่วง
เลือกทางเดินที่เราชอบ ที่เราอยากทำ และพิสูจน์ให้เขาได้เห็นว่าเราพึ่งพาตนเองได้
เราเติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว ที่มีความรับผิดชอบต่อชีวิตตัวเอง และพร้อมที่จะนำพาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมสังคมที่ดีๆ
เบื้องต้น ต้องลงมือปฏิบัติจริงให้เขาได้เห็นก่อน
บางทีสิ่งที่เราชอบมันอาจตามมาภายหลัง..หลังจากที่เราได้ลงมือทำ
อย่างน้อยการที่เราเอาตัวของเราเข้าไปอยู่ในองค์กรแห่งหนึ่ง
มันก็บ่งบอกแล้วว่าเราเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ มีระเบียบวินัยในตัวเองสูง และมันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพื่อค้นพบสิ่งต่างๆและหาประสบการณ์ใหม่ๆในชีวิต..
โฟกัสที่ตัวเราเองให้ดี มีสติ เพราะมันช่วงพิสูจน์ตัวเองของเด็กจบใหม่ มันเป็นธรรมดาที่คนในครอบครัว หรือคนอื่นๆเขาอาจถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง หรือ ด้วยความอยากรู้เพราะเขาคงตื่นเต้นไปกับความท้าทายใหม่ๆของเรา
บางคนเขาอาจพูด หรือ เกิดความตกหล่นในด้านการสื่อสาร หรือ..เขาอาจสื่อสารไม่เป็น มันจึงไม่สามารถถ่ายทอดความห่วงใย ฯลฯ ที่เขามีออกมาได้ผ่านคำพูด บางครั้งมันจึงออกมาในเชิงลบ ซึ่งมันขึ้นอยู่กับการตีความของผู้ฟังล้วนๆ
บางทีผู้พูดเขาอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เขาอาจคาดไม่ถึงว่าเราแอบคิดมากกับคำพูดของเขา
คำว่า”งานดีๆ”มันเป็น คำนิยาม หรือ แพทเทิร์น แบบภาพกว้างที่คนส่วนใหญ่เอาไว้เรียกกัน มันเหมือนเป็นคำยอดฮิตเพื่อเอาไว้เพื่อพูดคุยกันแบบสั้นๆหรือเพื่อความสะดวก จึงย่อคำลงมาหน่อยแล้วใส่คำว่า”ดี”เข้าไป มันจึงทำให้เรากดดันเพราะคนส่วนใหญ่มักยึดติดกับคำว่า”ดี”or“ไม่ดี”มันจึงอ่อนไหวได้ง่ายสำหรับเด็กจบใหม่ ที่ต้องเตรียมตัวเข้าสู่สังคมใหม่ๆที่ท้าทาย (สังคมการทำงาน)
ความกดดันของเด็กจบใหม่ที่มีอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
พอถูกยิงคำถามย้ำเข้ามาอีก มันก็เลยทำให้เรารู้สึกกดดันเข้าไปใหญ่…
ผ่อนคลายความกดดันของเราลงมาหน่อย ด้วยการลงมือทำ..ลองยกความกดดันหรือความคาดหวังจากภายนอกออกไปก่อน เพราะเราต้องโฟกัสที่ตัวเราเป็นหลัก
เราไม่มีเวลาให้กับความคาดหวังของคนอื่นสักเท่าไหร่
เพราะเกิดไรขึ้นมา มันไม่มีอะไรที่รับประกันได้ว่าคนเหล่านั้น เขาจะมาช่วยเรารับผิดชอบอะไรได้ไหม..สุดท้ายคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งหมดก็คือตัวเราเอง เพราะชีวิตนี้มันเป็นของเรา…
ตอบในสถานะคนไม่ทราบบริบทหรือBackground
ขอบคุณพื้นที่ ที่ให้แสดงความคิดเห็นค่ะ
โฆษณา