30 ธ.ค. 2022 เวลา 13:58
ฎีกาที่ 4064/2563
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 2731 ถึง 2734 และ 4995 จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 ถึงที่ 8 ร่วมกันบุกรุกเข้ามาทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวของโจทก์ ขอให้ขับไล่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 ถึงที่ 8 และบริวารออกจากที่ดินของโจทก์
และห้ามจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 ถึงที่ 8 และบริวารเข้าไปเกี่ยวข้องในที่ดินดังกล่าวอีกต่อไป จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 ถึงที่ 8 ให้การในตอนแรกว่า ที่ดินพิพาทเดิมเป็นป่าช้าและที่เผาศพของชาวบ้านเป็นเวลานานกว่า 60 ปี ซึ่งเท่ากับว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 ถึงที่ 8 ต่อสู้ว่าที่ดินพิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 (2)
แต่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 ถึงที่ 8 กลับให้การในตอนหลังว่า หากโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 ถึงที่ 8 ได้แย่งการครอบครองจากโจทก์ตั้งแต่ปี 2554 โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้เกิน 1 ปี นับแต่เวลาที่โจทก์ถูกแย่งการครอบครองซึ่งเป็นการต่อสู้เรื่องแย่งการครอบครอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 1375 วรรคสอง
จึงเป็นคำให้การไม่ชัดแจ้งว่าที่ดินพิพาทเป็นสาธารสมบัติของแผ่นดินหรือของโจทก์ และเป็นคำให้การที่ขัดแย้งกับคำให้การในตอนแรกของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 ถึงที่ 8 เอง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง และเมื่อจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 ถึงที่ 8 ให้การเพียงว่าได้แย่งการครอบครองจากโจทก์ตั้งแต่ปี 2554
มิใช่เพิ่งรบกวนการครอบครอง ไม่ได้ให้การว่าโจทก์ฟ้องขอปลดเปลื้องการรบกวนการครอบครองเกิน 1 ปี นับแต่ถูกรบกวนการครอบครอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1374 วรรคสอง จึงไม่มีประเด็นต้องวินิจฉัยเรื่องโจทก์มิได้ฟ้องปลดเปลื้องการรบกวนการครอบครองภายใน 1 ปี นับแต่ถูกรบกวนการครอบครองตามที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 ถึงที่ 8 ฎีกา
แต่คำให้การของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 ถึงที่ 8 เป็นที่เข้าใจได้ว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 ถึงที่ 8 ให้การปฏิเสธฟ้องของโจทก์โดยสิ้นเชิง คดีจึงคงมีประเด็นข้อพิพาทว่าพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 2731 ถึง 2734 และ 4995 เป็นของโจทก์หรือไม่ ดังนี้ เมื่อโจทก์มีชื่อเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 2731 ถึง 2734 และ 4995 ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1373 บัญญัติว่า
ถ้าทรัพย์สินเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ได้จดทะเบียนไว้ในทะเบียนที่ดิน ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า บุคคลผู้มีชื่อในทะเบียนเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง โจทก์จึงได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานของกฎหมายดังกล่าวว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท และกรณีไม่มีประเด็นว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 ถึงที่ 8 ได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทดังวินิจฉัยข้างต้น เมื่อโจทก์มีสิทธิในที่ดินพิพาทและไม่มีกรณีเรื่องการถูกแย่งการครอบครอง โจทก์จึงมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ดังนี้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมาให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 ถึงที่ 8 และบริวารออกจากที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 2731 ถึง 2734 และ 4995 จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 ถึงที่ 8 เข้าไปเกี่ยวข้องในที่ดินพิพาทดังกล่าวอีกต่อไป จึงชอบแล้ว

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา