19 ธ.ค. 2022 เวลา 03:30 • นิยาย เรื่องสั้น
ความรักของเอกา (3)
เอกาใคร่สงสัยนักว่า แมลงปอเรืองแสงสีเขียวตัวนี้ จะอยู่นำร่องพวกเขาจวบจนสุดทางเลยไหม มันแค่เลือนหาย เฉพาะตอนการต่อสู้ดุเดือด กับเหล่าอสุรกายผู้เข่นฆ่าเอาชีวิตเขาแทน เริ่มแรกเด็กชายเข้าใจว่า พวกมันต้องการชีวิตเจ้าหางก้อน
เพราะสาเหตุใดนั้น เอกาไม่กระจ่างแจ้ง จะสรุปปัญหาคลางแคลงใจ
แสงอาทิตย์ปลอดภัยและอบอุ่นอยู่ภายในเส้นทางนี้ได้ไม่นาน
เอกาทำใจให้คุ้นชิน ยามย่างกรายเข้าสู่ดินแดนสนธยาอีกครา
พงไพรให้ความรู้สึกอย่างกับว่าพวกเขากำลังเดินเป็นเส้นตรงมาตลอดอย่างไรอย่างนั้น บางทีขึ้นบางทีลง ปีนป่ายทั้งกระโดดในจุดต่างระดับกันหลายเมตร จากอีกชะง่อนหนึ่งไปยังชะง่อนหนึ่ง บางเส้นทางดูเหมือนจะไปต่อได้สะดวกสบายกว่า ถูกเถาไม้หนามยักษ์ขึ้นปิดบัง มิหนำซ้ำทำลายทิ้งเพื่อเปิดเส้นทางใหม่ไม่ได้ด้วย ผ่านน้ำตกมะตอย ส่งกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ปะทะโพรงจมูก ถึงกับระคายเคืองรุนแรงและวิงเวียนศีรษะ ชวนสำรอกรำมะร่อ
เอกาขึ้นสู่ที่สูงมาก ไม่รู้ตัวเลยสักนิด แมลงปอตีปีกถี่กว่าความเร็วเคลื่อนที่ของมัน
เสียงพูดเอกาวัยเด็กหนุ่มมาก่อนเจ้าของเสียง แก่ขึ้นสามปี สูงขึ้นเล็กน้อย ขณะมานิไม่ค่อยเปลี่ยนไปจากเดิมก่อนหน้านี้นัก
“เรามาที่นี่กันอีกแล้วเหรอ”
เอกาเอ่ยถามเนือยๆ
“ก็นายเป็นคนพาฉันมาเองนะ เอกา”
มานิชี้แจง
“ฉันเกิดประทับใจที่นั่นขึ้นมา นายก็ต้องรับผิดชอบน่ะนะ นายใจดีเสมอ”
“เช่นนั้น”
เอการับคำ แสดงถึงความใจกว้างทุกๆ อย่าง
“แต่นายถามฉัน”
มานิสังเกต
“น้ำเสียงนายดูเบื่อหน่ายอย่างไรอย่างนั้นแน่ะ”
“ฉันไม่อยากจะโกหกหรอกนะ”
เอกายอมรับ ฝืนเท็จไปก็เท่านั้น อย่างไรก็ตาม มานิจับไต๋ได้อยู่ดี เขาดิ้นไม่หลุดอยู่แล้ว
“ก็มีบ้างน่ะนะ”
เอกาตั้งคำถามเพิ่มเติมด้วยความอยากรู้ทีเดียว
“อะไรที่ทำให้นายอยากมาที่เดิมแบบนี้หลายๆ ครั้งกัน”
ว่าต่อมา
“ฉันน่ะ มาครั้งเดียว --- แบบนานๆ ครั้ง พอให้หายคิดถึงก็พอแล้วน่ะ มานิ”
“นายจะไปรู้อะไร”
มานิมีอาการผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด และน้อยใจเอกาอยู่นิดๆ
อีกฝ่ายนั้นเงียบอยู่นาน เอการู้สึกท่าทีแปลกไปของมานิ เขาซึ่งยังไม่เอะใจนัก
“ฉันต้องรู้อะไรล่ะ”
เอกาย้อนถาม
“บอกฉันให้ได้รู้ก่อนสิ มานิ เผื่อฉันได้เข้าใจเหตุผลที่นายชอบมาที่นี่เอามากๆ”
อยู่ๆ มานิสาวเท้ายาวและเร็วขึ้นเรื่อยๆ ไม่คอยหลัง ทิ้งห่างจากเอกาหลายก้าว เกินกว่าตามทัน หากยังเดินทอดน่องอยู่อย่างนี้
“ทำไมต้องรีบขนาดนั้นด้วยล่ะ มานิ”
เอการ้องเรียก
“ที่นั่นน่ะ --- ไม่หนีนายก่อนนายไปถึงหรอกน่า มันไม่มีขา คลาน เลื้อย หรือกลิ้งตัว แม้แต่หายตัวแวบไปจากตรงนั้นได้ด้วยซ้ำ”
มานิไม่สนใจเสียงของเขาสักนิด ยิ่งทำให้ตนไม่สบายใจยิ่งขึ้นไปอีก
อีกฝ่ายแทบวิ่งหนีเขานึกขุ่นเคืองตลอดทาง
“นายเป็นอะไรของนายไปเนี่ย มานิ”
เอกายากรู้สึกตัวเดี๋ยวนี้
“ทำไมต้องเงียบใส่ฉัน แถมยังเดินเร็วด้วย เหมือนต้องการหนีห่างจากฉันอย่างไรอย่างนั้นแน่ะ”
มานิรับรู้ได้ ถึงไม่ได้หันหลังกลับมามอง เอการุดวิ่งตอนเดียวกับอีกฝ่ายจงใจไม่ให้เขาตามทันประชิดแผ่นหลัง
“รอฉันด้วยสิ”
เอกาไม่ชอบที่ตัวเขาเหมือนถูกทิ้ง
“มานิ ช่วยหยุดรอฉันก่อนไม่ได้หรือไงกัน --- นายเป็นอะไรไม่พูดกับฉันดีๆ ล่ะ ตั้งใจหนีฉันท่าเดียว ฉันจะเข้าใจนายไหม”
มานิเอี่ยวตัวกลับมาขณะวิ่งสุดฝีเท้าอยู่ แลบลิ้นปลิ้นตาใส่ แทนการต่อว่าให้รู้ว่ามีอารมณ์โมโห
เอกาเร่งฝีเท้า เขาสามารถตามทันอีกฝ่ายได้สบายๆ เหลือระยะห่างไม่เกินคว้าจับ
เขากระโดดโถมสุดตัว แขนข้างหนึ่งคว้าโอบรอบเอว แขนอีกข้างป้องศีรษะกันกระแทกพื้น เด็กหนุ่มรู้ก่อนล่วงหน้าแล้ว พวกเขาจะพากันล้มทั้งคู่ ตนได้รับบาดเจ็บไม่เท่าไร เขาทนไหว เอกาไม่ต้องการให้มานิบาดเจ็บหนักจากอุบัติเหตุที่ตั้งใจของเขาเอง
เอกากลับเป็นฝ่ายนอนหงายบนพื้น มีมานิในอ้อมแขนรัดแน่นทับตัว
มานิหัวเราะคิกคักนึกสนุก
“อย่าบอกนะ”
เอกาทาย
“นี่เรากำลังวิ่งเล่นไล่จับกันแบบเด็กๆ อยู่อีกน่ะ”
“เปล่าสักหน่อย”
มานิหน้าบึ้งตึง ผละตัวเองลุกพรวดพ้นจากเขา
เอกาไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายคิดหนีเขาไปอย่างไม่พูดไม่จาอีกแล้ว
เขาจึงคว้าตัวอีกฝ่ายแนบกระชับกาย
ไม่ทันพูดอะไรต่อจากนี้ มานิก็ตัวอ่อน ไร้ซึ่งเรียวแรงทรงตัว ไอเสียงดังอย่างหนัก ก้องสะท้อนในป่าเงียบสงัดรอบตัว
เอกาตื่นตระหนกสุดขีด กลัวในความเข้าใจเกี่ยวกับอาการเลวร้ายเพียงไรของมานิ
สายตาจดจ่อเชิงคำถามวิตก อีกฝ่ายแหงนหน้าขึ้นมาส่ายหน้าบอกไม่ถูกเฉกกัน
ของเหลวสีแดงบนฝ่ามืององุ่ม เอการู้สึกไม่สู้ดีอย่างยิ่ง
มันยังมีเปื้อนอยู่เหนือขอบปาก ไหลออกจากจมูก และหยุดแล้ว
ใบหน้าซีดเผือด แต่ยังยืนหยัดไหวด้วยความมุ่งมั่นทั้งปวง
“กลับหมู่บ้านเราก่อนไหม มานิ”
เอกาเสนอด้วยอารามวิตกกังวล
“ฉันไม่สบายใจเลย อย่างน้อยควรให้หมอยาชาอิดอิกผู้แม่นยำตรวจดูอาการของนายก่อนน่ะนะ”
มานิยืดตัวตรงแน่ว สูดหายใจลึกถึงปอด ยิ้มฝืนๆ ถูกคลี่แสร้งว่ากลับมาปกติดีแล้ว ทว่า คนตรงหน้าไม่ตายใจด้วยลูกเล่นตื้นๆ หากเอกาไม่สามารถปลดเปลื้องให้เบาลงจากความกลัดกลุ้มหนักอึ้งในใจนี้ได้
อีกฝ่ายใช้หลังมือปาดเลือดกำเดา เช็ดกับชายเสื้ออีกทีหนึ่ง
“ฉันดีขึ้นแล้วเนี่ย”
มานิรู้สึกกลับมามีเรี่ยวแรงจริงๆ
เอกาเตรียมอ้าปากแย่ง
อีกฝ่ายตัดบทเขาทันควัน
“อย่าพรากเที่ยวครั้งนี้ไปจากฉันเลยนะ เอกา”
มานิขอร้องอ้อนวอน มีหรือเขาจะไม่ใจอ่อนยอมเห็นใจ ชะล่าใจอาการไม่น่าไว้วางใจของอีกฝ่ายไปก่อน ไม่ประหวั่นถึงอาการที่อาจกำเริบ จนมันย่ำแย่มากไปกว่านี้ก็ได้เลย
เขาว่าง่าย แม้อยากเด็ดขาด
“ขอฉันไปถึงที่นั่นอีกครั้งนะ เอกา ก่อนที่แสงตะวันจะถูกอีธารากลืนกินกระทั่งหมด”
“ก็ได้”
เอกาหลับหูหลับตาตกปากรับคำใจสั่นร้อนรุ่ม
“เชื่อฉันสิ --- มันจะยังสวยงามหยดย้อยไม่สร่างเป็นแน่”
เด็กหนุ่มกลั้นใจ ปล่อยอีกฝ่ายไปต่อ โดยไม่ต้องพึ่งตนพยุง มิวายพะวักพะวนทุกๆ ก้าว จึงคอยระวังอยู่ข้างหลัง
มานิหันหลังมา
“ฉันไม่อยากพลาดด้วยทุกประการทั้งปวง”
ว่าจบคลี่ยิ้มกว้างสดใสและเจ็บปวดแอบแฝง ทำให้เอกาตระหนักได้ทันทีเลยว่า ไม่มีอะไรสวยงามน่ายลชมชั่วชีวิตเท่ากับรอยยิ้มในทุกๆ ครั้งที่มีความสุขสมของมานิแน่นอน ผู้เป็นที่รักสุดดวงใจของใคร มักงดงามหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบมิได้นักแล
ละอองระยิบระยับก่อตัวเป็นร่างมานิสลายกระจัดกระจาย แล้วจึงค่อยๆ จางหายกลางอากาศ
เอกามองร่างมรกตโปร่งแสงของตัวเอง อาจเป็นในอนาคตหายไปตามกัน
เด็กชายไม่แน่ใจนัก คนเราจะสามารถหยั่งรู้เรื่องราวยังไม่เคยเกิดขึ้นของตัวเองได้อย่างไร หรือถ้ามันไม่ใช่ของจริงมาตลอดล่ะ
เขาต้องกุมปริศนานี้อีกนานเมื่อไร ถึงจะได้รับความถ่องแท้ที่น่าเชื่อมั่นได้
กระนั้น เอกาถูกปลูกฝังความเชื่อถูกต้อง สัจธรรมของกาลเวลา ไม่มีวันถอยหลัง หรือลิขิตชะตาชีวิตใครล่วงหน้า หยั่งรู้ได้ก่อนกาลนั้นมาประจันตรงหน้า มีแต่เพียงการมุ่งหน้า ปราศจากสัญญาณแจ้งเตือน กระทั่งสิ้นสุด
ต่อให้อีธารามลายสูญ ไม่มีอะไรยับยั้งกาลเวลา เพราะมันอยู่เหนือทุกสิ่งอย่างมาแต่ไหนแต่ไร เอกาถามพ่อว่า ถ้าเราเคยทำสิ่งผิดพลาดมหันต์ไว้ในอดีตล่ะ เราจะสามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรให้ดีขึ้นได้ไหม พ่อส่ายหน้า
ตอบกลับมาว่า ไม่มีทางเลย เอกาลูกรัก แม้ใครๆ ก็อยากทำสิ่งปาฏิหาริย์นั่นได้ทั้งนั้น อยู่เหนือกฎกาลเวลาทั้งปวง เผื่อไว้ฉุกคิดทีหลังจากทำเรื่องไม่น่ายอมรับ ลองคิดดูสิ ชีวิตคนเราจะปั่นป่วน และยิ่งผิดพลาดกว่าเดิมหลายเท่าทีเดียวเชียว หากมัวเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับความถูกต้องเสียทุกกระเบียดนิ้วในอดีต เหมือนพวกย้ำคิดย้ำทำ
ดังนั้น อดีตเลวร้ายไม่ว่าจะมากหรือน้อยขนาดไหนก็คือบทเรียนที่ดีที่สุด ไว้ให้เราตระหนักเพื่อเตือนสติก่อนจะลงมือกระทำที่รู้ดีว่ามันจะนำพาความพลาดพลั้งกลับหาเราซ้ำแล้วซ้ำเล่ายังไงล่ะ สิ่งที่พ่อพูดไม่ผิดไปจากนี้นักหรอกนะ
เอกาได้ยินเสียงคล้ายกระดิ่งแว่วมาตามอากาศในอีธาราเงียบสงัด จะว่าลอยมาตามลมก็กระไรอยู่ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาในโลกกลับตาลปัตร เขาไม่เคยรู้สึกถึงสายลมตามธรรมชาติจริงๆ สักระลอกเดียว
ยังมองไม่เห็นที่มาของแหล่งกำเนิดเสียง กระดิ่งที่ว่า น่าจะประสานเสียงจำนวนมาก ละแวกๆ นี้เป็นแน่
เขาสันนิษฐาน
และรู้ได้ทันที เสียงกระดิ่งเป็นระยะๆ พวกมันส่งเสียงมาจากอะไร
ย่าอาเร่ของเอกาเคยเล่าอ้างเกี่ยวกับตำนานดอกกระดิ่งทรงจำ
อิลานาคือเทพีและเทพเจ้าแห่งอุดมสมบูรณ์ ชีวิต และการเจริญเติบโต หรือวัฏจักรแห่งชีวิต เวียนว่ายตายเกิด ณ อีธารานิรันดร์
เธอหรือเขาหย่อนเมล็ดพันธุ์ดอกกระดิ่งทรงจำนี้ลงในดินสักแห่งของอีธารา เนื่องจากสิ่งมีชีวิตถือกำเนิดจากอิลานา ไม่สามารถดำรงชีพดั่งอมตะเสมอเหมือน เช่นสิ่งมีชีวิตถือกำเนิดจากเทพีและเทพเจ้าอีธารา เพราะปฐพีเป็นสิ่งที่จะอยู่ชั่วกัลปาวสาน ไม่มีการผลัดเปลี่ยนแทนที่ เฟนเนกถือว่าคลอดจากอิลานา
เมื่อถึงคราหมดอายุขัยของตน ชีวิตเฟนเนกเปรียบเสมือนเมล็ดพันธุ์เม็ดเดิม ถูกนำฝังลงดินอีธาราอีกครั้ง มันค่อยๆ เจริญเติบโตขึ้นใหม่ อย่างผู้บริสุทธิ์ปราศจากทุกสิ่งเคยผ่านมาในช่วงชีวิตเก่า หากต้องการจดจำทั้งหมดของการมีชีวิตเก่ามาอย่างไรได้อีกครา เสียงกรุ๋งกริ๋งและเสียงฮัมอิลานาเพรียกหา ท่องหาดอกกระดิ่งความทรงจำเพื่อกิน แล้วความทรงจำจากทุกยุคทุกสมัย ซึ่งมันมีชีวิตดำรงอยู่นั้นๆ จดจำทุกสิ่งอย่างได้เป็นอย่างดี
เอกาเร่งฝีเท้าแทบกึ่งวิ่ง เสียงฮัมคลออันเสนาะเย็นยะเยือกของสตรีผู้หดหู่ทั้งแสนสุขระคนกัน ขับผสานมากับลมต้องกระดิ่ง
“ย่าอาเร่ของฉันเคยเล่านิทานให้ฉันฟังมาก่อน”
เอกาคุยกับเจ้าหางก้อน
มันสดับรับฟังเขาสนใจทีเดียว ถึงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาชัดเจน
“เสียงดอกกระดิ่งทรงจำ มันอาจเกี่ยวข้องอะไรกับฉันแน่นอน ฉันรู้สึกถึงมันได้ เหมือนมีบางอย่างที่มันหายไปจากฉัน ที่สำคัญเลย ฉันค่อนข้างไม่แน่ใจเท่าไรนัก ว่าสิ่งที่จำไม่ได้เคยหลงลืมอะไรไปบ้าง”
แมลงปอเขียวพืชขจี กะพริบแสงสว่างในตัวมันเองวูบวาบ ทุกๆ วินาทีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อาจเป็นลางบอกเหตุถึงบางอย่าง ต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อนล่วงหน้าอย่างไรอย่างนั้น
“ฉันได้ยินเสียงฮัมไพเราะจากอิลานาด้วย”
เขาบอกต่อ
“เธอเป็นผู้ปลูกดอกกระดิ่งทรงจำ ฉันว่ามันก็แค่เรื่องเล่าปรัมปรา ไม่มีอยู่จริง แต่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง ที่มันมีอยู่จริงตามตำนานเล่าขานสืบทอดต่อกันมาช้านาน พวกมันเกิดไม่เป็นหลักแหล่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะงอกงามห่างหูห่างตามนุษย์น่ะนะ --- แต่เจ้าแมลงปอตัวนั้นเป็นอะไรไปกัน เจ้าหางก้อน มันแลดูไม่ค่อยดีเท่าไรเลย”
แน่นอนว่าเอกาย่อมไม่มีวันได้คำตอบอะไรก็ตามจากมัน
ครั้นยิ่งเข้าใกล้มากขึ้น เสียงลั่นกระดิ่งจากดอกกระดิ่งทรงจำยิ่งดังชัดเจน
เสียงฮัมเพลงจังหวะสูงต่ำของอิลานา กลับทำเอกาสะดุ้งโหยงตัวโยน ผงะถอยหลังสองสามก้าว
มันคือเสียงกรีดร้องโหยหวนทรมานสุดแสน เขาเคยได้ยินจากปล่องดอกไม้เสื่อมโทรมจุดแรกตื่น
ชวนหวาดผวาและลึกลับ เสียงหวีดขนพองสยองเกล้ามาจากไหน
เอกาได้เห็นมันกับตาตัวเอง กระนั้น เขาไม่ตื่นตา ไม่เหลือใครที่เขานำกลับไปบอกเล่าภูมิใจเสนอให้ได้รับฟังแล้ว โดยเฉพาะมานิ พ่อแม่ หรือเพื่อนเล่นคนอื่นๆ ของเขา
ดอกกระดิ่งทรงจำสีทองอร่าม คล้ายเส้นด้ายอรุณรุ่งพาดขอบฟ้า
พวกมันนิ่งสงบไม่ไหวติง เสียงสั่นดังหลอกลวงมาจากข้างในกลีบใบ เรียงรายเป็นวงก้นหอยสามจุดใหญ่ๆ บัดนี้ดอกกระดิ่งทรงจำกลายเป็นสีแดงฉาน
“ฉันอยากให้นายมาเห็นกับตาตัวเองด้วยกันจัง”
เอการำพึง ขณะเข้าใกล้หนึ่งในกลุ่มดอกกระดิ่งทรงจำถูกความเสื่อมโทรมครอบงำ
“มานิ --- แม้สีของพวกมันไม่ได้น่าชมเท่าก่อนหน้านี้”
ใบหูเจ้าหางก้อนสีกับขากางเกงเขา
แมลงปอนั่นลอยค้างอากาศตรงกึ่งกลางระหว่างกลุ่มดอกกระดิ่งทรงจำวงก้นหอยทั้งสาม
เอกาก้มมองเจ้าหางก้อนเงยมองตนตอบ เขาคืบหน้าเข้าใกล้ดอกกระดิ่งทรงจำวงก้นหอยหนึ่งในสาม ต่อให้เอามืออุดหูก็ไม่ช่วยอะไร เหมือนเสียงกรีดร้องพรั่นพรึงดังระงมอยู่ในหัวของเขามากกว่า
เด็กชายจะหยุดมันได้อย่างไร
เอกาลองใช้แท่งหินแก้วบริสุทธิ์ยอดหอก ปักลงตรงจุดศูนย์กลางดอกกระดิ่งทรงจำวงก้นหอยทั้งสามตำแหน่ง ซ้ายสุดที่แรก เหล่าดอกกระดิ่งกลุ่มนี้เปลี่ยนกลับมาเรืองแสงสีทองดั่งเดิม ลวดลายเกลียวคลื่นเลื้อยรอบด้ามหอก คราวนี้ปรากฏส่องแสงสีทองวูบหนึ่ง แล้วเป็นสีขาวอีกครั้ง
เขาไล่ปักหัวหอกคว่ำจมดินอีกสองจุด ดอกกระดิ่งวงก้นหอยตรงกลางข้างบน เลยแมลงปอตัวนั้นถัดขึ้นไป สุดท้ายทางฝั่งขวามือ มีเส้นแสงสีเหลืองลากโยงแต่ละจุดเชื่อมกัน เป็นรูปครึ่งวงกลมขนาดใหญ่บนพื้นดิน คล้ายพระอาทิตย์ไม่กำลังขึ้นก็ตกดินอยู่เป็นแน่
บางอย่างกำลังบอกเล่าเกี่ยวกับอัสดงของเอกา
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนับจากนี้ เด็กชายครุ่นคิดหนักอยู่สักพักใหญ่ ปริศนาตรงหน้าขาดอะไรที่สลักสำคัญไป
สายตาพลันหยุดลงแมลงปอมรกตโปร่งใสวิบวับถี่เกินเหตุ
เอกากำหอกในมือขวาแน่นขึ้น ปรายตามองยอดหอกเรืองรอง
เขาเคยใช้ยอดหอกต้องตัวมันมาก่อน ครั้งนี้น่าจะเช่นเดียวกัน
ยอดแหลมคมของแท่งคริสตัลแข็งแกร่งแตะส่วนท้ายลำตัว
เด็กชายดึงหอกกลับเข้าหาตัวทันควัน ด้วยอารามตกตะลึงงัน
รังสีสีส้มอัสดงอบอุ่นแผ่ออกจากแมลงปอตัวนั้นทุกทิศทาง
ลำแสงสีทองอันเจิดจ้าลุกวาบบาดตา จนเอกาต้องเบือนหน้าหนี พลางหลับตาปี๋ มันแผดเผาประตูปราการเถาไม้หนามยักษ์ ปิดบังทางลาดนำขึ้นไปสู่สถานที่ที่เรียกว่า --- ยอดผาอัสดงสายลมใต้

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา