15 ธ.ค. 2022 เวลา 05:30 • ธุรกิจ
ระบบ Intelligent search จึงได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการทำธุรกิจยุคใหม่ เพื่อทำให้การค้นหาข้อมูลภายใน และภายนอกองค์กรทำได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และแม่นยำมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาในการค้นหาข้อมูล และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับทั้งพนักงาน และลูกค้าที่มาใช้บริการด้วยการนำเสนอข้อมูลที่ตอบโจทย์ที่สามารถช่วยพนักงาน หรือลูกค้าในการแก้ปัญหาต่างๆ ได้ด้วยตนเองได้เป็นอย่างดี ในบทความนี้ AIGEN จะพามาทำความรู้จักกับระบบ Intelligent search กันให้มากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นแนวทางให้ธุรกิจยุคใหม่นำไปปรับใช้ได้
Intelligent search คืออะไร
ระบบ Intelligent search หรือระบบการค้นหาอัจฉริยะคือกระบวนในการระบุที่อยู่ของข้อมูลที่ทำการค้นหาให้ได้ตามที่ต้องการอย่างรวดเร็วโดยมีเทคโนโลยี AI เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ ไม่ว่าข้อมูลนั้นจะถูกจัดเก็บอยู่ที่ไหน โดยจะช่วยกำจัด Data silos และช่วยให้พนักงาน และลูกค้าสามารถหาข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว และง่ายดาย ผู้ใช้งานสามารถใช้ระบบ Intelligent search ในการดึงข้อมูลที่ต้องการได้จากทุกที่ (ทั้งข้อมูลภายใน และภายนอกองค์กร) และทุกรูปแบบการจัดเก็บข้อมูล
ไม่ว่าจะเป็น Big data ที่จัดเก็บในฐานข้อมูล ระบบการจัดการเอกสาร คอนเทนต์ดิจิทัล เว็บไซต์ กระดาษ และที่อื่นๆ ระบบ Intelligent search กับ Enterprise search นั้นมีความหมายที่เหมือนกันกับการค้นหาด้วยภาษาธรรมชาติ ระบบค้นหา AI หรือระบบค้นหาที่มี AI เป็นตัวขับเคลื่อน และ AI ที่เข้าใจในบริบทของเนื้อหา
Intelligent search VS การค้นหาข้อมูลรูปแบบเดิม
ธุรกิจไม่สามารถที่จะใช้ Google หรือวิธีการค้นหาข้อมูลแบบเดิมเพื่อที่จะหาคำตอบที่เฉพาะเจาะจงของธุรกิจได้ ตัวอย่างเช่น ทำไมการขนส่งสินค้าใหม่ของธุรกิจถึงล่าช้า? หรือความท้าทายที่ลูกค้าต้องเจอที่ธุรกิจได้รับการรายงานสูงสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วคือเรื่องอะไร? สิ่งที่ทำให้ระบบ Intelligent search แตกต่างกับ Search engine และ Web search คือ Intelligent search สามารถแสดงข้อมูล และคำตอบเฉพาะสำหรับธุรกิจของคุณได้
เทคโนโลยี AI ขับเคลื่อนทำให้ระบบ Intelligent search มีเครื่องมือ และความสามารถดังต่อไปนี้
เข้าใจภาษามนุษย์ : ข้อมูลทางธุรกิจมีการอัปเดตอยู่เสมอ และมักจะเขียนด้วยคำศัพท์เฉพาะของแต่ละธุรกิจ ด้วยความสามารถของเทคโนโลยี NLP ทำให้ระบบ Intelligent search สามารถที่จะเข้าใจ และค้นหาดิจิทัลคอนเทนต์ได้จากแหล่งข้อมูลหลากหลายแห่ง การค้นหาในสิ่งที่มีความสัมพันธ์กัน (Semantic search) และการเข้าใจบริบทช่วยให้ระบบการค้นหาอัจฉริยะสามารถแยกแยะความแตกต่างทางภาษา คำพ้องความหมาย และความสัมพันธ์ของภาษาที่สามารถพบได้ในภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และในเอกสารที่มีความซับซ้อน
เรียนรู้โครงสร้างเอกสาร : เครื่องมือ Intelligent tools นั้นมีความสามารถทางด้าน AI ที่เข้าใจการอ่านข้อมูลจากเอกสารที่ขยายไปการเข้าใจเอกสารได้จากหลากหลายแหล่งข้อมูล เทคโนโลยี Machine learning ทำให้ Intelligent search สามารถที่จะเรียนรู้ภาพโครงสร้างของเอกสารเฉพาะของแต่ละองค์กร อุตสาหกรรม และวิชาชีพ
ด้วยความสามารถในการประมวลผลเอกสารเหล่านี้ทำให้ระบบค้นหาอัจฉริยะสามารถเรียนรู้ และระบุองค์ประกอบต่างๆ ในเอกสารได้อย่างรวดเร็ว เช่น ส่วนหัว ส่วนท้าย แผนภูมิ และตาราง นอกจากนั้นด้วยความสามารถขั้นสูงยังสามารถที่จะระบุประเภทของเอกสารได้ เช่น สัญญา ใบสั่งซื้อสินค้า และใบแจ้งหนี้ เป็นต้น
ใช้ประโยชน์จาก Machine learning : ด้วยเทคโนโลยี Machine learning และ Deep learning ได้สร้างคำแนะนำในการค้นหาให้เป็นไปอย่างราบรื่น และปรับปรุงความเกี่ยวข้องของผลการค้นหาอย่างต่อเนื่องเมื่อเวลาผ่านไป โดยคาดการณ์ได้ว่าข้อมูลใดที่จะตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้มากที่สุด
คัดกรองผลการค้นหา : การค้นหาแบบแยกส่วน และการคัดกรองจะจำกัดขอบเขตให้แคบลงและค้นหาข้อมูลเฉพาะในข้อมูลที่ได้รวบรวมไว้
จำแนก และจัดหมวดหมู่เนื้อหา : การไฮไลท์ข้อมูลที่ต้องการแบบอัตโนมัติจะค้นหา และจำแนกองค์ประกอบของข้อความตามหมวดหมู่ที่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้า เช่น ชื่อบุคคล สินค้า ประเภทสินค้า หรือธุรกิจ
Intelligent search ทำงานอย่างไร?
เชื่อมต่อแหล่งข้อมูล และนำเข้าข้อมูล : เพื่อที่จะตอบคำถาม และข้อมูลเชิงลึกได้จากทุกที่ ธุรกิจจำเป็นต้องเชื่อมต่อ และดึงข้อมูลได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นข้อมูล Structured หรือ Unstructured data
จัดทำดัชนีคอนเทนต์ : การจัดดัชนีคอนเทนต์ทำให้เกิดเป็นดัชนีการค้นหารวมเป็นหนึ่งเดียวกันทำให้สามารถจัดลำดับผลของการค้นหาได้โดยต้องคำนึงถึงแหล่งที่มาของคอนเทนต์
เพิ่มคุณค่าคอนเทนต์ : ความสามารถในการค้นหา และดึงข้อมูลเชิงลึกที่ต้องการขึ้นอยู่กับความสามารถในการดึงคำอธิบายของชุดข้อมูล (Metadata) จากคอนเทนต์ หรือเนื้อหาที่มีอยู่ ธุรกิจสามารถเพิ่มเนื้อหาของคอนเทนต์ได้โดยใช้ประโยชน์จากการประมวลผลของเทคโนโลยี NLP ขั้นสูง เช่น การไฮไลท์ข้อมูลที่ต้องการแบบอัตโนมัติ และการวิเคราะห์ความรู้สึก เพื่อที่จะจัดหมวดหมู่ และระบุเนื้อหาที่สำคัญได้
วิเคราะห์คอนเทนต์ : รู้จักเนื้อหาในเอกสารประเภทต่างๆ จัดประเภทของข้อมูล และสร้างความสัมพันธ์ในเชิงความหมายระหว่างบุคคล และเนื้อหาในคอนเทนต์นั้นๆ
ให้คำตอบ และแสดงข้อมูลเชิงลึก : อัลกอริทึมการให้คะแนนแบบอัจฉริยะนั้นจะจัดลำดับข้อความ และแสดงข้อความที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานมากที่สุดในการตอบคำถาม
ระบบ Intelligent search จาก AIGEN
ระบบ Intelligent search ถือเป็นหนึ่งในฟังก์ชันสำคัญของโซลูชัน AI-Powered Knowledge management system ที่ทาง AIGEN ได้พัฒนาขึ้น โดยมีเทคโนโลยี NLP เป็นผู้อยู่เบื้องหลังสำคัญทำให้การค้นหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ สะดวก รวดเร็ว และแม่นยำมากยิ่งขึ้น
อีกทั้งยังสามารถเทรนให้ระบบสามารถเข้าใจคำศัพท์เฉพาะของแต่ละธุรกิจได้ ทำให้สามารถเข้าใจบริบทของคำ หรือประโยคที่คนใช้ในการค้นหาได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะทำให้เวลาที่พนักงาน หรือลูกค้าใช้ในการค้นหาข้อมูลลดลง และทำให้พนักงานได้คำตอบ หรือข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยจุดเด่นของระบบ Intelligent search ของ AIGEN มีดังต่อไปนี้
  • จัดทำดัชนีเนื้อหาได้อย่างละเอียดในไฟล์ทุกประเภท และแจ้งถึงแหล่งที่มาของข้อมูล เพื่อให้ทุกอย่างสามารถค้นหาได้
  • เข้าใจคำศัพท์เฉพาะของแต่ละธุรกิจผ่านทางการเทรนโมเดล AI ได้
  • ไฮไลท์คำตอบที่ตรงตามประโยค หรือคีย์เวิร์ดที่ลูกค้าใช้การค้นหา
  • อัปเดตคอนเทนต์ได้อย่างสะดวก และรวดเร็วผ่านระบบ Content management system
  • เชื่อมต่อกับ Live chat บนเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันที่ใช้ในการสื่อสารของธุรกิจได้ เช่น Line และ Facebook messenger
Think AI Think AIGEN
อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ลิงค์ : https://bit.ly/3ByCdjl
ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับการนำโซลูชัน AI-Powered Knowledge management system ไปใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจ
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AIGEN ได้ที่
· Facebook : AI GEN : ไอเจ็น
· Line : @aigen
โฆษณา