10 ธ.ค. 2022 เวลา 00:00 • ธุรกิจ
เมื่อวาน วันนี้ และพรุ่งนี้
ของกองสลากพลัส
คุณนอท เริ่มธุรกิจออนไลน์มา 10 กว่าปีแล้ว ทำมาหลายอย่างมาก ทำ web ขาย ขาย Ads Banner โฆษณาใน รวมถึงการเป็น Amazon Affiliates ตั้งแต่ช่วงปี 2010 เรียกว่า เป็นผู้มาก่อนกาลในวงการออนไลน์มากๆ หลายอย่างที่คุณนอททำจนเลิกไปแล้ว พึ่งจะมาเป็นที่นิยมแพร่หลายในช่วง 1-2 ปีนี้ เช่นโมเดลของ Affiliates
จนวันนึง ขณะที่ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยกำลังวุ่นวายเรื่องโควิด ทุกคน ทุกอาชีพ ถูกบังคับให้อยู่บ้าน ออกมาใช้ชีวิต ทำมาหากินไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ออฟฟิศ พ่อค้าแม่ค้าริมทาง และรวมถึงคนขายล็อตเตอร์รี่
คุณนอทมองเห็นโอกาสตรงนี้ว่า ความต้องการซื้อล็อตเตอร์รี่ยังไงก็ไม่มีวันหมด แต่วันนี้หาซื้อไม่ได้ ก็น่าจะขายบนออนไลน์ได้ และอีกสาเหตุนึงก็คือ คุณนอทก็เป็นอีกคนที่มีคำถามมาตลอดว่า ทำไมคนเราจะขายล็อตเตอรรี่เกินราคาที่กำหนดตลอด จึงเป็นที่มาของการทำล็อตเตอร์รี่ออนไลน์
ธุรกิจล็อตเตอรี่ออนไลน์ เดิมใช้ชื่อว่า กองสลาก .com ซึ่งที่มาของชื่อนั้น คุณนอทบอกว่าคิดได้ง่ายมากจากการที่ตัวเองมีประสบการณ์ในการทำ SEO มายาวนาน จึงรู้ดีว่า
1. ถ้าพูดถึงชื่อที่คนจะนึกถึงมากที่สุดเกี่ยวกับล็อตเตอรี่ จะมีชื่ออะไรดีไปกว่ากองสลาก
2. แต่ในความจริง ชื่อ กองสลาก นั้นเป็นเพียงชื่อที่คนเรียกกันและไม่มีใครเป็นเจ้าของ (ชื่อทางการคือ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล) คุณนอทผู้จึงยึดชื่อนี้มาเป็นของตัวเองได้อย่างเนียนๆ
เจอมุมนี้เข้าไป ผมยอมแพ้แล้วหนึ่ง
ในช่วงเริ่มต้น คุณนอทตั้งกลุ่มเป้าหมายลูกค้าว่าเป็นคนจน ผู้มีรายได้น้อย อยู่ตามต่างจังหวัด อยากรวย ซึ่งเป็นคนส่วนมากของประเทศ จึงทำแบรนด์และเปิดตัวทำนองสามช่า ร้องเพลงสไตล์พี่แอ๊ด คาราบาว เพราะเชื่อว่าจะเป็น music marketing ที่ช่วยสร้างแบรนด์ได้อย่างรวดเร็ว
ผลปรากฏว่า แป๊กครับ
คุณนอทเล่าว่า หลังจากเปิดตัวได้ไม่นาน สิ่งหนึ่งที่คุณนอทให้เวลาอย่างมาก คือการลงไปคุยกับลูกค้า ทั้งคนล็อตเตอรี่ และคนขาย และสิ่งที่ได้เจอความจริงที่ว่า ทุกอย่างที่ตัวเองเข้าใจมาตลอดนั้นผิดจากความจริงไปเยอะ เมื่อลงรายละเอียดจริงๆ จึงพบว่า คนที่รอเลขที่ออกทุกวันที่ 1 และ 16 นั้น แม้จะรอเลขพร้อมกัน เลขเดียวกัน แต่ลักษณะของคนที่รอนั้นต่างกันชัดเจนมาก
คนที่ซื้อล็อตเตอร์รี่ คือคนที่ซื้อเพราะแค่อยากจะเอาชนะ อยากมีความสุขเพราะถูกรางวัล ไม่ได้หวังรวย และที่สำคัญคืออยู่กรุงเทพและตามเมืองใหญ่เป็นส่วนมาก มีเงินในมือระดับนึงที่จะกล้าซื้อล็อตเตอรรี่ใบละ 90-100 บาท เพื่อลุ้น ซื้อล่วงหน้าไหน ก็มีความสุขไปนานเท่านั้น น้อยมากที่จะซื้อเพราะหวังว่าตัวเองจะถูกรางวัลที่หนึ่ง
แต่กับคนต่างจังหวัด เค้าจะเล่นหวยใต้ดิน โดยเฉพาะถ้าเทียบอัตราส่วนปริมาณเงินสะพัดระหว่างการเล่นหวยใต้ดินกับปริมาณล็อตเตอร์รี่ หวยกินขาดไม่รู้กี่เท่า และการเล่นหวยนั้นตรงจริตกับคนต่างจังหวัด คือเล่นทีกี่บาทก็ได้ ไม่มีขั้นต่ำ ดังนั้น หนึ่งร้อยบาทของล็อตเตอรรี่ คนซื้อจะได้เลขเดียว แต่อาจจะเอาไปซื้อหวยได้ 10 เลข
เห็นความต่างไหมครับ
นี่คือสาเหตุที่ทำให้ กองสลาก .com ไม่ประสบความสำเร็จ
ไม่ใช่ว่าไม่เก่ง แต่เป็นเพราะคุณนอทยังไม่เข้าใจลูกค้า
จึงตีความและกำหนดทิศทางการทำงานไม่ตรงกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการ
คุณนอทสรุปด้วยประโยคที่ผมชอบมากว่า
"ถ้าเมื่อไหร่ที่เราเข้าใจลูกค้า เราจะไม่หลงทางอีกเลย"
การดูแลลูกค้า กองสลากพลัสมีจัดลูกค้าไว้เป็น 3 ระดับ
ลูกค้าทั่วไป ลูกค้า VIP ลูกค้า Platinum (ชื่อเรียกระดับลูกค้า อาจจะผิดนะครับ ขออภัยด้วย) ฟังดูก็คล้ายๆ กับที่หลายธุรกิจทำ
แบบทั่วไปที่เราเจอคือ ยิ่งลูกค้าระดับยิ่งสูง ยิ่งจะได้สิทธิพิเศษที่มากกว่า (ซื้อมากก็ได้รับสิทธิมาก)
แต่ของกองสลากพลัส ไม่ใช่ครับ
คุณนอทบอกว่า ลูกค้า 3 ระดับของเรา ได้สิทธิพิเศษทุกอย่างเหมือนกัน
แต่จะได้รับการดูแลต่างกันเวลาที่เกิดปัญหา
คิดแบบนี้ ผมว่าก็ดี
ตอนเสียเงิน คนซื้อไม่รู้สึกตัวเองโดนลดความสำคัญ ฉันได้เท่าคนอื่น
แต่ถ้าเกิดปัญหา ก็จะโวยวายยากหน่อย เพราะได้สิทธิพิเศษเท่าคนอื่นไปแล้ว
และที่สำคัญคือ คุณนอทบอกว่า กองสลากพลัสจะ "เอาเวลาไปสนใจกับลูกค้าที่พร้อม และเลิกสนใจลูกค้าที่ไม่พร้อม" เพราะคนที่ไม่พร้อม ยังไงก็ไม่พร้อม เราต้องให้เวลาลูกค้าเข้าใจในสิ่งที่เราทำก่อน เมื่อพร้อมแล้วค่อยเข้าไปดูแล ถ้าเรามัวแต่สนใจคนที่ไม่พร้อม เราจะไม่มีเวลาดูแลลูกค้าที่พร้อมเลย
สำคัญมากกว่าเราต้องดูแลลูกค้าให้ดีที่สุด เพราะลูกค้าที่ดี จะเป็นเซลล์ให้เราเอง
หลังจากนั้นมีการรีแบรนด์ใหม่ เกิดเป็นกองสลากพลัส (ซึ่งผมไม่แน่ใจถึงที่มาของชื่อใหม่ ว่าเอามาจากไหน)
มาคราวนี้ เน้นกรุงเทพก่อนเป็นหลัก สื่อต่างๆ อัดเต็มที่ๆ ในกรุงเทพเพื่อยึดความเป็นที่หนึ่งให้ได้
เราก็เลยเห็นบิลบอร์ด กองสลากพลัสเต็มเมืองไปหมด พร้อมกับข้อความ ลอตเตอร์รี่ออนไลน์ต้องกองสลากพลัส
อีกเรื่องที่คุณนอทเล่าให้ฟัง คือในมุมของการทำสตาร์ทอัพ
สิ่งที่ต้องเตรียมใจรับมือเลยคือ กฎหมาย
เรากำลังทำงานที่ไม่เคยมีใครรู้ว่ามันเป็นอย่างไร
ไม่เคยมีกฎ ระเบียบใดมาระบุว่า อะไรถูก อะไรผิด
ความคลุมเครือเลยเต็มไปหมด ใครจะทำสตาร์ทอัพ ให้เตรียมใจเรื่องนี้ไว้ด้วย
คน คือเรื่องที่คุณนอทบอกว่าจัดการยากที่สุด
คุณนอทบอกว่า การไล่ออกคือวิธีแก้ปัญหาเรื่องคนที่ดีที่สุด ใครทำงานไม่เต็มที่ ไล่ออกไปเลย
ไล่ออกทีเดียว 80 คน ยังทำมาแล้ว
อย่ากลัวว่าจะไม่มีคนทำงานแทน ยังไงก็หาได้ หาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหาคนที่เหมาะกับเรา
สร้างวัฒนธรรมของการ work hard pay hard ทำความเข้าใจกันตั้งแต่แรกก่อนร่วมงานกัน
คุณนอทให้ความสำคัญกับงานการตลาดมาก โดยย้ำว่า แผนกการตลาด เป็น หนึ่งในแผนกที่ต้องมีเป็นของตัวเอง อย่าเอาเงินเราไปให้คนข้างนอกไปใช้ทดลองหาความรู้ทางการตลาด ถ้าจะลองทำอะไร ก็ลองด้วยตัวเอง และการฆ่าคู่แข่ง คือการทำการตลาดที่ดีที่สุด ถ้าเรามาใช้คนของเรา เราจะไปฆ่าคนอื่นได้ยังไง
มีคำถามจากคนฟังถามว่า ทำยังไงถึงจะสู้ได้สุดใจ ไม่ยอมแพ้
คุณนอทบอกว่า มีวิธีเดียว คือเดิมพันด้วยทรัพย์สินทั้งหมดที่มี ที่เรียกว่า All-In
ได้เป็นได้ พังเป็นพัง แบบนี้แหละสู้ตายแน่นอน
ใครกู้ธนาคารมา จะสู้แต่ไม่สุดตัว เพราะจะคิดแค่ว่าหาเงินไปจ่ายดอกเบี้ยได้ก็พอแล้ว
มีอีกคำถามว่า ถ้าต่อไปมีคู่แข่งคนอื่นเข้ามาในตลาด จะทำยังไง
คุณนอทบอกว่า ยังไม่คิด เพราะมันยังไม่ถึงวันนั้น ก็เลยไม่รู้จะคิดไปทำไม
เอาเวลามาโฟกัสงานปัจจุบันก่อนดีกว่า ว่าทำการตลาดดีรึยัง
ไปหาไปคุยกับลูกค้ามากพอหรือยัง
เมื่อวานมันผ่านไปแล้ว พรุ่งนี้ก็ยังมาไม่ถึง
ทำวันนี้ให้เต็มที่ก่อนดีกว่า
นอกนั้นก็เป็นคำแนะนำเรื่องการทำการตลาดในด้านอื่นๆ
- มี product ที่ดี ก่อนทำ CEO branding
- เลิกยิงแอดได้แล้ว เพราะมันง่าย เมื่อมันง่ายแปลว่าคนอื่นทำได้ เราจะเหนื่อย
- เลิกสร้างตัวตน เอาเวลามาสร้าง Product
- YouTuber บางคนสร้างตัวเองขึ้นมาเพื่อ entertain ไม่ใช่เพื่อขายสินค้า คิดให้ดีก่อนจ้าง
- ทุกคนควรมีเว็บของตัวเอง และเว็บต้องมีปุ่มกดสั่งซื้อสินค้า
- คอนเทนต์ที่ดีที่สุดคือคอนเทนต์ที่มาจากคนข้างล่างเพราะคนส่วนมากจะเข้าถึงได้ง่าย
ทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่คุณนอทเล่าให้ฟัง
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับข้อคิดดีๆ ครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา