12 ธ.ค. 2022 เวลา 22:07 • ไลฟ์สไตล์
การเข้ากฏแรงดึงดูด
อันที่จริงเราทุกคนอยู่ภายใต้กฏแรงดึงดูด อยู่ตลอดเวลา ก็จริง ไม่ค้านไรเลยค่ะ
คราวนี้เรามามองมุมที่ เราได้ฝึกฝนจิตใจ ได้ทำสมาธิ ได้ทำใจจดจ่อในแต่ละเรื่อง โดยเฉพาะเรื่อง พลังงานบวก ขอตั้งข้อสังเกตุว่า เรามามองว่า แล้วบางคนจะรู้ได้อย่างไรว่าตนเองได้เข้าสู่สภาวะพลังงานบวกแล้ว
1. เวลาที่คุณไปคุยกับคนที่มีพลังงานลบๆ ไม่ว่าด้านอารมณ์ของเขา ความคิดของเขา คุณจะรู้สึกว่า อึดอัด และ แยกแยะคำพูดของเขาได้ในขณะที่เขาเล่าเรื่อง หรือ ช้าสุดอีกสักวันสองวัน คุณจะแยกได้ถึง ข้อเท็จจริงที่เขาเล่ามา คุณอาจจะต้องทำการดังนี้
1.1 ปฏิเสธ การพบปะ พูดคุย ถึงแม้เขาอาจคาดการณ์ว่า ถ้าคุณปฏิเสธเขา ถ้าเขาเอาเรื่องไปเล่าให้ใครฟัง คุณคือ หมาเลยนะ
อันนี้ต้องปล่อยค่ะ เพราะถ้าคุณสนใจผลลัพธ์และต้องทำตัวดีในสายตาผู้คนทุกคน คุณเองจะเป็นคนที่รับพลังงานลบๆเหล่านั้นมา แถมจะตกหลุมพรางตามอุบายคนไปอีก
1.2 ถ้าเจอประเภท คิดเอง เออ เอง ไม่ถามความคิดเห็นของคุณ อันนี้ต้องนิ่งๆ ปล่อยให้เขาพูดไปค่ะ พอได้จังหวะ คุณค่อยบอก ความคิดคุณออกไป พูดอย่างสุภาพ และต้องยอมเสียมารยาททางสังคมนะ เพราะต้องปฏิเสธทุกกรณี
2. ความรู้สึกที่ดี ควรเคลียร์พลังงานให้ใจโปร่ง โล่ง และมีความสบายใจเข้ามา ก่อนที่จะเข้าการสรรเสริญและขอบคุณ หรือนมัสการ บางคนใช้ภาวนา คือการติดสนิทกับพระเจ้าทั้งกลางวันและกลางคืน
2.1 พลังงานจะเกิดเป็นไอเดียเข้ามา แล้ว พลังงานนี้ก็เริ่มขยับคุณ ให้คุณรู้สึกอยากไปอ่านหนังสือ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณอยากจะทำ
2.2 ด้วยการกางตำรา อ่านไปมา คุณจะเกิดความเชื่อมั่นอะไรบางอย่าง ที่อยากจะให้เป็นการ out put ออกมา ด้วยการลงมือทำ ซึ่งอาจเป็นโครงการที่คุณเคยตั้งใจเอาไว้แล้วล้มเลิกไปหลายครั้งหลายครา
3. ชีวิตที่ซ่อนอยู่ กำลังจะเปิดออก ซึ่งความคิดคุณจะเริ่มมีคลื่นความถี่ที่คงที่ คุณจะมีความคิดที่สงบมากขึ้น ทุกอย่างเริ่มร้อยเรียงกันเป็นความเสมอต้นเสมอปลายและมีการลงมือทำอย่างใจเย็น และคุณรู้สึกตื่นเต้นและสนุกกับสิ่งที่ทำ
4. การฝึกของคุณ เริ่มสนับสนุนคุณ โดยเริ่มจากการแยกแยะ สิ่งแวดล้อม บุคคล และโครงการทางความคิด คุณจะต้องเรียนรู้จากการลงมือทำ โดยเริ่มโครงการจากน้อยๆ ก่อน เพื่อจะดูธรรมชาติของ สิ่งที่คุณทำ เช่น ลูกค้าสนใจสินค้าของคุณเพราะอะไร ไม่สนใจเพราะอะไร คุณควรเก็บข้อมูลเหล่านี้ไว้ทั้งสองด้าน
4.1 นำข้อมูลมาเป็นการเสริมสร้างผลิตภัณฑ์ของคุณ การที่ลูกค้าปฏิเสธสินค้าคุณ ไม่ใช่พลังงานลบนะ แต่เป็นข้อจำกัดของทั้งตัวผลิตภัณฑ์และลูกค้าเอง อันนี้ต้องรับฟัง
4.2 สินค้าและบริการ อาจไม่โดนใจ ใครทุกคน คุณจะทำอย่างไร หลักการนี้ คุณควรมีมาตราฐานของสินค้าคุณก่อน เช่น หากคุณทำอาหารขาย ลูกค้าอาจชอบ หวาน เค็ม จิด แตกต่างกัน คุณต้องมีรสชาติที่คุณชอบด้วย เพราะ พลังงานนี้จะดึงลูกค้าที่ชอบแบบเดียวกับเราเข้ามาสนับสนุนเรา อ้าว ก็คุณอยู่ในกฏแรงดึงดูด ไงคะ
4.3 ดังนี้ การปรับเปลี่ยน เพิ่ม ลด ในตัวผลิตภัณฑ์จึงอยู่ที่ดุลพินิจของคุณเอง และหาก มีคนชอบเกิน 80 คนใน 100 คน ก็ถือว่าผ่านนะ
5. มีหูจงฟัง และลงมือทำไปด้วยความเชื่อ สิ่งดีดีมักจะลอยมาตามลม คุณต้องคอยฟัง เพราะอาจมีอะไรดีดี ลอยผ่านมา อันนี้คือการเปรียบเทียบว่า ให้ฟังมากขึ้น และพูดน้อยลง
6. เริ่มต้นที่ความเชื่อ แม้ว่าคุณยังไม่พร้อม ยังไม่มีอะไรที่จะลงมือทำ แต่ถ้าจิตใจของคุณรู้สึกว่า ต้องทำ อยากทำ และรู้สึกดี ให้คุณเริ่มทำ โดยความคิดก่อน และพูดออกมาโดยความเชื่อ
6.1 ความไม่พร้อมอาจเป็นเรื่องปัจจัยแวดล้อม ภายนอก แต่การลงมือทำให้ทำไปตามสิ่งที่อยู่ภายในใจคุณแนะนำ
7. จงเชื่อและวางใจชีวิต พลังงานบวกจะสนับสนุนและคัดสรรสิ่งที่ดีเข้ามาในโครงการของคุณ ผู้คนที่มีพลังงานบวก มีความคิดและสติปัญญาที่เท่ากับคุณหรือมากกว่าคุณ จะคอยให้กำลังคุณ และช่วยเหลือคุณ
7.1 อันนี้คุณเองจะเป็นผู้รู้และตัดสินใจเลือก บุคคลเหล่านั้นเข้ามาเอง พลังงานทั้งหมดจะรวมตัว และนำไปสู่ทิศทางที่คุณตั้งไว้ และอย่างรวดเร็ว
7.2 หากมีการดีเลย์ ล่าช้า ไปในทางไม่สร้างสรรค์ ให้คุณปรับเปลี่ยนพลังงานของคนด้วย อันนี้แนะนำไม่ได้ เพราะวิธีการจะเข้ามาหาคุณเอง
8. ให้ภาพนั้นๆปรากฏชัดขึ้นในหัวของคุณเท่านั้น
9. จงตัดสินใจ ในการสร้าง อาณาจักรของตัวคุณเอง ในอาณาจักร อาจมีคุณคนเดียวกับ ใครอีก คน สองคน ก็ได้ ที่เรียกอาณาจักร เพราะคุณจะได้เห็นภาพ มากขึ้น
10. ความเชื่อจะนำไปสู่ความชัดเจน และเปลี่ยนพลังงานในหัวของคุณออกมาให้ปรากฏ เหมือนการเสก แต่จะมีระยะให้คุณเตรียมตัว
10.1 การที่คุณคิดว่า ทำไมพระเจ้าไม่ตอบคุณ หรือคุณได้เข้ามาอยู่ในกฏแรงดึงดูดหรือไม่นั้น อันนี้ต้องทำความเข้าใจว่า คุณอยู่ในพลังงานของพระเจ้าตลอดเวลา แต่คุณมองไม่ออก เท่านั้น
10.2 ระยะเวลา ที่ห่าง จากสิ่งที่จะปรากฏนั้น มีเพื่ออะไร บางคนบอก เอาเลยสิ มาเลยสิ อยากให้ปรากฏ อยากให้เกิดเลย เพราะต้องใช้ ต้องมี เป็นต้น
การมีระยะห่างนี้ ทำให้เกิดรายละเอียดที่ชัดเจนขึ้น เหมือนคนปั้นรูปปฏิมากรรม ต้องปรับ เติม แต่ง สิ่งที่กำลังปั้นให้ได้รับความสมบูรณ์ที่สุด เท่าที่จะทำได้
ในเรื่องนี้ก็เช่นกัน ระยะห่างของเวลาจะช่วยคุณให้ได้รับสิ่งที่สมบูรณ์ที่สุด ดียอดเยี่ยมที่สุด และพระเจ้าจะต้องจัดเตรียมคุณเองที่จะเข้มแข็ง และแข็งแกร่งที่พร้อมจะดูแลสิ่งเหล่านั้น ก่อนที่จะปรากฏขึ้นด้วย
โดยหลักๆแล้ว คือเตรียมคุณนั่นเอง
ถ้าคุณอยู่ในคลื่นความถี่เดียวกัน กับพระเจ้า คุณก็จะได้รับสิ่งต่างๆนั้นเร็วขึ้น หากคุณบอก พร้อมนานแล้วแต่เป็นเพราะ คลื่นที่มากระทบตัวคุณแล้วสะท้อนไปที่จักรวาลจะเป็นคำตอบให้จักรวาลนั่นเอง
คลื่นสะท้อนกลับไปในจักรวาล จะเป็นตัวสั่นสะเทือนให้เกิดขึ้นเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับคลื่นความรู้สึกในตัวคุณ
ดังนั้นคุณจึงเข้าใจแล้วว่าการรักษาคลื่นความถี่ในตัวคุณนั้นสำคัญมาก และคุณควรเลือกที่จะปฏิเสธการพูดคุยกับบางคน และเลือกที่จะคุยกับคนที่มีคลื่นเดียวกันกับคุณ
1. หากคุณเป็นคนเถรตรง คุณจะรับคนที่ชอบปั้นเรื่องโกหกหรือคนที่มีอุบาย หรือคนที่คลุมเครือ ไม่ชัดเจนไม่ได้ เพราะคนละคลื่นความรู้สึก
2. กฏของพลังงานจะปิดทางคุณ หรือเปิดทางอื่นให้คุณเอง ด้วยรูปแบบ วิธีการต่างๆ อันนี้บอกไม่ได้ เพราะวิธีนั้นไม่จำกัด แต่ก็จะเป็นมาจาก มนุษย์ ดินฟ้าอากาศ โรคภัยต่างๆ ที่จะหยุดคุณได้ และฉุกใจคิดได้
3. ความรู้สึกนึกคิดของคุณแยกแยะได้รวดเร็ว
ความรู้สึกจะสงบ และเข้าใจ เหมือนดวงตาที่สามเปิดออก จะมีการดำเนินไปอย่างก้าวกระโดด พลังงานของพระเจ้าสนับสนุนคุณตลอดเวลา
4. ขอให้ชื่นชมยินดี ในภารกิจบนโลกนี้ด้วยหัวใจอันอ่อนโยน และซื่อสัตย์กับตนเอง และผู้อื่นเช่นกัน
5. อย่าตกเป็นเหยื่อและตกเป็นทาสของวัตถุ สิ่งของบนโลกนี้ เพราะเราทุกคนมาอยู่อาศัยแค่ชั่วคราวเท่านั่นเอง และควรมีชีวิตที่ชื่นชมยินดีในทุกสิ่งที่มีและต้อนรับในสิ่งที่จะมีมาถึง อย่างรู้ตนว่ามีคุณค่า สมควรที่จะได้รับ ด้วยการขอบพระคุณในทุกวันและทุกกรณี
โฆษณา