Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ชายขี้เล่า Story
•
ติดตาม
17 ธ.ค. 2022 เวลา 06:00 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่อง ถนนแห่งความตาย
จัดทำโดย : ชายขี้เล่า Story 👻
เรื่องต่อไปนี้เป็นสิ่งที่คุณณิชาได้รับการบอกเล่าจากพ่อเลี้ยงของเธอมาอีกที คุณพ่อเป็นชาวสหรัฐอเมริกาโดยกำเนิดที่ใช้ชีวิตช่วงเกษียณอายุในประเทศไทยและแต่งงานกับคุณแม่ของคุณณิชา อยู่กินด้วยกันมาหลายปีจนสามารถพูดสื่อสารภาษาไทยได้ค่อนข้างดีระดับหนึ่ง คุณพ่อบอกว่ามันเป็นเรื่องที่น่ากลัวและไม่มีทางลืมซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านเกิดของท่านเองเมื่อครั้งสมัยที่คุณพ่อยังเป็นเด็ก โดยขอใช้นามสมมุติแทนคุณพ่อว่าคุณแดนนี่
เรื่องมีอยู่ว่าขณะนั้น คุณแดนนี่ยังเป็นเพียงเด็กชายที่พักอาศัยอยู่กับพ่อแม่และพี่ชายในรัฐแห่งหนึ่งที่เป็นชนบทอันห่างไกล พ่อของคุณแดนนี่มีอาชีพขับรถบรรทุกขนไม้ ส่วนแม่เป็นพนักงานประจำร้านอาหาร ด้วยความที่พ่อและแม่ของคุณแดนนี่ต้องออกไปทำงานพร้อมกันเกือบทุกวันเลยทำให้เขาและพี่ชายต้องอยู่กันตามลำพังสองคนพี่น้องแบบนี้หลายครั้ง มีเรื่องที่น่าเป็นห่วงอยู่อย่างหนึ่งคือบ้านของคุณแดนนี้เป็นพื้นที่ซึ่งอยู่ติดกับถนนใหญ่ที่มีรถบรรทุกขับผ่านหลายคันเพราะเป็นเส้นทางหลักสำหรับขนย้ายสินค้าขนาดใหญ่
1
คุณพ่อเลยมักจะย้ำกับพี่ชายของคุณแดนนี้เสมอว่าให้ดูแลน้องอย่าออกไปเล่นใกล้ถนนเพราะอาจจะถูกรถชนเอาได้ อีกอย่างคือให้อยู่แต่เพียงในบ้านและล็อคประตูเอาไว้ให้แน่นหากใครที่ไม่ใช่คนในครอบครัวมาเรียกห้ามเปิดประตูเป็นอันขาดเนื่องจากกลัวว่าจะเป็นโจรเข้ามาขโมยของรอบๆนี้มีแค่ครอบครัวเราเป็นบ้านหลังเดียวเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาพี่น้องทั้งสองได้ปฏิบัติตามคำสั่งของพ่อเป็นอย่างดีมาตลอด
ช่วงวันหยุดยาวฤดูร้อนรอบนี้ ทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามปกติ จนกระทั่งวันหนึ่งพ่อได้บอกกับเขาและพี่ชายว่าวันนี้จะเข้าไปในเมือง เพราะแม่ของเขาถูกตำรวจจับเมื่อตอนเช้าด้วยข้อหาทะเลาะวิวาทในที่ทำงานเมื่อถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมตรวจสอบยังพบอีกว่าแม่เป็นผู้อพยพเข้าเมืองมาอย่างผิดกฎหมาย
คุณพ่อจึงจำเป็นต้องขับรถเข้าไปในเมืองอย่างเร่งด่วนเพื่อจัดการกับปัญหานี้ ทางคุณแดนนี่และพี่ชายยังเป็นเด็กที่ไม่เข้าใจในเรื่องของกฎหมาย พวกเขามองว่าพ่อคงจัดการได้ไม่น่ามีปัญหาอะไร ซึ่งคุณพ่อก็ไว้ใจให้ทั้งสองคนอยู่บ้านกันตามลำพังเพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเกิดเหตุร้ายอะไรมาก่อน
หลังจากที่คุณพ่อขับรถเข้าไปในตัวเมืองแล้ว คุณแดนนี่และพี่ชายก็เอาแต่คุยกันถึงเรื่องแม่ แต่ด้วยความที่เป็นเด็กเรื่องที่คุยจึงเปลี่ยนการเล่นอย่างอื่นภายในบ้านแทน เวลาผ่านไปจนถึงตอนเย็นยังไม่มีวี่แววว่าคุณพ่อจะกลับมาสักที แต่ยังโชคดีที่พอมีอาหารและขนมไว้กินแก้เบื่อได้อยู่บ้าง
“แกรก แกรก” เสียงบางอย่างกำลังกระทบกับบานหน้าต่างกระจกจนเกิดเสียงดัง คุณแดนนี่และพี่ชายรีบวิ่งไปยังที่บานหน้าต่างเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขามองเห็นกวางตัวใหญ่กำลังใช้เขาแหลมดันกระจกอยู่
เมื่อกวางตัวนั้นเห็นว่ามีเด็กสองคนเดินมาใกล้หน้าต่างมันจึงเดินห่างออกไปจนถึงบริเวณหน้าบ้านที่ติดกับถนนใหญ่ คุณแดนนี่รู้สึกตื่นเต้นกับการได้เห็นกวางตัวนี้มาก มันทั้งตัวใหญ่ มีเขาที่สวยงาม
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นกวางตัวเป็นๆ ซึ่งปกติจะเคยเห็นแต่ในหนังสือกับหัวกวางตายแล้วที่สต๊าฟเอาไว้ตามเพดานสำนักงานหรือบ้านคนรวยในเมืองเท่านั้น เขาจึงเปิดประตูแล้วเดินตามไปดูกวางตัวนั้นที่หน้าบ้าน แต่ถูกพี่ชายมาดึงตัวเพื่อห้ามเอาไว้ คุณแดนนี่ไม่ยอมเพราะเขาอยากจะไปดูให้ใกล้กว่านี้จึงเกิดการขัดขืนกับพี่ชายที่พยายามห้าม
ระหว่างที่กำลังทะเลาะกันอยู่ คุณแดนนี่สังเกตเห็นว่ากวางตัวนั้นได้วิ่งข้ามถนนไปอยู่อีกฝั่งอย่างรวดเร็ว เขาจึงหยุดทะเลาะกันแล้วหันไปมองที่กวางตัวนั้นอีกครั้ง
อีกฝั่งของถนนเป็นป่าทึบ ซึ่งบริเวณแถวนี้ไม่มีบ้านคนอื่นเลยนอกจากครอบครัวของเรา คุณแดนนี่เดินไปจนเกือบถึงขอบถนนโดยที่มีพี่ชายเดินตามออกไปด้วย ทั้งคู่หยุดแล้วมองไปที่กวาง เจ้ากวางตัวนั้นมันก็จ้องมองกลับมาหาพวกเขาด้วยเช่นกัน ที่ป่าด้านหลังมีร่างของเด็กสองคนเดินแหวกพุ่มไม้ออกมา คนแรกที่เห็นเป็นเด็กผู้หญิง ส่วนอีกคนที่เด็กตามมาเป็นเด็กผู้ชาย ดูไปแล้วน่าจะอายุพอๆกับคุณแดนนี่
เด็กทั้งสองเดินมายืนใกล้ๆกับกวางก่อนที่จะหันมามองคุณแดนนี่และพี่ชาย เด็กผู้หญิงกวักมือเรียกเหมือนต้องการให้พวกเราข้ามถนนไปหา แต่คราวนี้เป็นพี่ชายที่เดินก้าวออกไปเป็นคนแรกจนเกือบถึงกลางถนนตามการเรียกของเด็กผู้หญิง คุณแดนนี่เริ่มรู้สึกแปลกๆ เลยรีบตามไปดึงเสื้อพี่ชายเพื่อให้กลับเข้ามาออกห่างจากถนน เสียงแตรรถบีบดังเตือนมาแต่ไกลทำให้พี่ชายได้สติก่อนที่จะวิ่งกลับมาหน้าบ้านพร้อมคุณแดนนี่ ที่มาของเสียงมาจากรถบรรทุกที่บีบไล่ให้ทั้งคู่ออกจากถนน
เมื่อรถบรรทุกขับผ่านมาถึงหน้าบ้านคนขับได้ตะโกนด่าพวกเขาว่าทำไมถึงออกมาเล่นบนถนน โชคดีที่มองเห็นเลยบีบแตรเตือนได้ทันก่อนไม่อย่างนั้นคงถูกรถเหยียบไปแล้ว คุณแดนนี่ได้บอกคนขับรถบรรทุกว่ามีเด็กสองคนที่ยืนอีกฝั่งกวักมือเรียกให้ไปดูกวาง พอคนขับรถบรรทุกได้ฟังเขาก็ถึงกับเงียบเปลี่ยนจากคนที่กำลังโกรธกลายเป็นคนที่มีอาการตื่นตระหนกทันที
คนขับรถบรรทุกมองไปที่ถนนอีกฝั่งแล้วสักพักเขาก็รีบหันกลับมาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะพูดกับคุณแดนนี่ว่าตอนนี้ใกล้จะมืดแล้วให้ทั้งคู่รีบกลับเข้าบ้านแล้วล็อกประตูให้แน่นก่อนที่จะขับรถออกไปทันที หลังจากรถขับผ่านไปแล้ว พวกเรามองไปที่ฝั่งตรงข้ามอีกครั้งและยังคงเห็นเด็กทั้งสองและกวางยืนอยู่ที่เดิม
เด็กผู้หญิงกวักมือเรียกให้ข้ามถนนมาอีกครั้ง แต่เนื่องจากเหตุการณ์เมื่อสักครู่ที่เกือบถูกรถบรรทุกชนทำให้พวกเราทั้งคู่มีสติมากขึ้นและไม่ได้เดินตามออกไปที่ถนน เด็กผู้หญิงเมื่อเห็นพวกเราไม่ยอมเดินออกมาเธอได้แสดงออกทางสีหน้าที่ดูเหมือนว่ากำลังไม่พอใจ เธอเดินเข้าไปใกล้กับกวางที่เราเห็นในตอนแรก ซึ่งกวางตัวนั้นกำลังก้มหัวลงมาหาเด็กผู้หญิง
เธอยื่นมือไปจับที่เขากวางและกระตุกเขาคู่นั้นอย่างแรกก่อนที่จะปล่อยมือออกมา การทำแบบนั้นส่งผลให้กวางตัวนั้นคอหักพับลงมาจนเกือบติดพื้นแต่มันยังคงยืนนิ่งเหมือนไม่มีความรู้สึกเจ็บปวด เด็กผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังอยู่ดีๆก็หัวเราะเสียงดังออกมา เด็กทั้งสองเริ่มหัวเราะพร้อมกันและมองมาทางพวกเราด้วยใบหน้าที่น่ากลัว
คุณแดนนี่และพี่ชายเมื่อได้เห็นแบบนั้นก็พากันร้องไห้รีบวิ่งหนีเข้าบ้านด้วยความหวาดกลัว พี่ชายล็อกประตูด้วยอาการมือสั่นก่อนที่จะพาคุณแดนนี่วิ่งขึ้นห้องนอนที่ชั้นสองของบ้าน พวกเรากลัวกันมากจนต้องนั่งเบียดอยู่บนที่นอน นี่ก็เริ่มจะมืดแล้วแต่พ่อยังไม่กลับบ้านมาสักที
เป็นเวลาเกือบชั่วโมงที่ต้องอยู่ในอาการหวาดระแวงแบบนั้น คุณแดนนี่ถามพี่ชายว่าเด็กสองคนนั้นเป็นผีรึเปล่า ทางพี่ชายเองก็ไม่ทราบเช่นกัน ทั้งสองคนพากันเดาไปต่างๆนานา น่าแปลกทั้งที่พวกเขาอยู่ที่บ้านหลังนี้กันมานานแต่กลับไม่เคยเจอเรื่องน่ากลัวแบบนี้มาก่อน
คุณแดนนี่ได้ต่อว่าพี่ชายถึงเรื่องที่เดินออกไปกลางถนนจนเกือบถูกรถบรรทุกชน พี่ชายของเขากลับตอบไปว่าตัวเองก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นมารู้ตัวอีกทีเพราะเสียงแตรดังจากรถบรรทุกนั่นแหละนี่ถ้าช้ากว่านี้คงมีหวังได้ตายกันทั้งคู่แน่นอน สำหรับเด็กอย่างพวกเรานี่ถือว่าเหมือนฝันร้ายที่อยากจะหนีออกมาให้ได้ ตอนนี้เราได้แต่หวังว่าเมื่อไหร่พ่อจะกลับมาสักที
ทุกอย่างน่าจะจบลงแค่นี้ แต่ท่ามกลางความเงียบได้มีเสียงร้องที่แปลกประหลาดดังขึ้นจากข้างนอกบ้าน เป็นเสียงร้องดังลากยาวฟังแล้วไม่เหมือนเสียงที่คนจะทำเลียนแบบได้ พอตั้งใจฟังดีๆมันคล้ายเสียงร้องของสัตว์ พวกเราที่ได้ยินเสียงนั้นตกใจลุกขึ้นยืนหันมามองหน้าพร้อมกัน คุณแดนนี่ถามพี่ชายว่านั่นมันเสียงตัวอะไร พี่ชายบอกว่าจะลองไปส่องดูที่หน้าต่างห้องนอนแต่มีข้อแม้ว่าคุณแดนนี่ต้องมาด้วยกัน เราทั้งคู่มีทั้งความกลัวและความอยากรู้พอๆกัน จึงตัดสินใจดูให้รู้ไปเลยว่ามันคือตัวอะไรที่มาส่งเสียงข้างนอกบ้าน
คุณแดนนี่และพี่ชายยืนจ้องดูสิ่งที่อยู่ข้างนอก พวกเขาได้เห็นว่ากวางตัวนั้นกำลังเดินข้ามถนนมาในสภาพคอหักโดยมีเด็กผู้หญิงจูงเขาของมันอยู่ข้างหน้า ส่วนเด็กผู้ชายคอยเดินดันหลังกวางตัวนั้นจากข้างหลัง พวกนั้นกำลังเดินข้ามมาจนเกือบถึงบริเวณหน้าบ้านของเราแล้ว ยิ่งใกล้ๆเท่าไหร่ยิ่งได้ยินเสียงร้องของกวางตัวนั้นดังชัดมากขึ้น
เด็กสองคนที่เดินมากับกวางแหงนหน้าหันมองพวกเราที่หน้าต่าง โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงซึ่งตอนนี้หน้าของเธอได้เปลี่ยนไปจนดูเหมือนกำลังบิดเบี้ยวผิดรูปอย่างน่ากลัว เธอยิ้มให้พวกเราพร้อมกับเขย่ากระตุกเขาบนหัวกวางที่จูงอยู่ไปอย่างแรง คอของกวางหักงอบิดไปมาตามแรงกระชาก สีที่ทำเหมือนเด็กคนนั้นเป็นพวกจิตใจไม่ปกติ เธอเขย่าโยกหัวกวางให้แรงขึ้นอีกจนลิ้นของมันปลิ้นห้อยลงมา
เหมือนนัดกันมาคุณแดนนี่และพี่ชายเด้งตัวถอยออกพร้อมกัน เขาคิดว่าพวกนั้นต้องเป็นผีแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย พวกมันจะทำร้ายเราได้รึเปล่า พวกเรากลัวและไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีได้แต่ร้องไห้เกาะแขนกันตัวสั่นด้วยความกลัว เสียงกวางยังคงร้องดังไม่หยุด แต่คราวนี้มีเสียงเด็กผู้หญิงฮัมเพลงตามมาด้วย บางทีก็มีเสียงแกรกๆดังที่หน้าต่างข้างล่า เหมือนตอนที่พวกเราเจอกวางเมื่อตอนเย็น ทุกอย่างมีแต่ความกดดัน เสียงพวกนั้นมันกำลังจะทำให้เราพี่น้องเสียสติ
ท่ามกลางความรู้สึกเหล่านั้น มีเสียงรถขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ซึ่งได้ทำให้เสียงที่ได้ยินก่อนหน้านั้นเงียบหายไป คุณแดนนี่และพี่ชายเริ่มสงบจิตใจได้ขึ้นมาบ้าง พวกเราตัดสินใจที่จะเดินลงไปดูว่าใช่รถของพ่อรึเปล่า และก็เป็นไปตามที่คิดเอาไว้ พ่อเคาะประตูตะโกนเรียกพวกเรา สิ่งที่ได้ยินเปรียบเหมือนเสียงสวรรค์เราทั้งคู่เปิดประตูร้องไห้วิ่งเข้าไปกอดคุณพ่อด้วยความดีใจ
พ่อบอกว่ากว่าจะทำธุระเรื่องแม่เสร็จก็ดึกพอดีอีกทั้งยังต้องพาแม่ไปที่โรงพยาบาลเพราะว่ามีบาดแผลหลายจุดจากเหตุการทะเลาะวิวาทกับเพื่อนร่วมงานที่เป็นคดีความในวันนี้เลยทำให้กลับช้า และยังบอกอีกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะพาไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลด้วยกัน
เรื่องของแม่ที่ต้องเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลทำให้พวกเราเกือบจะลืมเรื่องน่ากลัวที่เพิ่งเจอเมื่อสักครู่ไปเลยจนกระทั่งถูกคุณพ่อถามถึงว่าทำไมทั้งคู่ต้องร้องไห้หนักกันขนาดนั้นแค่กลับช้าเฉยๆไม่น่าจะใช้เรื่องใหญ่อะไรมากนัก สำหรับคุณพ่อแล้วเขามองว่าการให้เด็กสองคนอยู่บ้านกันตามลำพังถือเป็นเรื่องปกติ ในมุมมองของผู้ใหญ่ถือเป็นการฝึกความรับผิดชอบอย่างหนึ่ง เมื่อคุณพ่อถามมาแบบนั้นพี่ชายจึงเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังทันที
พ่อดูมีท่าทางตกใจเล็กน้อยและยังย้ำอีกทีว่าแน่ใจรึเปล่าที่เห็นแบบนั้น พวกเรายืนยันหนักแน่นว่านี่คือเรื่องจริง พ่อเดินไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวแล้วเรียกเราทั้งคู่ให้ตามมา คุณพ่อได้บอกให้เราฟังว่า ไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันจะเกี่ยวข้องกันรึเปล่า เพราะมันมีเรื่องเล่าในหมู่ของคนขับรถบรรทุกที่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงมากน้อยแค่ไหนบางทีอาจจะเป็นการแต่งเติมพูดเกินความเป็นจริงไปบ้าง
สมัยที่คุณพ่อได้เริ่มทำงานใหม่ๆ ตอนนั้นแม่ได้กำลังอุ้มท้องพี่ชายของคุณแดนนี่อยู่ ครอบครัวของเราอาศัยอยู่ในหอพักเล็กๆและต้องเดินทางไกลมากเพื่อไปทำงาน จนเริ่มมีความคิดว่าอยากจะหาบ้านที่หลังใหญ่มากกว่านี้ยิ่งถ้าอยู่ใกล้บริษัทขนส่งด้วยก็ยิ่งดี จนกระทั่งได้รับการแนะนำจากหัวหน้าในที่ทำงาน ซึ่งนั่นก็คือบ้านหลังที่เราอยู่ในตอนนี้ โดยมีข้อเสนอว่าจะไม่มีการเรียกเก็บค่าเช่า แต่ขอให้เพิ่มเวลาทำงานแทน
หัวข้อที่สำคัญคือบ้านหลังนี้เคยมีประวัติ คนที่อยู่มาก่อนเป็นครอบครัวพ่อแม่ลูกที่พี่สาวกับน้องชาย ซึ่งทั้งสองคนนี้จัดอยู่ในกลุ่มของเด็กที่มีปัญหาทางจิตขั้นรุนแรง ในวันที่พ่อแม่กำลังนอนหลับในตอนกลางวัน มีกวางตัวใหญ่ได้เข้ามากินหญ้าที่หน้าบ้าน แต่เขาบนหัวของมันดันเกิดติดอยู่กับแผ่นตะแกรงเหล็กที่วางเอาไว้ใกล้กับหน้าต่างบ้าน
เด็กผู้หญิงที่เห็นกวางเธอเดินออกมาด้วยความหวังดีอยากจะช่วยดึงตะแกรงออกให้ แต่ด้วยความที่เธอมีความผิดปกติทางจิตจึงพยายามดึงแผ่นตะแกรงออกอย่างแรงและกระตุกเขาของมันไปมาเหมือนกับเป็นเรื่องสนุก การทำแบบนั้นส่งผลให้กวางตกใจมันยกหัวดันเขาขึ้นอย่างแรงทำให้เด็กผู้หญิงที่กำลังดึงตะแกรงถูกเขากวางขวิดลอยขึ้นจนตัวของเธอติดกับหัวของมันซึ่งทำให้กวางตัวนั้นคลั่งกว่าเดิมมันวิ่งไปทั้งที่มีเด็กผู้หญิงติดอยู่บนหัวจนถึงกลางถนนก่อนที่จะหมุนตัวสะบัดเขาไปมาเพื่อให้เธอหลุด
เด็กชายที่เห็นพี่สาวถูกกวางเหวี่ยงไปมากลางถนนจึงวิ่งตามออกมาเพื่อจะช่วยพี่สาว แต่โชคร้ายมีรถบรรทุกขับผ่านมาซึ่งเป็นไปได้ว่าคนขับอาจจะเมาหรือหลับใน กวางและเด็กทั้งสองถูกรถบรรทุกชนเข้าอย่างแรง กว่าคนขับจะรู้ตัวก็ได้ลากศพทั้งสามไปไกลมากแล้ว คนขับที่รู้ว่าชนคนตายได้ทิ้งรถแล้วหนีหายไปไม่กลับมาทำงานอีก ไม่มีใครรู้ว่าเขาหลบหนีไปที่ไหน หลังเกิดเรื่องทางพ่อแม่ของเด็กขายบ้านหลังนี้ต่อให้หัวหน้าในราคาที่ถูกมากก่อนที่จะย้ายออกไป โดยที่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หัวหน้าฟังด้วย
เป็นที่ร่ำลือในกลุ่มคนขับรถบรรทุกถึงการพบเจอวิญญาณเด็กสองคนนั้นหลายครั้ง บางทีเห็นกวางตัวใหญ่มีเด็กห้อยติดอยู่บนหัวกระโดดตัดหน้ารถบ้าง หรือบางครั้งเห็นเป็นเด็กผู้หญิงกำลังคลานข้ามกลับไปที่ถนนอีกฝั่ง ในส่วนของเรื่องการพบเจอผีเด็กทั้งสอง คุณพ่อคิดว่าอาจจะเรื่องเล่ามากกว่าเพราะตัวท่านเองเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องภูตผีปีศาจ อีกทั้งได้ที่อยู่ใกล้ขนส่งและฟรีแบบนี้จึงขอตอบรับข้อเสนอไป
ตั้งแต่อยู่มาคุณพ่อไม่เคยเจอผีเด็กสองคนนั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งเวลาขับรถและอยู่บ้าน แต่ไม่คิดว่าแดนนี่กับพี่ชายจะมาเจอแทน หลังจากวันนั้นเราพี่น้องตัดสินใจที่จะไม่อยู่บ้านกันเองอีกเลยเพราะกลายเป็นความกลัวฝังใจทุกครั้งที่เป็นวันหยุดจะขอติดรถไปทำงานกับคุณพ่อด้วยทุกครั้งถึงแม้การทำแบบนี้จะทำให้คุณแดนนี่และพี่ชายถูกเพื่อนรุ่นเดียวกันล้อเลียนก็ตาม จนถึงช่วงที่คุณพ่อและแม่ได้ย้ายงานไปทำที่อีกรัฐเลยจำเป็นต้องย้ายที่อยู่ออกจากบ้านหลังนี้ตามไปด้วย
เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่คุณณิชาได้รับการบอกเล่าจากคุณพ่อมาอีกที โดยที่ท่านยืนยันว่าเรื่องที่พบเจอเป็นความจริงที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก หลังจากที่ได้ฟังจนจบคุณณิชาได้ถามคุณพ่อในเรื่องที่สงสัยเกี่ยวกับกวางตัวนั้น เธออยากรู้ว่ากวางที่คุณพ่อเห็นมันเหมือนกวางปกติทั่วไปเลยรึเปล่ามีอะไรที่น่าแปลกใจบ้างมั้ย
คุณพ่อบอกว่าตอนที่เข้าไปดูใกล้ๆครั้งแรก มันเหมือนกวางตัวผู้ทั่วไป ตัวใหญ่ มีเขาที่สวยงาม จัดว่าเป็นกวางที่มีสภาพร่างกายสมบูรณ์มากเลยทีเดียว หากดูจากภายนอกไม่มีทางรู้ได้เลยว่ากวางตัวนี้มันไม่ได้มีชีวิตตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่มีใครรู้หรอกว่าทำไมคุณพ่อกับพี่ชายถึงได้เห็นกวางตัวนั้น แม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
คุณณิชาที่ได้ฟังบอกคุณพ่อว่าในไทยเองมีเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับตัวตายตัวแทนอาจเป็นไปได้ว่าทั้งหมดนี้คงเป็นการถูกชักจูงให้ไปตายโดยตรงจากผีเด็กทั้งสองคน เพราะทุกอย่างดูบังเอิญคล้ายกันหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังที่อยู่ และพ่อของท่านที่มีอาชีพขับรถบรรทุกขนไม้ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เด็กสองคนตายก็คือรถบรรทุก อีกทั้งมีพี่น้องสองคนที่อายุใกล้กันเหมือนกับผีเด็กทั้งสองอีก หากวันนั้นคนขับรถบรรทุกไม่ได้เห็นคุณพ่อกับพี่ชายและบีบแตรเตือนตั้งแต่ระยะไกลเอาไว้ก่อนป่านนี้อาจจะเกิดเรื่องร้ายแรงไปแล้วก็ได้
3
คุณพ่อที่ได้ฟังคุณณิชาได้บอกว่านี่มันเป็นเหตุผลที่น่าทึ่งมากเขาไม่เคยคิดแบบนี้มาก่อนเลย ฟังแล้วก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน คุณพ่อได้พูดปิดท้ายเอาไว้หากมีโอกาสได้กลับไปที่นั้นอีกครั้ง ก็อยากจะชวนคุณณิชาให้ไปดูด้วยกัน แน่นอนว่าคุณณิชารีบปฏิเสธคุณพ่อทันที ถึงแม้ว่าตัวเธอจะเป็นคนที่ชื่นชอบเรื่องผีมากแค่ไหนก็ตาม…
เยี่ยมชม แฟนเพจ : ชายขี้เล่า Story
https://www.facebook.com/10868553802964
เรื่องสั้น
นิยายลึกลับสยองขวัญ
เรื่องผี
บันทึก
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย