2 ม.ค. 2023 เวลา 07:59
ฎีกาที่ 357/2563
แม้โจทก์จะได้บรรยายฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 962,007.87 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 17 กรกฎาคม 2558 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ก็ตาม แต่เมื่อศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 899,072.79 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2558 เป็นตันไป
หากโจทก์เห็นว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในส่วนที่เกี่ยวกับดอกเบี้ยไม่ถูกต้องครบถ้วน โจทก์ก็จะต้องอุทธรณ์ปัญหาดังกล่าวต่อศาลอุทธรณ์ แต่คดีนี้ปรากฏว่าโจทก์หาได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ไม่ ปัญหาว่าจำเลยต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์นับแต่เมื่อใด จึงเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น การที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกปัญหาดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยแล้วพิพากษาแก้เป็นว่า
ให้จำเลยชำระเงิน 899,072.79 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 17 กรกฎาคม 2558 เป็นต้นไปเป็นผลให้จำเลยต้องรับผิดดอกเบี้ยมากขึ้นกว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นโดยที่โจทก์มิได้อุทธรณ์ และปัญหาว่าจำเลยต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์นับแต่เมื่อใดหาใช่ปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่ศาลจะยกขึ้นวินิจฉัยได้เองดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่ ที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกปัญหาดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยจึงไม่ชอบ
อนึ่ง คดีนี้จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้องโจทก์ และเสียค่าขึ้นศาลในทุนทรัพย์ 977,402.97 บาท เป็นเงิน 19,548 บาท แต่ศาลฎีกาอนุญาตให้จำเลยฎีกาเฉพาะปัญหาว่า ศาลอุทธรณ์มีอำนาจยกปัญหาเกี่ยวกับดอกเบี้ยที่จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์นับแต่เมื่อใดขึ้นวินิจฉัยหรือไม่ไว้พิจารณา จึงเป็นการโต้เถียงในชั้นฎีกาเฉพาะการคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 899,072.79 บาท ว่าจะเริ่มนับแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2558 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือจะเริ่มนับแต่วันที่ 17 กรกฎาคม 2558
ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ตามจำนวนดอกเบี้ยที่โต้เถียงกันตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม 2558 ถึงวันที่ 19 สิงหาคม 2558 รวม 34 วัน เป็นทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกา 6,281.48 บาท ต้องเสียค่าขึ้นศาล 125 บาท ที่จำเลยเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกา 19,548 บาท จึงเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาเกินมา เห็นสมควรคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินมา 19,423 บาท แก่จำเลย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา