21 ธ.ค. 2022 เวลา 03:30 • นิยาย เรื่องสั้น
ความรักของเอกา (5)
เขาสัมผัสได้ถึงความคุ้นเคยในกาลครั้งหนึ่ง ที่แห่งนี้มันมีความหมายสลักสำคัญกับเขาเสมอมา
ที่ที่มานิใคร่หลงใหลเป็นอย่างยิ่ง ขอให้เขาพามาที่นี่อยู่หลายครั้ง เมื่อสบโอกาสจึงขอ มีหรือเขาจะปฏิเสธคำเรียกร้องนั้น เขาไม่มีวันใจร้ายกับคนที่มีความหมายต่อหัวใจได้ลง
เอกาเห็นความตื่นตาตื่นใจทุกๆ ครั้ง อย่างกับเด็กเล็กได้ของเล่นเป็นของขวัญชิ้นเดิมๆ แต่ใหม่สำหรับอีกฝ่ายร่ำไป
อะไรกันที่ทำให้มานิไม่เบื่อหน่ายจะมาเยือนสถานที่แห่งนี้เลยนะ
เขาเดินรั้งท้ายมาตลอดทางกระทั่งถึงจุดหมายปลายทางแล้ว กลับกลายเป็นว่ามานิเป็นคนพาเขามาแทน แทบบอกได้เลยว่า หลับตาเดินอย่างไรก็ไม่มีทางหลงแน่นอน
"ฉันชอบช่วงเวลาอัสดงที่นี่มากๆ เลยนะ เอกา"
มานิสูดหายใจเฮือกใหญ่พึงพอใจ ตำแหน่งเดิมที่พวกเขามักมานั่งตัวติดกัน ใช้โขดหินใหญ่พิงหลัง แขนของเขาโอบไหล่
"ฉันก็ชอบ"
เขาเห็นพ้อง
"เหมือนกันนะ"
"นายดูเหมือนหมดความชอบไปแล้วมากกว่า เอกา"
อีกฝ่ายช่างสังเกต
จนเอกาโกหกได้ไม่เนียนเสียแล้ว
"ก็ไม่ได้เสียทั้งหมดนิ"
เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนากะทันหัน มันคือสิ่งที่รบกวนจิตใจของเขามาโดยตลอด แม้จะยังสับสน ปมปริศนาขัดข้องใจที่ไม่มีวันถูกเฉลย เขาเกลียดความรู้สึกค้างคายากจะสลัดทิ้งนี้มาก และคอยปลอบประโลมจิตใจให้เป็นปกติ ด้วยคำง่ายๆ ที่แสนยากนี้ว่า...ไม่มีอะไรเลวร้ายสำหรับมานิหรอกน่า เอกา
"อาการป่วยของนายเป็นอย่างไรบ้าง มานิ"
มานิกัดริมฝีปากล่าง ก้มหน้ามองพื้น สีหน้าหมอง นัยน์ตาสะท้องแสงสีส้มยามเย็นหม่นลง เอกาตระหนักว่าทำเสียบรรยากาศงดงามให้จืดจางลง อีกฝ่ายมีความไม่แน่นอนใจเสียยิ่งกว่าเขาเป็นไหนๆ
"มันเป็นๆ หายๆ บางครั้งก็กำเริบหนักถึงขั้นอ่อนเพลีย ต้องนอนติดเตียงเป็นวันๆ ไม่เป็นอันทำอะไรเลย"
มานิอธิบาย
"ฉันเองก็ไม่เข้าใจมันเท่าไรน่ะนะ เอกา"
ก็รีบกล่าวปัด
"แต่ก็ช่างมันปะไร อย่างน้อยๆ ตอนนี้ฉันก็ยังรู้สึกสบายดีหายห่างเลยแหละ"
เอกาไม่อาจเห็นพ้องด้วยได้ ยิ่งฟังที่อีกฝ่ายพูดจบ
"มันเป็นเพราะอะไรนายรู้ไหม"
เขาเอ่ยถาม
"หมอยาชาอิดอิกได้บอกถึงสาเหตุของโรคที่เป็นกับนายไหม"
มานิส่ายหน้า
"เขาเองก็ไม่แน่ชัดตั้งแต่คอยเฝ้าดูอาการปู่ของฉันอย่างต่อเนื่อง"
อีกฝ่ายเล่า
"ปู่ของฉันเสียไปตั้งแต่พ่อเพิ่งจำความได้ เขามีโรคประจำตัวแบบเดียวกันกับฉัน มันค่อยๆ เติบโตและกัดกินข้างในร่างกาย ทีแรกไม่รับรู้ถึงอาการของโรคนี้ พอปล่อยปละละเลยนานวันเข้า จนอาการเริ่มสำแดงเป็นที่ประจักษ์ถึงอาการป่วยเริ่มออดๆ แอดๆ อย่างไม่รู้สาเหตุที่มาของโรคเจ็บไข้นี้ เขาสันนิษฐานว่ามันอาจติดต่อทางสายเลือด"
"แต่พ่อนายแลดูแข็งแรง"
เขาแย้ง
"ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจเป็นเพราะภูมิคุ้มกันตั้งแต่ฉันเกิดมาต่ำ แม่ครรภ์ก็เคยพูดไว้เช่นนั้น ให้แม่ของฉันระวังเรื่องการเจ็บไข้ได้ป่วยของฉันเป็นอย่างดีที่สุด สภาพร่างกายฉันไม่แข็งแรงปกติเหมือนคนอื่นๆ เป็นโรคอะไรมาก็จะหนักหนากว่าคนที่มีภูมิคุ้มกันปกติดี"
มานิเสริมเรื่องราวที่เอกาไม่เคยรับรู้มาก่อน
"ฉันคงเริ่มกลายเป็นคนอ่อนแอแล้วจริงๆ สินะ"
"นายไม่มีทางอ่อนแอหรอก"
เอกาให้ความเชื่อมั่น เพื่อเสริมสร้างกำลังใจอีกฝ่ายรู้สึกดี รู้สึกย่ำแย่ไป ยิ่งส่งผลกระทบต่อโรคร้ายที่เขาเป็นถูกบั่นทอน ซึ่งเหมือนเป็นการเร่งเวลาลุกลามให้เร็วและหนักข้อกว่าเดิม
"เราไม่พูดถึงเรื่องนี้กันแล้วดีกว่า"
เขาเห็นด้วยอย่างยิ่ง ช่างอึดอัดราวกับโลกใบนี้กลายเป็นพื้นที่ในกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ
"ทำเสียบรรยากาศสวยงามของที่นี่ไปหมดเลยแน่ะ"
มานิย้อนถามก่อนหน้า
"จริงหรือ"
มานิเกริ่นคำถาม
"ที่นายบอกว่าไม่เสียทั้งหมด"
"ก็ตามนั้น"
เอกายอมรับตามตรง
"มันคือความจริงแน่นอนล่ะ ฉันยังคงหลงรักสถานที่นี้เหมือนทุกๆ ครั้งที่มาเที่ยว---"
อีกฝ่ายโพล่งขัดจังหวะ เขายังเอื้อนเอยไม่จบประโยคดี
"เห็นไหมล่ะ"
"เห็นสิ"
เขาก้มมองใบหน้าอิ่มสุข ขณะสายตาคู่นั้นเอาแต่ทอดมองตรงไปยังดวงอาทิตย์ อีกไม่นานมันก็จะลาลับขอบฟ้าไปในที่สุด
"ตรงหน้าฉันเลย --- เพราะสถานที่นี้มักมีนายอยู่ด้วยกันเสมอ มานิ เป็นสิ่งอันลงตัวกันอย่างไม่ต้องสงสัย เนื่องจากนายนั่นเอง ที่ไม่เคยทำให้ความสวยงามของที่นี่ไม่ลดน้อยลงไปเลย
มานิละสายตาจากตะวันอัสดง มองเข้ามาในดวงตาเขาสะกดนิ่งไม่ไหวติง
"ฉันอยากให้นายรู้ไว้นะ เอกา"
"ฉันต้องรู้อะไรหรือ"
เอกาเฝ้ารอคำตอบอย่างมีความหมายนี้
"ว่าสถานที่แห่งนี้มีความหมายกับฉันมากๆ เลยนะ"
มานิบอก
"ที่ฉันอยากให้นายจดจำมันไว้ว่าฉันเคยพูดสิ่งนี้กับนายที่นี่โดยเฉพาะเจาะจง เป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันอยากมาที่นี่บ่อยๆ"
"นายถึงไม่เคยเบื่อที่จะมาที่นี่เลยสินะ"
เขายิ้มกริ่ม
"ใช่"
อีกฝ่ายยืนกรานด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
"ฉันมักคิดเข้าข้างตัวเองเสมอ ว่านายก็จะไม่เบื่อหน่ายมาเที่ยวสถานที่นี้เหมือนฉันน่ะนะ"
เอการู้สึกผิดท่วมท้นใจ ทำให้ความหวังของมานิสลาย
"ความสุขของนายอยู่ที่นี่"
เขาเอ่ย
"ไม่ว่าที่ไหนๆ ที่ทำให้นายมีความสุขในชีวิตได้ ฉันพานายไปได้ไม่ว่าจะใกล้ไกล"
"ความสุขของฉันไม่ได้อยู่ที่นี่ที่เดียวสักหน่อย"
มานิแก้ต่าง
"ความสุขของฉันอยู่ทุกที่ที่มีนายต่างหาก ทุกๆ สถานที่ที่นายมั่นใจจะทำให้ฉันมีความสุขได้ ฉันก็มีมันมากมายก่ายกองเลยแหละ ขึ้นอยู่กับนายเสมอมา ฉันรู้สึกว่าชีวิตฉันโชคดีที่สุดแล้วที่มีนายเข้ามาใกล้ชิด ไม่ว่าชีวิตของฉันจะแสนสั้นหรือยาวไกล ฉันก็พอใจที่สุดแล้ว ---"
"แต่ฉันไม่"
เอกายิ่งไม่สบายใจกับคำพูดอันเป็นลางสังหรณ์นี้เลย
"ระหว่างเราจะอยู่ไปด้วยกันไปอีกนานๆ สิ มานิ เมื่อขาดใครสักคนที่เป็นตัวแทนความสุขในชีวิตไป ชีวิตคนที่เหลืออยู่จะมีความสุขต่อไปได้อย่างไรกัน"
"นั่นสินะ"
อีกฝ่ายตระหนักขึ้นมาได้
"ฉันสัญญากับนายนะ เอกา"
มานิชูนิ้วก้อยขึ้นตรงหน้าเขา
เอกาเกี่ยวก้อย
"ฉันก็สัญญากับนายเหมือนกัน มานิ เป็นสัญญาในรอบที่สองของฉัน หากอนาคตของเราจะยังมีสัญญาเกิดขึ้นอีก ฉันก็ยังคงยืนกรานสัญญาไปตลอดชีวิตของสองเราน่ะนะ"
ศีรษะของอีกฝ่ายอิงแอบแนบกับบ่ากว้างเขา
"ความหมายสำคัญของที่นี่สำหรับฉันตั้งแต่ครั้งแรกมา"
มานิกล่าวความในใจ
"คือนายนะ เอกา --- ที่นี่ทำให้มีความหมายสำหรับนายมากน้อยแค่ไหนกัน"
"มากทีเดียว --- มากล้นเลยด้วยแหละ"
เอกาอยากพูดประโยคนี้มาตลอด
"มากมายเสมอมาเลยแหละ ไม่มีเคยน้อยลงเลย สถานที่นี้ทำให้ฉันรู้สึกรักนายสุดหัวใจน่ะ มานิ"
มานิยกศีรษะขึ้น เงาดำของกันและกันสะท้อนบนกระจกตา
เอกาโน้มใบหน้าเล็กน้อย หน้าผากทั้งสองแนบประกบกันเนิ่นนาน อย่างกับชั่วนิรันดร์ในเวลาหยุดนิ่ง
เอกานั่งคุกเข่าสองข้างอยู่ที่หน้าผา เจ้าหางก้อนเกยคางอยู่บนหน้าขาของเขา
เขาลูบหัวมันแทนทุกความรู้สึกที่มีในใจ
เด็กชายปราศจากข้อกังขาสิ้น ทั้งหมดทั้งมวลคือความทรงจำตราตรึง ณ กาลครั้งหนึ่ง เป็นไปไม่ได้จะเกิดขึ้นหลัง มันเกิดขึ้นมาก่อน ไม่รู้ว่าที่ตรงนี้นานเท่าไรแล้ว
ตอนนี้เอกายังคงได้แต่เฝ้าถามคำถามเกี่ยวกับมานิว่าเกิดอะไรขึ้นกับอีกฝ่ายกันแน่นะ
คำตอบที่ต้องรอคอย ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้รับมันมาตอนไหน
แม้จะร้อนใจ เขาก็ทำอะไรได้ดีไปกว่านี้ไม่มาก
"ก่อนหน้านี้"
เขาพูดกับสุนัขจิ้งจอกขาวคู่กาย
"และฉันก็ได้เห็น ว่าทำไมเราถึงต้องมา ณ สถานที่นี่แห่งนี้กัน แล้วทำไมมันถึงเป็นอัสดงของเอกา"
รอยยิ้มอิ่มเอมกับความปีติเต็มอก พออกพอใจได้ประมาณหนึ่งแล้ว บางอย่างที่ขาดหายหวนคืนได้ในที่สุด
แม้ลึกๆ แล้วในก้นบึ้งของจิตใต้สำนึกว่ามีสิ่งที่หายไปจากเขามากกว่าอีกเยอะ
"เพราะ --- ความรักของเราเกิดขึ้นที่นี่น่ะ เจ้าหางก้อน"
เอกาก้มมองเจ้าหางก้อน ที่เงยหน้าขึ้นมาสบตาจังหวะเดียวกัน
"รักแท้ที่เราสองคนค้นพบและยินดีมอบให้กันและกันไว้ เปรียบเสมือนคำมั่นสัญญาเลยน่ะนะ"

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา