7 ธ.ค. 2022 เวลา 02:37 • ปรัชญา
เพราะเราอาศัยอยู่ในกาย กายที่มีความสมบูรณ์พร้อม กายที่ไม่คงที่ กายที่มันหิวกระหาย หิวน้ำหิวนม ..ออกมาจากท้องแม่ ก็ร้องกระเว้ๆ ร้องให้คนป้อนข้าวป้อนน้ำ พ่อแม่ก็ช่วยส่งนมส่งน้ำป้อนให้ ไม่ดูดไม่กิน..ก็ไม่รอด พอมีกายมันก็มีสัญชาตญาณ ช่วยตัวเอง .หิวก็กิน โตขึ้น..ก็เริ่มเรียนรู้จัก พูดได้ ..ก็เรียกร้อง ขอกิน ขอของเล่น ก็รู้สึกสนุกสนาน ..โตขึ้นมาอีก โลกก็เจ้า เริ่ม..โกหกเป็น หลอกเป็น ก็ค่อยๆ เรียนรู้จัก .จะเสาะแสวงหา สิ่งที่ตนต้องการ สิ่งที่ให้ความพอใจตามอารมณ์อยาก ที่เกิดขึ้น ได้สมอยาก
พอใจแค่ระยะหนึ่งก็ต้องไปหาใหม่อีกแล้ว เหมื่อนกินข้าวนั่นแหละ ถ้าร่างกายไม่เตือนว่าหิว..ไม่รู้สึกหิว ..ไม่กินกันล่ำ ไม่หายใจะล่ะ กายที่จิตอาศัยจะอยู่ได้มั้ย ..จะมีเรี่ยวแรงมั้ย หรือ..ว่ากายมัน ขยับปากกลืนกินไม่ได้ เดี๋ยว..เค้ามีการช่วย เจาะคอ เอาสายยาง สอดเข้าไปช่วยให้มีอาหารเลี้ยงสังขาร แล้วกายนี้ มันก็มีอีก มีราคะตัณหา พอมันเกิดขึ้นมา ..ก็ร้อนทุรนทุราย..หาทางเสพ..ทางระบาย ..ให้มันสงบ
..พออารมณ์สงบ ก็เกิดความสุข สุขสมหวังในอารมณ์ที่ปรารถนา จิตเราก็มีแต่ทำไปตามอารมณ์ ที่เค้าจูงไป เป็นนิสัย..ยึดถืออารมณ์ในกาย อารมณ์ที่ให้ความรู้สึกนึกคิดคู่มากับเรือนกาย จิตไม่มีกาย ก็ไม่มีภาระเรื่องของกาย ต้องไปหาที่ใหม่ สังขารใหม่ เกิดๆตายๆ มามีตัณหาราคะโทสะ หลงอยู่อย่างนี้ ที่อารมณ์ของโลกให้แก่จิต เสพสุขหรือทุกข์ไปตามอารมณ์..
แล้วในกายก็มีวิญญาณทั้งหก ไปสัมผัส ไปรับอารมณ์ รูปราคะ เสียงราคะ เสียงด่า เสียงสรรเสริญเยินยอ เสียงที่ขอบ รูปที่ไม่ชอบ มีเรื่องราวมากมายก่ายกอง สัมผัสแล้วมันเกิดอารมณ์นึกคิด ความรู้สึกอะไรบ้างในเรือนกาย ยินดีหรือไม่ยินดี ในสิ่งที่สัมผัส ยินดีแล้ว.อารมณ์นึกคิด บอกจิตให้ใช้กายเคลื่อนที่ไปทำอะไร มีกิริยาอะไรเกิดขึ้นที่กายวาจาใจ ดีหรือชั่ว ที่จิตจะแยกแยะได้หรือไม่ สิ่งที่ช่วยจิตได้..สติปัญญา แยกแยะได้ ก็คือ คำว่าคุณธรรมประจำจิต
โฆษณา