28 ธ.ค. 2022 เวลา 05:47 • ปรัชญา
ทุ ก ค น เ ค ย ส ง สั ย เ ห มื อ น ผ ม ไ ห ม ค รั บ🤔🤔
:ตัวเราในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเป็นไง
ถ้าใครเคยคิดแบบนี้ หรือ อยากรู้ว่าตัวเองในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเป็นยังไง
ลองอ่านบทความนี้ดูครับ………..
ทุกคนว่ามันจะดีไหมครับ ถ้าเราทุกคนรู้ว่าในอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้น ถ้าเราสามารถรู้ได้มันต้องดีมากๆเลยใช่ไหมครับ แต่ความเป็นจริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ ถ้าเป็นไปได้ผมคงรวยทุกวันที่ 1 กับวันที่ 16 ของทุกเดือนละเนาะ [ติดตลกอีกแล้ว😝😝]
แต่เราสามารถคาดการณ์ได้ครับว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของตัวเราเอง ทุกคนเคยได้ยินคำกันนี้ไหมครับว่า เราในปัจจุบันคือผลรวมของตัวเราในอดีต และจริงๆแล้วอนาคตของตัวเราเนี่ยครับ ไม่ใช่แค่เราคาดการณ์ได้ครับว่าชีวิตเราในอนาคตจะเป็นยังไง
แต่เราเองสามารถกำหนดได้เลยครับ ว่าชีวิตเราในอนาคตจะเป็นยังไง แล้วถ้าเป็นอย่างงั้น
จะดีกว่าไหมครับถ้าเราจะกำหนดตัวเราเองให้ในอีก 5 ปีข้างหน้าให้ดีกว่าตัวเราในวันนี้
วันนี้ผมจะบอกวิธีกำหนดตัวเราเองใน 5 ปีข้างหน้าให้ครับ ไปเริ่มกันเลยครับ
1. อาหารที่เรากิน
เราคือสิ่งที่เรากินเข้าเข้าไปคำนี้คือเรื่องจริงครับ ถ้าเรากินอาหารดีๆเราก็จะสุขภาพดี แต่อาหารดีๆที่ผมหมายถึงไม่ใช่อาหารที่ราคาเเพงนะครับ คืออาหารที่สารอาหารครบ 5 หมู่
มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่จำเป็นต้องราคาแพงครับ ถ้าเราเริ่มคุมอาหารการกินของเราตั้งแต่วันนี้ ทุกคนว่าเราพอจะรู้ได้ไหมครับ ว่าอีก 5 ปีข้างสุขภาพเราจะเป็นยังไง ผมว่าต้องดีขึ้นแน่ๆครับ ยิ่งถ้าเราออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยได้มันจะดีมากๆครับ
อย่าลืมนะครับ เราทุกต้องใช้ร่างกายได้การหาเงินนะครับ การดูแลสุขภาพเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากครับ อาจจะเป็นอันดับต้นๆของชีวิตเลยก็ว่าได้ครับ แต่หลายๆคนมองข้าม เพราะเพียงแค่คำว่าไม่มีเวลา หรือมันยุ่งยาก สุขภาพที่ดีมันซื้อขายไม่ได้นะครับ ใครอยากได้ก็ต้องทำเองครับ ถ้าให้เลือกรักษากับป้องกันเราจะเลือกอะไรครับ ยิ่งตอนนี้โลกมันไปไกลละครับการที่เราจะดูแลสุขภาพมันไม่ใช่เรื่องยากละครับ สมัยนี้มีตัวช่วยเยอะเเยะเลยครับ เริ่มดูแลสุขภาพตัวเองวันนี้ยังไม่สายครับ
2. หนังสือที่เราอ่านหรือสื่อที่เราเสพครับ
หนังสือที่เราอ่านกับสื่อที่เราเสพก็เป็นอีกอย่างหนึ่งครับ ที่จะเป็นตัวกำหนดชีวิตเราในอนาคต
ลองคิดง่ายๆครับ ถ้าคนที่อ่านหนังสือการ์ตูนกับคนที่อ่านหนังสือเกี่ยวกับการพัฒนาตัวเอง เป็นเวลา 5 ปีทุกวันเท่ากัน ทุกคนคิดว่าใครจะมีทัศนคติหรือแนวคิดดีกว่ากัน ผมว่าทุกคนคงมีคำตอบในใจเนอะครับ แต่พอผมพูดแบบนี้ไม่ใช่ว่าทุกคนจะอ่านหนังสือการ์ตูนไม่ได้นะครับ เราอ่านเพื่อผ่อนคล้ายได้ครับ แต่เราควรจะเลือกเสพสื่อหรือเลือกอ่านหนังสือที่เป็นประโยชน์กับตัวเองดีกว่า
เพราะมันจะเปลี่ยนเวลาว่างที่เราใช้ไปกับสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ ก็จะเปลี่ยนเป็นเราใช้เวลาว่างให้ได้ประโยชน์มากขึ้น ลองเปลี่ยนสื่อที่เราดูหรือหนังสือที่เราอ่าน ที่ไม่ก่อใ้ห้เกิดประโยชน์ มาอ่านหนังสือหรือเสพสื่อที่เป็นประโยชน์กับตัวเรากันดีกว่าครับ แล้วพอผ่านไป 5 ปีทุกคนลองมองกลับมาที่ตัวเองดูนะครับ ว่าเราเปลี่ยนไปขนาดไหน ถึงมันจะมากจะน้อยแต่เชื่อเถอะครับว่ามันต้องไปในทิศทางที่ดีขึ้นแน่นอนครับ
3. สังคมที่เราอยู่
สังคมที่เราอยู่ ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งครับที่กำหนดชีวิตเราในอนาคต ตอนเป็นเด็กทุกคนคงเคยได้ยินพ่อแม่พูดแบบนี้กันเนอะครับ เวลาครบเพื่อนให้ครบเพื่อนที่ดีๆนะ ผมว่าทุกคนคงเคยได้ยินคำนี้แน่นอนครับ มนุษย์เป็นสัตว์สังคมยังไงก็ไม่สามารถอยู่คนเดียวตลอดชีวิตได้ครับ จริงอยู่นะครับว่าเสียคนกับเพื่อนที่ครบมีเยอะครับ แต่ได้ดีกับเพื่อนที่ครบก็มีไม่น้อยครับ อยู่ที่เราเลือกครบคนแบบไหนครับ เหล็กมันดูดเหล็กครับ เราอยากเจอคนประเภทไหน เราก็ต้องทำตัวแบบนั้นครับ
ทุกคนเคยสั่งเกตุไหมครับ นกพิราบก็จะบินในความสูงที่ต่างกับเหยี่ยวครับ ก็เหมือนคนนั้นแหละครับ คนที่แนวคิดหรือทัศนคติที่ต่าง ก็จะอยู่ในสังคมที่ต่างครับ ถ้าอยากมีทัศนคติที่ดีหรือแนวคิดดีๆ เราก็ต้องพาตัวเองไปอยู่ในสังคมที่คนมีแนวคิดและทัศนคติที่ดี เขาอยู่กันครับ แล้วทุกๆคนจะเป็นค่าเฉลี่ยของคนในสังคมนั้นครับ ตอนนี้ก็อยู่ที่ตัวเราเองแล้วครับว่าจะเลือกสังคมแบบไหน
ถ้าอ่านถึงตรงนี้แล้วลองเปลี่ยน อาหารที่เรากิน หนังสือที่เราอ่านหรือสื่อที่เราเสพ และสังคมที่เราอยู่กันดูนะครับ ในอีก 5 ปีข้างหน้าเราอาจจะตกใจกับผลลัพธ์ที่เราได้ก็ได้นะครับ
สุดท้ายนี้ผมอยากจะบอกแบบนี้ครับ ผลลัพธ์ในช่วงแรกของคนที่เปลี่ยนกับคนที่ไม่ได้เปลี่ยนอะไร ผลลัพธ์มันอาจจะไม่ต่างกัน แต่เมื่อนานๆไปผลลัพธ์มันจะต่างกันมากครับ
ท้ายสุดขอขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะครับ ถ้าชอบหรือถูกใจฝากกดไลค์ กดแชร์ กดติดตามเพื่อเป็นกำลังให้ผมหน่อยนะครับ🥰🙏🤟
#นักเขียนมือใหม่ #แนวคิดดีๆ #นักศึกษาหัดเขียน
โฆษณา