9 ธ.ค. 2022 เวลา 10:24 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สุกี้ตี๋น้อย... เคทสนใจหุ้นตัวนี้นะ
แต่...มันดีจริงไหม ดีระดับไหน ???
ยอมรับว่าเรื่องนี้กระแสแรงมากกก และสมาชิกถามเข้ามาพอสมควร เนื่องจาก หาข้อมูลบทวิเคราะห์ยากมาก แม้แต่อินฟูสายการเงิน สื่อต่างๆก็ไม่ค่อยมีบทวิเคราะห์ (มีแต่เล่าข่าวมากกว่า)
โอเค.... เดวเคทวิเคราะห์ เม้าท์ให้ฟังแก้คันละกัน
การยื่นซื้อหุ้นของ เจมาร์ท จำนวน30% ด้วยมูลค่า ราวๆ 1,200 ล้าน ( ทั้งหมด 352,941 หุ้น) ทำให้ ตี๋น้อยถูกตีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 4 พันล้านบาทในทันที
ไม่น่าเชื่อนะคะ ว่า สุกี้ตี๋น้อยที่เปิดมาเพียงแค่ 5 ปี วันนี้จะมีมูลค่าถึง 4,000 ล้านบาท !!! เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมมากจริงๆ
หลังจาก เจมาร์ทเข้าซื้อ สื่อต่างๆก็ประโคมข่าวเล่นข่าวกันยกใหญ่ เท่าที่ผ่านตา ทุกแหล่งข่าวบอกคล้ายๆกันว่า ปีนี้ สุกี้ตี๋น้อย จะมี รายได้แตะ 3 พันล้าน วอลุ่มผู้ใช้บริการตกวันละ 3-4 หมื่นคนต่อวัน ตัวเลขต่างๆที่แต่ละสำนักออกมา ไม่ต่างกันมาก อ่านแล้วก็เคลิ้มๆ
ซึ่ง...แน่นอนว่า มันไม่ใช่ Fact
ที่เป็น fact. จริงๆคือ
ปี 62 รายได้ 499 ล้าน กำไร 15 ล้าน
ปี 63 รายได้ 1,233 ล้าน กำไร 140 ล้าน
ปี 64 รายได้ 1,572 ล้าน กำไร 148 ล้าน
ทีนี้เมื่อมองจากรายได้ ใน 2 ปีล่าสุด ตี๋น้อยจะมีกำไร วิ่งอยู่ที่ 9-12 % จากประสบการณ์ สำหรับกิจการอาหารสายบุฟเฟต์การทำกำไรได้ระดับนี้ บอกเลย ถือว่าไม่ ธรรมดา ค่ะ !!
1
เพราะโดยมากแล้ว ค่าเฉลี่ยจะวิ่งอยู่ที่ 5-7%
1
นับว่า คุณ นัทธมน เก่งมากจริงๆค่ะ ที่สามารถคุม cost คุม waste ได้อย่างมีประสิทธิภาพระดับนี้ (จะว่า โคตรเก่ง ก็ได้ค่ะ 5555)
โอเค... ทีนี้เรามาลองตรวจสอบ โดยใช้ข้อมูลเบื้องต้น และวิเคราะห์กันต่อจากนี้ว่า อนาคต สุกี้ตี๋น้อย จะเป็นอย่างไร ( ซึ่งก็ไม่ใช่ fact เช่นกันนะคะ อย่าเพิ่งเชื่อตาม ><)
หลังจากที่เคทได้อ่านข้อมูลตามสื่อต่างๆ สิ่งแรกที่เคท ติดใจ และสงสัยมากที่สุดคือ จำนวน วอลุ่ม ผู้ใช้บริการ ที่เฉลี่ย 3-4 หมื่นคนต่อวัน (เฉลี่ย 1 พันคนต่อสาขา) ว่า มันจริงหรอ มันจริงไหม ???
เพราะเป็นตัวเลขที่ไม่น้อยเลยทีเดียว เคทเลยระดมถามเพื่อนๆที่เคยใช้บริการว่า มันเป็นแบบนั้นจริงไหม
จากที่ถามหลายๆเสียง ก็ พูดตรงกันว่า น่าจะถึง เพราะไปทีไรก็เต็มตลอด รอนานนนน มากกก ><
สิ่งที่จะตรวจสอบเรื่องนี้ได้ดีที่สุดคือ รายได้ของตี๋น้อยนั่นแหละค่ะ เดวเราลองมาถอดสมการดูว่า มันสัมพันธ์สอดคล้องกันไหม มันจริงหรือเปล่า หรือ แค่คนคิดไปเอง
ถ้าอิงจากข้อมูล ปี 64 ที่มี รายได้ อยู่ที่1,572 ล้าน ซึ่ง ตีว่า ณ ปีนั้น มี สาขาประมาณ 29-30 สาขา แต่เคทจะขอนับแค่ 27 สาขาละกัน (ขอคิดจากสาขาที่เปิดเต็มๆปี เพราะมีบางสาขาก็เปิด กลางปีบ้าง ปลายปีบ้าง )
1,572 ล้านบาท หาร ด้วยจำนวนสาขา 27 สาขา
รายได้จะตกสาขาละประมาณ 58 ล้านบาท
เอา รายได้ 58 ล้าน หารเฉลี่ยรายวัน 365 วัน
= 159,512 บาท / วัน / สาขา
ถ้า ราคาหัว อยู่ที่ 200 บาท ไม่แน่ใจว่า ราคานี้ net ไหมนะคะ แต่ตีเท่านี้กลมๆก่อน
ถ้าราคาอยู่ที่หัวละ 200 จะได้ เท่ากับ ผู้ใช้บริการ 797 คน หรือ ราวๆ 800 คน ต่อ สาขา !!
แม้จะ ไม่ถึงสาขาละ 1,000 คน แต่ก็ใกล้เคียง และตัวเลขนี้ก็ถือว่าไม่น้อยจริงๆ
แต่...อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราต้อง นำมาคำนวณ นำมาเป็นตัวแปร ในสมการคือ ปี 64 ยังเป็นช่วงที่ โควิด ระบาดอยู่ นั่นหมายความว่า.... ^ ^
โอเค ต่อค่ะ.....
ทีนี้ ปัจจุบันในปี 65 สุกี้ตี๋น้อย มีทั้งหมด 42 สาขา
และจากการปรับราคาขึ้นมาจากต้นปี ทำให้ ราคาต่อหัว
Net จะอยู่ที่ 276 บาท
มองว่า หากตี๋น้อยรักษาศักยภาพเอาแค่ให้ได้เท่าเดิม ที่มีวอลุ่มผู้ใช้บริการ สาขาละ 800 คน ภายในปีนี้
ตี๋น้อยจะมี รายได้ทั้งหมด 3,400 ล้าน โดยประมาณค่ะ
ซึ่ง ตัวเลขนี้ก็ใกล้เคียงกับการประเมินการณ์ของหลายๆสำนักการเงินอยู่
ถ้ารายได้ อยู่ที่ 3,400 ล้าน ถอดกำไรที่ 9% (ตีว่ายังคงรักษากำไรขั้นต้นไว้ได้เช่นเคย) ตี๋น้อยจะมี กำไรอยู่ที่ 306 ล้านบาท กำไรโตเป็นเท่าตัวเลยแม่เจ้าาา
ดังนั้น การที่เจมาร์ท มองมูลค่า กิจการของตี๋น้อยที่ 4,000 ล้าน ก็เท่ากับว่า เจมาร์ท มอง ตี๋น้อยที่ pe 14 เท่า น่ะสิ
Pe. 14. เท่า นี่ถือว่า ไม่แพงเลยนะคะ และค่อนไปทางที่ถูกด้วยซ้ำสำหรับ ธุรกิจอาหารที่ เข้าตลาดหุ้น (หากเทียบกับตัวแม่อย่าง mk ที่ pe 34 เท่า หรือ zen ที่ 40 กว่า )
หากปรับ pe ให้ไปใกล้ๆเคียงตลาด ที่ 30-32 เท่าก็พอ ตี๋น้อยจะมีมูลค่า อยู่ที่ 9 พันล้านเลยทีเดียว !!!
คาดว่า ขายเข้าตลาดจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่านี้ แน่นอน และจะทำให้ บุ๊คของเจมาร์ทในส่วนที่ลงทุนในตี๋น้อย มูลค่าเพิ่มขึ้น 100% ทันที
อนาคต มองยังไงตี๋น้อยก็คง มีไม่ต่ำกว่า 100 สาขาแน่นอน ซึ่งตอนนี้ ตี๋น้อยมีเงินทุนที่ได้จาก เจมาร์ทอยู่ในมือแล้ว 1,200 ล้าน ทำให้ร่นระยะเวลาในการขยายสาขาไว้ไวขึ้น จากเดิม อาจจะแค่ ปีละ 6-10 สาขา
(ประเมินว่าใช้ ทุน สาขาละ 15 ล้านบาท) ใช้เงิน 150 ล้าน ปัญหาเรื่องเงินทุนในการขยายจะหมดไปเลย
จำนวนนี้ขยายได้อีก 100 สาขาง่ายๆเลย
ถ้า ตีว่า ปี 70 มี 100 สาขา รายได้ต่อสาขาเฉลี่ยที่ 58 ล้าน (ตีเฉลี่ยว่าความนิยมจะไม่ได้พีคเหมือนเดิมแต่ไม่ได้ลดลงมาก) ถึงตอนนั้น ตี๋น้อยก็จะมีรายได้ ปีละ 5,800 ล้านเลยทีเดียว
แต่....ทีนี้ เรื่อง อนาคต ต่อจากนี้อาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นก็ได้
สิ่งที่น่ากังวลจริงๆ ก็คือ ตัวเลขค่าแรงที่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งเพิ่มขึ้นแน่นอน ยังไงตรงนี้ก็ต้อง ไปกดอัตรากำไรลงอย่างแน่นอน
1
อีกทั้งการขยายสาขา ที่เน้น stand alone พอเวลาผ่านไป อาจจะมีต้นทุนที่สูงขึ้น ทำให้ระยะเวลาคืนทุน อาจจะกลายเป็น 3-4 ปี จากเดิมที่คืนทุนไวมาก (3-4ปี ก็ยังถือว่าเร็วมากนะ)
และหากบุกเข้า โมเดรินเทรด กำไรก็ลดลงแน่นอนจากค่าเช่าที่สูงขึ้น และที่จะสูญเสียไปก็คงเป็น จำนวนรอบที่จะลดลง เพราะโมเดรินเทรด ไม่ได้เปิดบริการถึงตี 5
การกระจาย ออกไปรอบนอกให้ได้เป้า 100 สาขา ปัญหาที่ตามมาโดยเลี่ยงไม่ได้คือ ค่าโลจิสติกส์ที่สูงขึ้น ครัวกลางก็ต้องขยายขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งตรงนี้ ยังไม่แน่ใจว่า ครัวกลางของตี๋น้อย รองรับได้กี่สาขา
ค่าโลจิสติกจะกดกำไรลงอย่างแน่นอน อย่าลืมว่า ที่ผ่านมา ตี๋น้อยมีสาขา แค่ใน กรุงเทพ และปริมณฑล หากต้องขยายขอบเขตออกไป ตจว และ จังหวัดนั้นๆ ไม่มีมีสาขามากเพียงพอที่คุ้มพอในการเดินทางส่งเหมือนอย่างในกรุงเทพ เช่น สาขาจังหวัดนี้ มี แค่ 2 สาขา แต่ระยะทางขนส่งมันเพิ่มขึ้นเยอะ ต้นทุนมันแปรผันกับระยะทาง แบบนี้กำไรหายเยอะ ดังนั้น อาจจะขยายไม่ได้มาก และไม่ได้เร็วนัก การจะขยายเร็วโดยใช้ระบบแฟรนไชส์ ก็มีความเสี่ยงในเรื่องของการรักษามาตรฐานแบรนด์อีกเช่นกัน
โครงสร้างประชากร ที่กำลังลดลง การแข่งขันของเจ้าใหม่และเจ้าเดิมที่จะเกิดขึ้น ก็ต้องเอามาเป็นตัวแปรด้วย
ทีนี้พอถึงจุดๆนึง ตี๋น้อยทำได้ 100 สาขา กำไรอาจจะเหลือแค่ 5-6% ซึ่งสุดท้าย กำไรมันก็จะพอๆไม่ต่างกับ ตอนเปิด 40-50 สาขา ก็เป็นได้
โอกาสที่ตี๋น้อยจะเติบโต ได้คือ การออกแบนด์ใหม่ มาตีตลาด จับตลาดที่พรีเมี่ยมขึ้นมา เพราะตลาดที่ตี๋น้อยเล่นอยู่นี้ในปัจจุบัน ไม่น่ามีใครสู้ได้ในระยะเวลาใกล้ๆนี้
ทีนี้ เจมาร์ทกำไรแน่ๆแหละพันล้าน คำถามสำคัญคือ ตอนนี้น่าซื้อ เจมาร์ทดักไว้สักหน่อยไหม 55555
อันนี้ไม่รู้เหมือนกันค่ะ
ป.ล. เพื่อนๆมีความคิดเห็นเช่นไร แลกเปลี่ยนแชร์กันได้เลยนะคะ ขอบคุณค่ะ
มิ้วๆ
โฆษณา