8 ธ.ค. 2022 เวลา 22:45 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องสั้น คนบาปที่หนองพญา แต่งโดย พระเดช
เลือดรสเค็ม ๆ ปล่า ๆ ที่ไหลจากมุมปากเป็นรสชาติที่พระสงฆ์หนุ่มไม่เคยได้ลิ้มรสมาก่อนในชีวิต ด้วยเจริญธรรมภายใต้ร่มผ้ากาสาวพัสตร์ มาตั้งแต่จำความได้ การลงไม้ลงมือต่อสู้กับผู้คน จึงมิใช่แนวปฏิบัติที่ท่านเห็นควรและดำเนินตาม แต่ในยามนี้ ยามชะตาชีวิตพลิกผันราวกับเล่นกล ที่แม้แต่พระภิกษุสงฆ์ผู้เจริญธรรมยังต้องอ้าปากค้าง คำสอนที่ว่า ความแน่นอนคือ ความไม่แน่นอน มันวนเวียนอยู่ในจิตสำนึกของท่านตลอดเวลา
ถ้านึกย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อน ช่วงที่พระหนุ่มเดินทางธุดงค์มาจากพม่า หมู่บ้านหนองพญาแห่งนี้ ยังคงกันดารและแห้งแล้ง ชาวบ้านมีกันไม่ถึง 30 ครัวเรือน แกเดินธุดงค์รอนแรมมากับลูกศิษย์คนเดียว คือ เจ้ามะขิ่น เด็กชายชาวกระเหรี่ยงอายุประมาณ 10-12 ขวบ ที่แกพบเดินขอทานอยู่แถวเมียวดี บริเวณชายแดนจังหวัดตากกับประเทศพม่า
เมื่อมาถึงหนองพญา พระหนุ่มผู้มีความมุ่งมั่นก็ตัดสินปักกลด ตั้งใจว่าจะจำวัดที่หมู่บ้านหนองพญาสักระยะ เพื่อตัดสินใจว่าจะเดินต่อเข้าไปในป่ารอยต่อทางเหนือต่อไปหรือไม่ ด้วยอัธยาศัยที่ดี และความศรัทธาที่เปี่ยมล้นของชาวบ้านและวัตรปฏิบัติอันน่าศรัทธา
เพียงไม่กี่เดือน ชาวบ้านก็ร่วมมือร่วมใจกันสร้างกุฏิเล็ก ๆ ถวายให้แก่พระธุดงค์ที่น่าเลื่อมใสรูปนี้ โดยตั้งอยู่ ณ เกาะเล็ก ๆ กลางลำน้ำท้ายหมู่บ้าน เกาะกลางน้ำดังกล่าว ถ้าเป็นเวลากลางวันน้ำจะลึกถึงแค่หัวเข่า สามารถเดินข้ามไปยังฝั่งหมู่บ้านได้สะดวกสบาย แต่ถ้าเป็นกลางคืนยามน้ำขึ้น น้ำจะขึ้นลึกก็เพียงแค่ระดับเอวของชายฉกรรจ์เท่านั้น
ท่านคิดว่าสาเหตุหลัก ๆ ที่ชาวบ้านช่วยกันเลือกเกาะกลางน้ำแห่งนี้ เพื่อประสงค์ให้ท่านได้พบความสงบและปราศจากการรบกวนจากภายนอก อีกประการคือ ที่กลางเกาะมีต้นโพธิ์ต้นใหญ่ต้นหนึ่งขึ้นปกคลุมพระพุทธรูปปางนาคปรกดูเป็นที่น่าเกรงขาม ซึ่งชาวบ้านก็ไม่ค่อยมีใครทราบความเป็นมาว่าพระพุทธรูปดังกล่าวว่ามาประดิษฐานอยู่ที่นี่ได้อย่างไร บ้างก็เล่าให้ท่านฟังว่าเกาะแห่งนี้ เป็นทางเข้าออกของเหล่าพญานาคแห่งเมืองลับแล เพราะในคืนเดือนเพ็ญ 15 ค่ำ จะมีแสงสว่างราวกับว่ามีงานรื่นเริงฉลองวาระสำคัญทางศาสนา
แต่ก็ไม่มีใครคิดจะไปยุ่มย่ามด้วยเกรงว่าจะมีอันเป็นไป ดังนั้นชื่อหมู่บ้านหนองพญา จึงอาจจะมาดหมายไปถึงหนองน้ำของพญานาคก็เป็นได้ สำหรับพระธรรมโรภิกคุฯแล้ว ท่านก็ไม่เคยปลงใจเชื่อ ซ้ำบางขณะท่านยังแอบดูแคลนในใจด้วยว่าอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์เหล่านี้ ทางพุทธศาสนาถือว่าเป็นเดรัจฉานวิชา จะให้ไปน้อมนำเรื่องความเชื่อทำนองนั้น สำหรับพระภิกษุแล้วท่านถือว่ามิควร
แต่อย่างไรก็ตาม ตนก็มิเคยคิดจะลองดีแต่อย่างไร ได้แต่กำชับให้มะขิ่น ลูกศิษย์วัยเยาว์อย่าได้ไปรุ่มร่ามแถวต้นโพธิ์ใหญ่ เพราะพญานาคนั้นมีหรือไม่ท่านไม่ทราบแต่ถ้านับญาติห่าง ๆ กับพญานาคอย่างงูสิง หรือ งูเห่า ละก็ชุกชุมพอสมควรเลยทีเดียว
เกือบสองปีที่ท่านได้มาจำพรรษาอยู่ที่บ้านหนองพญา วันไหนที่เสร็จกิจของสงฆ์ท่านก็จะหาโอกาสเดินไปโรงเรียนประจำหมู่บ้านที่มีเด็กนักเรียนเพียง 30 คน และครู 2 คน เพื่อไปเทศนาสั่งสอนเด็กนักเรียนด้วยคาดหวังว่าความรู้ทั้งทางโลก และทางธรรมจะน้อมนำให้เด็ก ๆ เหล่านี้เติบโตมาเป็นความหวังของบ้านหนองพญาต่อไป จากที่เคยธุดงค์เดียวดายในป่า เคยทำอะไรได้โดยลำพังอิสระ
ใจของพระหนุ่มรูปนี้เริ่มรับรู้ถึงความสำคัญของการเป็นเสาหลักแห่งหนึ่งของชาวบ้าน และความรู้สึกเหล่านี้มันก็พร้อมจะกดทับลงไปบนบ่าจนผู้ที่รับภาระแทบจะจ่อมจมลงไปเลยทีเดียว แม้จะหนักหนาเพียงใด ทุกวันก็ดำเนินผ่านไปด้วยดี
จนกระทั่งวันหนึ่ง ตาชุม ภารโรงเฒ่า ของโรงเรียนประจำหมู่บ้านแกล้มลงต่อหน้าพระหนุ่มรูปนี้ ก่อนแกจะสิ้นใจแกได้ฝากนางลำยอง หลานสาวอายุ 14 ที่สติไม่ค่อยดี คอยวิ่งเล่นอยู่ในโรงเรียนให้ท่านคอยช่วยดูแล เพราะสิ้นบุญภารโรงเฒ่าใครเล่าจะหาข้าวหาน้ำให้หลานสาวแก พระหนุ่มด้วยจิตอันเป็นกุศลจึงรับปากภารโรงเฒ่าก่อนสิ้นใจว่าจะดูแลหลานสาวให้ดีที่สุด ชาวบ้านต่างอนุโมทนาสาธุกับสิ่งที่ท่านได้ตัดสินใจทำ นับ
จากวันนั้น ภาพที่ใครต่อใครเห็นจนชินตาก็คือ สามชีวิต พระหนุ่ม มะขิ่นลูกศิษย์น้อย และนางลำยอง เดินกันเป็นขบวนไปรับบิณฑบาตตอนเช้า สำหรับท่านและมะขิ่นการเดินบิณฑบาตดูไม่ค่อยเป็นปัญหาแต่กับลำยองซึ่งสติไม่ค่อยสมประกอบก็มักจะเฉไฉออกไปนอกทางบ้าง เป็นผลให้มะขิ่นต้องคอยไล่ต้อนตามกลับวัดเป็นที่สนุกสนานต่อผู้พบเห็น แต่ที่น่าแปลกประหลาดคือขณะที่อยู่บนเกาะกลางน้ำเด็กสาวจะค่อนข้างเชื่อฟังสงบเงียบเป็นที่น่าประหลาด
บางวันลำยองสามารถนั่งฟังสวดมนต์ได้เป็นเวลานาน ๆ ซึ่งในใจท่านเองก็แอบหวังลึก ๆ ว่าจะมีปาฏิหาริย์ใดทำให้นางกลับมาเป็นคนปกติอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ได้
จนกระทั่งเมื่อเดือนก่อน ท่านเริ่มสังเกตเห็นลำยองมีท่าทีแปลก ๆ บางวันก็อาเจียนออกมาและนอนซมผิดปกติ มีอาการเหมือนคนไม่สบายจนท่านเริ่มเป็นห่วงจึงตัดสินใจไปปรึกษาครูใหญ่ที่เปรียบเหมือนญาติอีกคนของนางลำยอง ด้วยความที่แกเห็นมาตั้งแต่เด็กและลำยองก็ชอบไปวิ่งเล่นอยู่ในโรงเรียนเป็นส่วนใหญ่ ทั้งคู่จึงพาลำยองไปตรวจที่อนามัยประจำอำเภอ ผลที่น่าตกใจก็คือนางลำยองตั้งท้องได้สามเดือนแล้ว จากพระที่น่าเลื่อมใสของชาวบ้าน ก็เริ่มมีเสียงซุบซิบนินทา คาดเดาไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าเด็กในท้องนางลำยองน่าจะเป็นของใคร
เพราะสำหรับมะขิ่นเด็กชายอายุสิบสามขวบ ในสายตาชาวบ้านมันยังเด็กเกินกว่าที่จะไปทำให้นางลำยองท้องได้ เพราะฉะนั้นสายตาที่เคลือบแคลงจึงมองไปที่พระหนุ่มอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ ผลคือ อาหารที่เคยบิณฑบาตได้ประจำก็แทบจะไม่มีคนใส่บาตรให้ ซ้ำบางคนยังแกล้งพูดจาประชดเสียดสีท่านเสีย ๆ หาย ๆ พระหนุ่มก็ได้แต่ยึดขันติในใจ ทำหน้านิ่ง ๆ ปฏิบัติกิจของสงฆ์ไปตามปกติ
แต่ด้วยสภาพท้องที่โย้ออกมาของนางลำยอง ทำให้ชาวบ้านหลายคนเริ่มไม่พอใจ นี่ถ้าไม่ได้อาหารที่ครูใหญ่คอยแอบนำมาให้ ป่านนี้ทั้งสามชีวิตไม่รู้จะหาอะไรลูบท้องแทน แม้จะยากลำบากเพียงไหนท่านก็มิเคยปริปากแสดงความเคลือบแคลงสงสัยลงไปที่ใคร ด้วยเชื่อว่าศิษย์ตถาคต ไม่ควรกล่าววาจาที่ไม่เป็นจริง
คืนนี้ เป็นคืนเดือนเพ็ญ แม้แสงจันทร์จะสาดสว่างไปทั่วท้องน้ำ แต่ยังมิอาจเทียบกับแสงไต้และคบที่อยู่บนเรือลำเล็ก ๆ นับสิบลำที่กำลังมุ่งหน้ามาที่เกาะกลางน้ำ บนเรือทุกลำบรรทุกชาวบ้านจำนวนหนึ่งหน้าตาเคร่งเครียดและโกรธขึง
เมื่อมาถึงชาวบ้านกลุ่มนั้นก็ไปถือวิสาสะบุกไปลากตัวลำยองออกมา มิใยที่พระหนุ่มจะร้องห้ามปรามอย่างไรก็ไม่ยอมหยุดฟัง มะขิ่นถูกทำร้ายจนใบหน้าอาบไปด้วยเลือด เสียงกรีดร้องของนางลำยองโหยหวนเพราะขณะที่โดนลากถูลู่ถูกังอยู่นั้น ชาวบ้านกลุ่มดังกล่าวก็ประเคนทั้งมือและเท้าจนร่างนางบอบช้ำไปทั่ว
สิ่งที่ท่านได้ยินและไม่อยากจะเชื่อว่าความคิดเช่นนี้มีอยู่จริงคือ พวกนั้นจะลงมือฆ่านางลำยองและผ่าเอาเด็กออกเพราะเกรงเด็กจะเป็นกาลกินี ด้วยมโนธรรมพระหนุ่มตัดสินใจเอาตัวเข้าไปกอดและบังร่างลำยองไว้ การกระทำดังกล่าวยิ่งสุมไฟแห่งความโกรธแค้นแก่พวกชาวบ้าน และต่างก็สรุปกันเองว่าแท้ที่จริงแล้วตัวพระนั่นแหละที่เป็นพ่อของเด็ก จึงยอมเอาตัวเข้าบังนางลำยองเพราะกลัวลูกและเมียจะตาย บ้างก็ยกวินัยสงฆ์มาอ้างกันว่าการถูกเนื้อต้องตัวหญิงก็ถือว่าพระอาบัติแล้วไม่สามารถเป็นพระแล้ว
สุดท้ายท่านเองก็โดนชายฉกรรจ์สองสามคนทุบตีจนทรุดลงไปกองกับพื้น ขณะที่สายตาท่านเหลือบไปมองพระนาคปรกที่ต้นโพธิ์ใหญ่ น้ำตาท่านก็ไหลอาบแก้ม ในชีวิตที่ผ่านมาไม่ว่าจะต้องลำบากยากแค้นขนาดไหน ท่านไม่เคยขอสิ่งใดให้ช่วยเพราะใจยึดมั่น ในพุทธคุณ และธรรมคุณ แต่ชั่วขณะนี้ ท่านกลับคิดไปถึงเรื่องเล่าปรัมปราชาวพญานาคบ้านหนองพญา ก่อนสติของท่านจะดับวูบ ภิกษุหนุ่มอุทานแผ่วเบาว่า “ช่วยชีวิตพวกเราด้วย”
พระหนุ่มรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งในอ้อมแขนของมะขิ่น จีวรที่ครองกายตนเปียกโชกและสภาพเกาะกลางน้ำยามนี้โดยรอบกลายเป็นโคลนจากดินภูเขาที่ถล่มลงมา จากปากคำที่มะขิ่นเล่า ทันทีที่พระอาจารย์สลบไปก็บังเกิดน้ำป่าไหลบ่าลงมาอย่างรุนแรง ชั่วเวลาแค่พริบตาคนตายไปเกินกว่าครึ่ง ร่างส่วนใหญ่ถูกทับถมอยู่ใต้กองโคลนรอบเกาะ
ส่วนลำยองนั้น มะขิ่นเห็นกับตาว่าน้ำพัดหายสาบสูญไปต่อหน้าต่อตา พระหนุ่มพยุงร่างที่บาดเจ็บบอกลูกศิษย์ให้เก็บข้าวของเพื่อเดินทางออกไปจากที่นี่
ก่อนจะจากไปท่านตั้งใจจะเข้าไปร่ำลาครูใหญ่ที่โรงเรียนแต่เช้ามืด แต่เมื่อไปถึงกลับพบร่างของครูใหญ่ผูกคอตายกับขื่อในห้องเรียน โดยก่อนตายแกเขียนจดหมายสารภาพว่าตนเป็นผู้ข่มขืนนางลำยองเอง และเด็กในท้องคือลูกของแก จวบจนปัจจุบันไม่ว่ามะขิ่นจะเพียรถามว่าเพราะอะไรพระอาจารย์ถึงตั้งใจรับนางลำยองมาอยู่ด้วย ท่านก็ไม่เคยปริปากบอกถึงคำที่เฒ่าชมพูดไว้สั้น ๆ ก่อนตายว่า “เด็กของเมืองลับแล”
“พระพุทธรูปปางนาคปรก เชื่อกันว่า
เป็นแบบอย่างของผู้ที่ยึดมั่นในความดี บำเพ็ญบุญญาบารมี
แม้จะประสบทุกข์ยาก ก็มีสิ่งต่างคอยปกป้องคุ้มภัย ”
โฆษณา