1 ม.ค. 2023 เวลา 06:58
ฎีกาที่ 1241/2563
แม้จำเลยมีหน้าที่ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์นั้นด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 แต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลย และภายหลังมีคำสั่งให้จำเลยนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมใช้แทนโจทก์ที่ขาดอีก 10,410 บาท มาวางศาลภายในกำหนดให้ส่งหมายแจ้งโดยทางไปรษณีย์ตอบรับ ถือว่าศาลชั้นได้ให้โอกาสจำเลยนำเงินจำนวนดังกล่าวมาวางศาลภายในกำหนด
เจ้าหน้าที่ศาลรายงานว่าจำเลยได้รับหมายแจ้งคำสั่งศาลเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2560 เมื่อพิจารณาผลการนำจ่ายของไปรษณีย์ท้ายรายงานเจ้าหน้าที่ ปรากฏว่ามีรหัสเดียวกันกับเอกสารบัญชีนำจ่ายท้ายฎีกาของจำเลยหมายเลข 2 ฟังได้ว่าเป็นเอกสารฉบับเดียวกัน โดยผลการส่งของไปรษณีย์แก่งคอยระบุว่าคืนผู้ฝากประทับตราลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2560
แต่ผลการนำจ่ายของไปรษณีย์ท้ายรายงานเจ้าหน้าที่ระบุว่าเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2560 มีผู้รับได้รับเรียบร้อยผู้รับชื่อ “ ประวัติ ” แต่ไม่มีลายมือชื่อ จำเลยฎีกาว่าผู้ที่ชื่อ “ ประวัติ ” ไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านของจำเลย การส่งเอกสารโดยทางไปรษณีย์หากไม่พบคู่ความหรือบุคคลที่จะส่งคำคู่ความหรือเอกสาร
ต้องส่งให้แก่บุคคลใด ๆ ที่มีอายุเกินยี่สิบปีซึ่งอยู่หรือทำการงานในบ้านเรือนหรือที่สำนักการงานที่ปรากฏว่าเป็นของคู่ความหรือบุคคลนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 73 ทวิ ประกอบมาตรา 76 เมื่อไม่มีรายละเอียดว่าผู้ที่ชื่อ “ ประวัติ ” เป็นใครมีอายุเกินยี่สิบปีหรืออยู่หรือทำการงานในบ้านเรือนตามหมายหรือไม่ จึงยังไม่อาจฟังได้ว่าการส่งหมายแก่จำเลยเป็นการส่งหมายโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว
เท่ากับว่ายังไม่มีการส่งหมายให้แก่จำเลย การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำพิพากษาว่าจำเลยทิ้งอุทธรณ์จึงเป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ประกอบมาตรา 246 และมาตรา 252 เมื่อจำเลยได้วางเงินค่าธรรมเนียมใช้แทนแล้วตามคำร้องฉบับลงวันที่ 9 สิงหาคม 2561
และศาลอุทธรณ์ภาค 1 ยังไม่ได้พิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยจึงเห็นควรให้ย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิจารณาพิพากษาอุทธรณ์ของจำเลยต่อไป (พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิจารณาพิพากษาอุทธรณ์ของจำเลยต่อไปตามรูปคดี)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา