7 ธ.ค. 2022 เวลา 12:47 • กีฬา
#MainStand : กอนซาโล่ รามอส : แฮตทริกฟุตบอลโลกกับโอกาสที่ไม่ปล่อยให้หลุดมือ
ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ ... นักเตะที่เหมาะกับคำนี้มากที่สุดในเวลานี้คงหนีไม่พ้น “กอนซาโล่ รามอส” ดาวยิงวัย 21 ปีที่ได้ออกสตาร์ทตัวจริงแทน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก่อนจะซัดแฮตทริกพา โปรตุเกส ถล่ม สวิสเซอร์แลนด์ 6-1 ตีตั๋วสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 ได้สำเร็จ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาตอบแทนโอกาสที่ได้รับด้วยผลงานระดับมาสเตอร์พีซ เพราะในสีเสื้อสโมสรเจ้าตัวก็เพิ่งระเบิดฟอร์มพาต้นสังกัด เบนฟิก้า รั้งจ่าฝูงของลีกอย่างสวยหรู หลังได้รับโอกาสก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์หน้าตัวหลักแทนที่ ดาร์วิน นูนเญซ ที่ย้ายออกไป
ปัจจัยอะไรที่ทำให้รามอสฟอร์มดีวันดีคืนขนาดนี้ ติดตามได้ที่นี่
เด็กหนุ่มจากเมืองโอลเฮา ทางตอนใต้ของโปรตุเกส เริ่มต้นชีวิตลูกหนังในระดับเยาวชนกับทีมท้องถิ่น โอฮานเซ่ และ ลูเล่ ก่อนจะย้ายมาเข้าอคาเดมีของเบนฟิก้าตั้งแต่อายุ 13
ภายในรั้ว “เหยี่ยวลิสบอน” แห่งนี้ รามอสพัฒนาฝีเท้าได้ดีอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นกำลังหลักของทีมสำรองหรือ เบนฟิก้า บี พาทีมผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ศึกยูฟ่า ยูธ ลีก 2019-20 ก่อนจะแพ้ต่อ เรอัล มาดริด 2-3 โดยเจ้าตัวทำ 2 ประตู และคว้าดาวซัลโวร่วมหลังจบทัวร์นาเมนท์จากการยิง 8 ประตู
ฟอร์มอันยอดเยี่ยมของรามอสทำให้เขาได้รับโอกาสจาก ฆอร์เก้ เฆซุส ผู้จัดการทีมเบนฟิก้าในเวลานั้น ดึงตัวมาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ก่อนที่ฤดูกาลถัดมาจะยิงให้กับทีมสำรองได้อีก 11 ประตูจาก 12 เกมที่ลงสนาม จนได้เลื่อนขั้นสู่ทีมชุดใหญ่เต็มตัวในฤดูกาล 2021-22
ในช่วงแรกรามอสยังไม่สามารถสอดแทรกตำแหน่งได้ เนื่องจากแนวรุกของทีมในเวลานั้นมีทั้ง ดาร์วิน นูนเญซ ดาวยิงเบอร์ 1 และ โรมัน ยาเร็มชุค กองหน้ายูเครนที่เพิ่งย้ายเข้ามา แต่เขาก็ยังอดทนเฝ้ารอโอกาสท่ามกลางกระแสข่าวว่าอาจจะโดนโละทิ้งออกจากทีม
กระทั่งสโมสรมีการเปลี่ยนแปลง เบนฟิก้าดัน เนลสัน เวริสซิโม่ โค้ชทีมชุดบีขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมชั่วคราว โอกาสของรามอสจึงเปิดกว้างขึ้น ... ปัจจัยสำคัญก็คือดาวเตะรายนี้สามารถเล่นได้หลากหลายรูปแบบในเกมรุกโดยไม่ได้เป็นเพียงศูนย์หน้าที่รอจบสกอร์ในกรอบเพียงอย่างเดียว
“ผู้คนคิดว่ากองหน้ามีหน้าที่ทำประตูเท่านั้นส่วนที่เหลือไม่สำคัญ แต่ผมคิดว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาภาพเหล่านั้นเริ่มจะค่อย ๆ หายไปแล้ว มันมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับการเป็นกองหน้าที่มีส่วนในเกมมากขึ้นและมีส่วนร่วมกับทีมมากขึ้น เพื่อเชื่อมเกมและกดดันคู่แข่ง” รามอส กล่าวกับ Mais Futebol
กระทั่งฤดูกาลล่าสุด เมื่อโอกาสมาถึงหลังจากที่เบนฟิก้าตัดสินใจขายนูนเญซให้กับลิเวอร์พูล รามอสก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นกองหน้าตัวหลักแทนที่ และภายใต้การคุมทีมของ โรเจอร์ ชมิดท์ กุนซือคนใหม่ชาวเยอรมัน เจ้าตัวก็สามารถปรับตัวเข้ากับแทคติกได้อย่างยอดเยี่ยมในสไตล์ โมเดิร์นสไตเกอร์ ที่กำลังเป็นเทรนด์ใหม่ของฟุตบอลยุคนี้
แม้จะเล่นในตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้าในระบบ 4-2-3-1 แต่ด้วยสไตล์การเล่นที่สามารถจบสกอร์ได้เองทั้งภาคพื้นดินและกลางเวหา มีรูปร่างแข็งแกร่งสูงถึง 185 ซม. แถมยังสามารถถอยลงต่ำลงมาเพื่อปั้นเกมเปิดทางให้กับเพื่อนได้ด้วย จึงทำให้ศักยภาพที่มีถูกเค้นออกมาให้เห็นผ่านผลงาน 14 ประตู 6 แอสซิสต์ จาก 21 นัดที่ลงสนามให้กับเบนฟิก้าทุกรายการ
ฟอร์มอันยอดเยี่ยมนี้เองที่ทำให้เขามีชื่อติดธงลุยศึกฟุตบอลโลก 2022 แม้เพิ่งจะถูกเรียกติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา หลังจากเคยผ่านทีมชุดเยาวชนโปรตุเกสมาแล้ว ตั้งแต่ ยู-17 จนถึง ยู-21 (18 นัด 14 ประตู)
ก่อนทัวร์นาเมนท์จะเริ่ม แทบไม่มีมุมไหนเลยที่รามอสจะเบียดแย่งตำแหน่ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สตาร์ตัวเก๋าของทีมได้ ซึ่งตลอดรอบแบ่งกลุ่ม 2 นัดเขาก็ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองช่วงท้ายเกม มีเวลาในสนามรวมกันเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น
แต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อ แฟร์นานโด ซานโตส กุนซือทีมชาติโปรตุเกส ตัดสินใจดร็อป CR7 ไว้บนม้านั่งสำรองในเกมนัดชี้ชะตารอบ 16 ทีมสุดท้ายกับ สวิตเซอร์แลนด์ แล้วส่ง รามอส วัย 21 ปีออกสตาร์ทเป็นตัวจริงแทน
และเป็นอีกครั้งที่เจ้าตัวไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ เขาโชว์ผลงานระดับมาสเตอร์พีซด้วยการทำ 3 ประตูกับอีก 1 แอสซิสต์ช่วยทีมเอาชนะไปอย่างสวยหรู 6-1 แถมแต่ละประตูที่ทำได้ก็มาจากรูปแบบการจบสกอร์ที่แตกต่างกัน ไล่ตั้งแต่ ลูกยิงยัดเสาแรกด้วยอีซ้ายอันทรงพลัง ต่อด้วยพุ่งเข้าชาร์จในกรอบ 6 หลา และหลุดเข้าไปชิพนิ่ม ๆ ข้ามตัวผู้รักษาประตู
นอกจากนี้ยังคอยสร้างสรรค์เกมและวิ่งทำทางสร้างโอกาสให้กับเพื่อนจนเกมรุกของทีมไหลลื่น เหมือนที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ออกมากล่าวชื่นชมชมรุ่นน้องว่าเป็นนักเตะที่หลายคนมองข้าม โดยรามอสนอกจากจะยิงประตูได้แล้วยังวิ่งและทำงานหนัก ช่วยทีมในเกมรับ พร้อมยังสร้างพื้นที่ให้เพื่อนได้อีกด้วย
“แม้แต่ในความฝันที่ดีที่สุดของผม ผมก็ไม่เคยคิดว่าจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมน็อกเอาต์ฟุตบอลโลกและทำได้ 3 ประตู ... ผมไม่รู้ว่าผมจะได้เป็นตัวจริงเกมหน้าหรือไม่ ขึ้นอยู่กับโค้ช ผมต้องทำงานให้หนักที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วเราค่อยมาดูกัน” รามอส ทิ้งท้าย
ณ เวลานี้ชื่อของ กอนซาโล่ รามอส ได้แจ้งเกิดแล้วอย่างเต็มตัว ... แต่คำถามที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือเกมรอบต่อไปที่จะพบกับ โมร็อกโก ในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ แฟร์นานโด ซานโตส กุนซือใหญ่ จะเลือกใครลงสนามเป็นตัวจริง ระหว่าง ดาวรุ่งพุ่งแรงที่ฟอร์มกำลังกระฉูด กับ ศูนย์หน้ากัปตันทีมที่เริ่มโรยราตามกาลเวลานาม คริสเตียโน่ โรนัลโด้
3
โฆษณา