13 ธ.ค. 2022 เวลา 05:28 • ข่าว
วันหยุดที่ผ่านมาทวิตเตอร์มีเรื่องน่าสนใจ เมื่อหมอคนหนึ่งรู้สึกว่าอาชีพตนได้ค่าตอบแทนจากการทำงานราชการไม่คุ้มค่าเหนื่อย
สำหรับคนที่ไม่รู้ แพทย์เฉพาะทางที่เรียนจบหมอ 6 ปี+ใช้ทุน 3 ปี+ต่อเฉพาะทาง 3 ปี ทั้งหมดประมาณ 12 ปีกว่าจะได้เริ่มต้นชีวิต ในวัย 30 ปี มีเงินเดือน 20k +เงินค่าวิชาชีพแพทย์ 10k+ เป็นฐาน 30k (บางรพ.อาจได้เงินพิเศษอีก <10k) ที่เหลือคือการอยู่เวร 550บาท/8ชม. อดนอนหลายๆ วันเพื่อให้รวมค่าเวรแล้วจะได้มีรายได้ต่อเดือนซัก 60k (อาจมากกว่านี้ขึ้นกับจำนวนเวรที่โดนบังคับอยู่)
ชาวทวิตบางส่วนชี้ว่า 60k ก็ดีกว่าคนทั่วไปมากแล้ว หมอเจ้าของทวิตจึงตั้งทวิตใหม่ ตามนี้
สามารถติดตามทวิตนี้เต็มๆ ได้ที่
มีคนมาตอบมากมาย ที่น่าสนใจคือรายได้บางสายเยอะพอสมควร โดยเฉพาะสาย audit IT consultant ที่ทำงานกับบริษัทข้ามชาติ
ทำสายการเงิน
ไม่เคยรู้ว่า range เงิน HR กว้างขนาดนี้
เงินเดือน base ต่างประเทศต่างจากไทยมาก
หรืออาจมีงานฟรีแลนซ์ที่รายได้หลักแสน
ดูเหมือนรายได้หลักแสนในวัย 30 จะเป็นเรื่องธรรมดาของคนบางกลุ่ม แต่ก็อย่าลืมว่ารายได้ของคนทั่วประเทศจริงๆ แล้วไม่ใช่คนกลุ่มนี้ มีข้อมูลจากรัฐให้เสิร์ชกันได้ง่ายๆ ในกรุงเทพรายได้เฉลี่ย 40k
*ต่อจากนี้เป็นความเห็นส่วนตัว*
ในสังคมหมอที่มาจากโรงเรียนม.ปลายดีๆ ได้เข้ามหาลัยดีๆ สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่ใช่หมอรพ.รัฐเมื่ออายุ 30 ก็มี career path เงินเดือนหลักแสนกันแทบทุกคน เมื่อเราเป็นหมออายุ 30 แต่เงินเดือนน้อยนิดเทียบกับเพื่อนที่ได้หลักแสน มันก็ปกติที่จะอดเปรียบเทียบกันไม่ได้ เมื่อตอนม.ปลายนั้นตอนเลือกคณะ เด็กๆ จะรู้แค่ว่าอาชีพหมอไม่ร่ำรวยแต่ไม่อดตาย แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจบมาแล้วต้องอดหลับอดนอนแลกเงินคืนละ 550 บาท เทียบกับความรุ่งโรจน์สมัยม.ปลายแล้วก็อดตั้งคำถามตัวเองไม่ได้ว่าศักยภาพเรามาได้แค่นี้หรอ
ในขณะที่ไทยยังกลัวการพูดถึงเงินเดือน นิวยอร์คออกกฎหมาย pay transparency law กำหนดให้แต่ละบริษัทแจ้งมาเลยว่าแต่ละอาชีพได้ฐานเงินเดือนเท่าไหร่ สำหรับเด็กม.ปลายที่ยังไม่รู้ว่าอยากเข้าคณะอะไร มันเป็นเรื่องจำเป็นที่ควรได้รู้ว่าจบมาจะเงินเดือนเท่าไหร่ ลักษณะงานเป็นอย่างไร มีโอกาสเติบโตในอาชีพไปในทิศทางไหน ได้รู้ว่าบ.ต่างชาติจะมี provident fund และ benefit หลายอย่างที่ต่างจากบ.ไทยหลายๆ แง่ และภาษาเป็นเรื่องสำคัญ
ในส่วนของหมอเจ้าของทวิต คิดว่าการเอาเงินเดือนราชการมาเทียบกับเงินเดือนพนักงานออฟฟิศที่ทำบริษัทข้ามชาติถือว่าไม่เป็นมาตรฐานเดียวกันเลย ใครๆ ในระบบราชการก็เงินน้อยกันทั้งนั้น ปรับเงินเดือนปีละหนึ่งพัน (ส่วนตัวเห็นด้วยว่าหมอได้ 60k ต่อเดือนคือน้อย) ไม่ใช่แค่หมอ ทั้งพยาบาล เภสัช ผู้ช่วยทันตแพทย์ ทำนอกเวลาได้ไม่กี่ร้อยบาท ไม่ได้บรรจุข้าราชการด้วยซ้ำ
แต่ถ้าจะให้หมอออกจากราชการมารับเงินแสนในเอกชน ก็มีเหตุผลมืดๆ เทาๆ อีกกระจุกก้อนใหญ่ๆ ที่ทำให้ในระบบราชการนี้ยังมีหมอวิ่งทำงานให้อยู่
อย่างไรก็ตามในการทำงานแม้เงินเดือนจะเป็นเรื่องสำคัญแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ขอให้ทุกคนที่ไม่พอใจกับชีวิตการทำงานของตัวเองในตอนนี้หาทางออกได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
คนอื่นๆ คิดเห็นยังไงกัน?
โฆษณา