9 ธ.ค. 2022 เวลา 19:37 • ข่าวรอบโลก
จุดเสื่อมอำนาจของอเมริกา และ ยุโรป จุดจบอำนาจขั้วเดียว
ไม่ว่าอาณาจักรใดๆ ที่เคยยิ่งใหญ่มาในอดีต จะเป็นโรมัน กรีก จักรวรรดิอังกฤษ ล่าสุดก็สหภาพโซเวียต แม้จะยิ่งใหญ่แค่ไหน ต่างก็ต้องถึงจุดจบ ล่มสลายไปตามวัฏจักร
•เกิดขึ้น•ตั้งอยู่•ดับไป
Zodiac
เทพีเสรีภาพ สัญลักษณ์แห่งเสรีภาพ ของอเมริกันชน
คำว่า“ผู้ชนะได้เขียนประวัติศาสตร์” เพราะโลกไม่เคยจดจำผู้แพ้ นั้นเกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชนะ
เปรียบเหมือนการแข่งขันทุกๆอย่างบนโลก เช่น แชมป์ฟุตบอลโลก จะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อ มีผู้ชนะ ได้เป็นแชมป์ และผู้แพ้ จะได้อันดับ 2 ถึงแม้จะเป็นผู้แพ้ แต่ก็ต้องมีศักยภาพยิ่งใหญ่เพียงพอในระดับโลก ที่จะสามารถเบียดเข้ามาขึ้นท้าชิงกับผู้ชนะได้ แต่ในประวัติศาสตร์ผู้คนก็ไม่เคยจดจำความยิ่งใหญ่ของผู้แพ้หรือ อันดับ 2 กันสักเท่าไหร่
ก่อนจะเข้าเรื่อง ขอทำความรู้จักกับ “สรัฐอเมริกา” ในแบบฉบับของผู้เขียนพอสังเขปกันก่อนนะครับ ก่อนอื่นเลย อเมริกา นั้น เป็นประเทศที่เกิดขึ้นมาเมื่อประมาณ 400-500 ปีที่แล้ว จากการค้นพบทวีปอเมริกาในปี ค.ศ.1493 ของนักเดินเรือชาวอิตาเลียน แต่ได้รับการสนับสนุนการเดินเรือโดยกษัตริย์ สเปน หลังจากการค้นพบของเขา ชาวยุโรปก็ได้หลั่งไหลเข้ามาตั้งอาณานิคมกันอย่างแพร่หลาย
คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส
ชาวอาณานิคมของยุโรปเริ่มที่มาถึง ส่วนใหญ่จากประเทศอังกฤษ หลังปีค.ศ. 1600 สเปนมีการตั้งถิ่นฐานในช่วงต้นของรัฐฟลอริดาและทางตะวันตกเฉียงใต้ และฝรั่งเศสตั้งถิ่นฐานตามแม่น้ำมิสซิสซิปปีและชายฝั่งอ่าวเม็กซิโก ในช่วงทศวรรษที่ 1770 สิบสามรัฐอาณานิคมของอังกฤษมีจำนวนประชากรประมาณ 2.5 ล้านคนอยู่ตามแนวชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกและทางตะวันออกของ หลังจากขับไล่ชาวฝรั่งเศสออกจากทวีปอเมริกาเหนือในปีค.ศ. 1763 หลังจากนั้นเกิดสงครามกลางเมือง และสงครามกับจักรวรรดิอังกฤษ นำไปสู่การประกาศอิสระภาพใน ค.ศ.1783
และหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง ฝ่ายสัมพันธมิตรที่ร่วมรบกันจนได้รับชัยชนะ แต่ละประเทศก็เสียหาย บอบช้ำกันอย่างหนัก เป็นจังหวะที่ดีของอเมริกาที่จะวางตัวเหนือกว่าชาติอื่นได้ เพราะมีแค่ทางเลือกเดียวคือ กู้เงินเข้ามารักษาระบบเศรษฐกิจของยุโรปไว้ ไม่ให้ล่มสลาย เพราะถ้ายุโรปล่มสลายตอนนั้น อเมริกาก็จะอยู่ไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นเหล่าสัมพันธมิตรทุกประเทศจึงไม่มีตัวเลือกอื่นมากนัก นอกจากยอมรับความช่วยเหลือจากอเมริกา
ตราที่ใช้ในแผน มาร์แชล
เมื่อเหล่าประเทศมหาอำนาจต้องการความช่วยเหลือ ผู้ให้ความช่วยเหลือ ย่อมอยู่เหนือกว่าผู้ขอความช่วยเหลือ จึงเดินเกมแรกผ่าน แผนมาร์แชลล์ (Marshall Plan) เริ่มขึ้นเมื่อ 5 มิถุนายน ค.ศ. 1947 โดยนายพล จอร์จ แคตเลตต์ มาร์แชลล์ (George Catlett Marshall) เป็นโครงการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาแก่ยุโรปตะวันตก เพื่อป้องกันการพังทลายทางเศรษฐกิจ และเพื่อฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมรัฐชาติของยุโรปตะวันตกขึ้นมาใหม่ โดยใช้เงินมากกว่า 12 พันล้านดอลลาร์
หลังจากนั้นเป็นต้นมาสหรัฐอเมริกา ก็กลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจ (GDP) ขนาดกองทัพ และทุกๆด้าน ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ที่เป็นอันดับ 1 โดยแทบไร้คู่แข่ง ในยุค 1970 ญี่ปุ่นเริ่มเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยภาคอุตสาหกรรมที่ก้าวหน้า แล้วก็แผ่วเบาลงไปหลังยุค ค.ศ..2000 และ จีน ตัวแปรสำคัญของบทความนี้ ก็ได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในระยะเวลาแค่ 20-30 ปี ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สูงมาก จนสามรถแซง เยอรมัน ขึ้นมายืนแท่นอันดับ 3 และแซงหน้าญี่ปุ่นที่รั้งอันดับ 2 รองจากอเมริกาในเวลานั้น
เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดย GDP ในปี 2022 อ้างอิงจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ estimates
มาถึงช่วงสำคัญของเรื่องนี้ คือ เมื่ออเมริกามีคู่แข่งทางเศรษฐกิจที่สำคัญอย่าง จีน และคู่ปรับทางการทหารตลอดกาลอย่าง รัสเซีย และทั้งสองประเทศคือ คอมมิวนิสต์ รวมทั้งต่างเป็นศัตรูคู่แข่งกับอเมริกากันทั้งคู่ ที่สำคัญคือทั้งจีนและ รัสเซีย ต่างมีความสัมพันธ์ที่ไกล้ชิดกันมาก ทั้งในแง่ตัวผู้นำเอง แง่ภูมิรัฐศาสตร์โลก และอีกหลายๆมิติ จนพวกเขาเรียกความสัมพันธ์ครั้งนี้ว่า “มหามิตร” อย่างไม่เคยมีมาก่อน ถึงขนาดที่ว่า ก่อนรัสเซียจะบุกยูเครน ต้องรอให้โอลิมปิกฤดูหนาวที่จีนเป็นเจ้าภาพปิดการแข่งขันเสียก่อน
เมื่อแชมป์ 77 สมัย 1945-2022 อย่างสหรัฐอเมริกา โดนผู้ท้าชิงมาแบบแพ็คคู่ ท้าทายความเป็นที่ 1 ของอเมริกาอย่างไม่เคยมีมาก่อน ท่านผู้อ่านคิดว่า คนที่เป็นที่ 1 อยู่นั้น จะยอมให้ใครมาแย่งบัลลังก์ไปได้ง่ายๆหรือไม่? คำตอบคือ ไม่ได้เด็ดขาด ต้องทำทุกอย่างเพื่อรักษาความยิ่งใหญ่เอาไว้อยู่แล้ว การได้แชมป์มานั้นว่ายากแล้ว แต่การรักษาแชมป์ไว้นั้นยากกว่า และนั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ ถ้าติดตามข่าววงใน ข่าวกรองระดับสูง ที่อเมริกาส่งสายลับเข้าไปป้วนเปี้ยนทำภารกิจในยูเครน แล้วรัสเซียจะนิ่งอยู่เฉย ได้อย่างไร
1.-เครื่องบิน Antonov An-225 Mriya ที่ถูกทำลายในสงคราม-2.-เรือบรรทุกเครื่องบินที่ยูเครนขายต่อให้จีน- 3.-โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล-
สายลับสองหน้า(Double Agent)ที่ทำงานให้ทั้งสองฝ่ายก็ออกมาเผยว่า อเมริกามีแผนจะดึงยูเครนเข้าร่วมนาโต ปูตินซึ่งเคยเป็นสายลับ KGB เก่า ทำไมจะไม่รู้เรื่องเหล่านี้ ก็เลยชิงลงมือก่อน นี่คือที่มาของสงครามระหว่างรัสเซียพี่ใหญ่แห่งชาติพันธุ์สลาฟ กับยูเครนน้องรัก เคยรักกันขนาดที่ว่าให้มากกว่าชาติบริวารเก่าอื่นๆ เช่น มอบเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดในโลกAntonov ที่ผลิตสมัยโซเวียตให้ยูเครน สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เชอร์โนบิลก็สร้างในยูเครน,เรือบรรทุกเครื่องบินก็ให้ยูเครนแต่ต่อมาได้ขายให้จีนใช้ชื่อใหม่ว่าเหลียวหนิง
หลังจากเกิดสงครามครั้งนี้ขึ้น โลกตะวันตกก็ต้องดันยูเครนสุดตัว เพราะนี่คือโอกาสที่ดีในการทำลายรัสเซียให้อ่อนแอลง ถึงขั้นอาจทำให้ล่มสลายได้เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นในครั้งยุคสหภาพโซเวียตมาแล้ว ทั้งการแซงค์ชั่น คว่ำบาตรต่างๆนาๆ เพื่อทำลายระบบเศรษฐกิจของรัสเซียให้พังทลาย ส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ และเงินช่วยเหลือมากมายมหาศาลให้ยูเครน แต่ดูเหมือนสุดท้ายแล้ว มาตราการเหล่านี้ กลับย้อนส่งผลกับฝั่งตะวันตกเจ็บเสียเอง ทั้งเงินเฟ้อ ขาดแคลนพลังงาน และประชาชนตัวเองต้องเดือดร้อนหนักกว่า ดังที่เห็นในปัจจุบัน
ภาพการต้อนรับประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ของจีน ในการเยือนซาอุดีอาระเบีย เพื่อหารือด้านการซื้อขายพลังงานกับกลุ่ม OPEC
ตัดมาฝั่งจีนที่ไม่สามารถออกตัวได้อย่างเต็มหน้า เพราะต้องรักษาระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของตัวเองไว้ แต่ในอีกแง่นึงก็ไม่สามารถปล่อยให้รัสเซียต้องเดียวดายได้ เพราะหากไม่มีรัสเซีย จีนเองก็ต้องตกที่นั่งลำบากแน่นอน จึงเดินหน้าเกมด้านเศรษฐกิจ ล่าสุดได้กินรวบกลุ่ม OPEC ที่จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่โดยการเยือนซาอุดีอาระเบีย และดูเหมือนว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมากโดยเจ้าชาย Mohammad Bin Salman (MBS)แห่งซาอุดีอาระเบียอย่างยิ่งใหญ่อลังการ ซึ่งต่างจากตอนที่ โจ ไบเดน ไปเยือนเมื่อครั้งก่อนเป็นอย่างมากจนเห็นได้ชัด
เหมือนเป็นการส่งสัญญาณบอกเป็นนัยว่า ถึงจะไม่สามารถส่งอาวุธ-ยุทโธปกรณ์,หรือเงินสนับสนุนโดยตรงไปช่วยได้ แต่สามารถเดินเกมทางเศรษฐกิจ เพื่อตัดกำลัง ลดทอนอำนาจอเมริกาจากการผูกขาด ปิโตร-ดอลลาร์ และถ่วงดุลให้เงินหยวน และรูเบิลของรัสเซียที่กำลังถูกคว่ำบาตรอย่างหนัก เป็นการเดินเกมที่เรียบง่าย แต่ได้ผล ทั้งในด้านจิตวิทยา และด้านเศรษฐกิจ ทำให้อเมริกาต้องเสียอำนาจในภูมิภาคนี้ไปอย่างง่ายดาย
และจีนยังดันกลุ่ม BRICS PLUS ที่มีอาร์เจนตินา อียิปต์ อินโดนีเซีย คาซัคสถาน ไนจีเรีย ซาอุดีอาระเบีย เซเนกัล ไทย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เข้าร่วมในข้อตกลงการซื้อขายพลังงานกับกลุ่ม OPEC ด้วยสกุลเงินท้องถิ่นอีกด้วย ! นี่อาจไม่ใช่ข่าวใหญ่สำหรับหลายๆคน แต่ผู้เขียนมองว่า นี่คือก้าวสำคัญในประวัติศาสตร์ ด้านภูมิรัฐศาสตร์โลก ที่สามารถแย่งชิงภูมิภาคแห่งน้ำมัน ก๊าซ และพลังงาน ให้มาอยู่กับฝ่ายตนได้
1
แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ย่อมส่งผลต่อมหาอำนาจเจ้าเก่า อย่าง สหรัฐอเมริกา และยุโรป อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะถือเป็นครั้งแรกที่กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในแต่ละภูมิภาค มีแนวคิดที่จะรวมตัวกัน เพื่อถ่วงดุลอำนาจกับประเทศมหาอำนาจตะวันตกและพันธมิตร ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ท้าทายกลุ่มอำนาจเก่าต้องคิดหนัก คาดว่าในอนาคต อันไกล้นี้ จะได้เห็นมาตราการต่างๆที่ต่างฝ่ายออกมางัดกันอย่างเข้มข้นมากขึ้นและโลกอาจได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนครั้งยิ่งใหญ่ ติดตามดูกันต่อไปว่าเกมนี้จะจบลงอย่างไร
Zodiac Victims
โฆษณา